“ชุดเกราะที่สามารถใช้รับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้”ลู่โจวที่ฟังแบบนั้นสับสน
โจวเหวินเหลียงพูดต่อ“ชุดเกราะตัวนี้ถูกรัชทายาทส่งมอบมา เขาได้บอกเอาไว้ว่ามันสามารถใช้พลังวิเศษที่มีในชุดเกราะรับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ข้าก็ไม่คิดที่จะเชื่อ ผู้อาวุโส ได้โปรดตรวจสอบชุดเกราะอย่างละเอียดด้วย” หลังจากที่พูดจบดวงตาของโจวเหวินเหลียงก็หลบไปยังด้านข้าง ตัวเขากำลังสงสัยว่าศิษย์สาวกวายร้ายคนอื่นๆ อยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงได้มีชายหนุ่มผู้น่ารังเกียจเพียงแค่สองคนนอกเหนือจากปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ากัน แน่นอนว่าโจวเหวินเหลียงไม่กล้าที่จะถามคำถามนี้ออกไป
ฝานซงพูดเยาะเย้ยขึ้น“เจ้าไม่จำเป็นจะต้องบอกพวกเราหรอกว่าพวกเราต้องทำอะไร แต่พวกเจ้าก็คงจะเก่งในเรื่องการบอกต่อจริงๆ นั่นแหละ ไม่งั้นหลินซินก็คงจะมาขอโทษด้วยตัวเองไม่ต้องสั่งให้สาวกต้องมาแบบนี้แทน”
ใบหน้าของโจวเหวินเหลียงเปลี่ยนแปลงไปอย่างช่วยไม่ได้“แม้แต่ผู้อาวุโสก็ยังเกลี้ยกล่อมท่านปรมาจารย์ไม่ได้ พวกเราจนปัญญาแล้วจริงๆ”
หวังเจียนรางที่กำลังคุกเข่าอยู่ทางด้านหลังพูดต่อ“ได้โปรดตรวจดูชุดเกราะอย่างละเอียดด้วยเถอะ พวกเราทั้งสามคนต้องการที่จะขอโทษท่านจากใจจริง ตาแก่หลินซินนั่นกำลังพยายามผลักดันสถานศึกษาไท่ชูให้ล่มสลาย และเพราะแบบนั้นจึงทำให้สถานศึกษาใกล้ที่จะถูกทำลายล้างเต็มที…ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้อาวุโส พวกเราคงจะไม่อาจอยู่เฉยปล่อยให้สถานศึกษาไท่ชูถูกทำลายล้างได้!”
ลู่โจวยังคงนิ่งเงียบตัวเขาลุกขึ้นก่อนที่จะเดินลงจากบัลลังก์ ลู่โจวได้มาหยุดอยู่ที่หน้าโจวเหวินเหลียงก่อนที่จะเฝ้ามองชุดเกราะอีกครั้ง เมื่อลู่โจวพลิกฝ่ามือของตัวเอง ชุดเกราะในกล่องก็ลอยขึ้นมา บนชุดเกราะเต็มไปด้วยลวดลายสีแดงละเอียดอ่อน ทุกอย่างล้วนถูกแกะสลักอย่างพิถีพิถัน
แม้ว่าโจวจี้เฟิงจะไม่เข้าใจว่าลวดลายบนเกราะมันหมายความว่าอะไรแต่ก่อนหน้านี้ตัวเขาเคยได้รับคำสั่งให้คัดลอกลวดลายบนโลงศพที่ได้รับมา ดังนั้นโจวจี้เฟิงยังพอจำลวดลายบนโลงศพได้อย่างคลุมเครือ ตเมื่อนึกออกโจวจี้เฟิงก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “ทำไมมันถึงคล้ายลวดลายบนโลงศพได้ล่ะ”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะศึกษาชุดเกราะต่อไป
โจวเหวินเหลียงเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะพูดออกมา“รัชทายาทหลิวจือได้ว่าเอาไว้ พลังของชุดเกราะตัวนี้จะตื่นขึ้นก็ต่อเมื่อได้เผชิญหน้ากับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ มันก็เป็นแค่คำโป้ปดหลอกเด็กก็เท่านั้น หลิวจือต้องการที่จะใช้สถานศึกษาไท่ชูเพื่อตัดกำลังศาลาปีศาจลอยฟ้า และเพราะแบบนั้นหลิวจือถึงได้มอบสิ่งที่เรียกว่าชุดเกราะพิเศษตัวนี้เพื่อปลุกปั่นพวกเรา”
ลู่โจวมองไปที่โจวเหวินเหลียงก่อนที่จะถามออกมา“ทำไมเจ้าถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ”
“.มัน…มันเป็นความคิดเห็นของข้าเองถ้าหากมีวิธีจัดการกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจริง องค์รัชทายาทก็คงจะใช้มันต่อสู้กับผู้อาวุโสในตอนที่เจ็ดสำนักใหญ่บุกภูเขาทองในตอนนั้นแล้ว ทำไมเขาถึงต้องซ่อนชุดเกราะเอาไว้และส่งมันให้กับสำนักใดสำนักหนึ่งเพื่อต่อสู้แทนตัวเองกัน” โจวเหวินเหลียงตอบกลับมา
ลู่โจวเองก็ไม่ได้คิดจะทิ้งความเห็นของโวเหวินเหลียงไปซะทีเดียวท้ายที่สุดแล้วโจวเหวินเหลียงก็พูดมีเหตุผล ในตอนที่สำนักใหญ่ทั้งเจ็ดโอบล้อมภูเขาทองเอาไว้ ในตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่ามีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่จริง ถ้าหากหลินซินสวมใส่ชุดเกราะและต่อสู้ด้วยความสามารถที่มี เขาจะต้องยืนหยัดสู้กับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้แน่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็คงจะมีเพียงผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเท่านั้นที่จะล้มหลินซินลงได้
“ผู้อาวุโสจีช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย”โจวเหวินเหลียงพูดซ้ำ
“มีเพียงผู้ที่กล้าคิดกล้าลองเท่านั้นที่จะตามสถานการณ์ได้ทัน…”ลู่โจวหันกลับมาก่อนจะพูดต่อ “สวมมันซะ”
“หะ”โจวเหวินเหลียงตกตะลึง ตัวเขาไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องทำอะไรแบบนั้น
ฝานซงรีบเร่งโจวเหวินเหลียงต่อ“เร็วเข้า สวมชุดเกราะที่เจ้าเอามาซะ!”
“ได้ได้ ได้…”
โจวเหวินเหลียงไม่กล้าที่จะพูดจาหยาบคายตัวเขารีบสวมใส่ชุดเกราะที่หนาและหนักในทันที หลังจากที่สวมชุดเกราะเสร็จแล้วตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
ลู่โจวได้จ้องมองโจวเหวินเหลียงอยู่ครู่หนึ่งถ้าหากมองอย่างคร่าวๆ ลวดลายบนชุดเกราะที่ได้เห็นมันคล้ายกับลวดลายที่เป็นเขตแดนของโลงศพมาก “ลุกขึ้นได้แล้ว”
โจวเหวินเหลียงทำตามที่บอกตัวเขายืนขึ้นในขณะที่สั่นไปทั้งตัว โจวเหวินเหลียงทั้งกังวลและกลัวอย่างไม่เคยเป็นมา ในขณะที่ยืนอยู่ตัวเขาก็เห็นลู่โจวยกฝ่ามือขึ้น เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นลู่โจวก็ได้ปล่อยพลังสีทองออกมาจากฝ่ามือ
“นั่นมัน!”โจวเหวินเหลียงไม่คิดว่าลู่โจวจะโจมตีในทันที ตัวเขาไม่มีทางป้องกันตัวเองได้ทันอีกต่อไป
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือได้ซัดเข้าใส่หน้าอกของโจวเหวินเหลียงแรงกระแทกจากพลังฝ่ามือได้ทำให้ตัวเขากระเด็นถอยไป
หวังเจียนรางและจางกงต่างก็ขมวดคิ้วก่อนที่จะมองโจวเหวินเหลียงกระเด็นต่อไป
พลังฝ่ามือไม่ได้จางหายไปในทันทีมันติดอยู่ที่ตัวของโจวเหวินเหลียงก่อนที่จะส่งตัวเขาให้กระเด็นออกจากห้องโถงใหญ่
ตุ๊บ!
เมื่อโจวเหวินเหลียงตกลงสู่พื้นตัวเขาก็เฝ้ามองท้องฟ้า โจวเหวินเหลียงรู้สึกราวกับข้อต่อของตัวเขาแทบจะหลุดออกจากร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่แยกมาก
เห็นได้ชัดว่า‘พลังวิเศษ’ ที่ว่าเอาไว้ไม่ได้ทำงานเลย
หวังเจียนรางเป็นคนแรกที่ตอบสนองขึ้น“ดูนั่นสิ ชุดเกราะนั่นเป็นของปลอมจริงๆ ด้วย!”
จางจงพูดแทรก“เจ้าหลินซินนั่น! เจ้านั่นไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่สถานศึกษาไท่ชูจะได้เจอเลย พวกเราเกือบโดนหลิวจือหลอกซะแล้ว”
พลังฝ่ามือที่ลู่โจวได้ปล่อยออกไปเป็นพลังฝ่ามือที่มีระดับพลังของผู้ที่มีอวตารดอกบัวสองกลีบเท่านั้นมันไม่ใช่การโจมตีของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแต่อย่างใด
ลู่โจวเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน‘ไม่ว่าจะอยากใช้แค่ไหน ฉันก็ไม่สามารถใช้การโจมตีของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้’
ฝานซงที่ยืนมองอยู่ได้พูดแทรก“ท่านปรมาจารย์ควบคุมพลังฝ่ามือได้น่าอัศจรรย์จริงๆ ”
นอกห้องโถงใหญ่โจวเหวินเหลียงกำลังลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ตัวเขาได้โค้งคำนับลู่โจวจากด้านนอกก่อนที่จะพูดออกมา “นับว่าเป็นการโจมตีที่ทรงพลังจริงๆ ผู้อาวุโสจี…เกราะตัวนี้เป็นของที่ไร้ประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย” มือข้างหนึ่งของโจวเหวินเหลียงกดไปที่หน้าอกของตัวเอง ตัวเขากำลังอดทนต่อความเจ็บปวดอยู่..
ลู่โจวเฝ้ามองชุดเกราะอีกครั้งไม่มีอะไรถูกกระตุ้นแต่อย่างใด แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าชุดเกราะตัวนี้มันเหมือนกับโลงศพ มันไม่ใช่ชุดเกราะของปลอม
‘…คงจะต้องใช้พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบในการโจมตีเท่านั้นสินะ’
ลู่โจวยังคงใช้ความคิดต่อไปในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากนอกห้องโถง
“ท่านอาจารย์พลังฝ่ามือของท่านมันช่างดูเจิดจ้าจริงๆ ข้าน่ะมองเห็นมันตั้งแต่ไกลโพ้น” ซู่ฮ่องกงได้เดินเข้ามาในห้องโถงในขณะที่งอหลัง
“ท่านศิษย์คนที่แปด”ฝานซงและโจวจี้เฟิงต่างก็ทักทายซู่ฮ่องกงอย่างพร้อมเพรียงกัน
ผู้อาวุโสทั้งสามจากสถานศึกษาไท่ชูหันกลับมามองตัวเขาเห็นซู่ฮ่องกงกำลังเดินเข้าห้องโถงในขณะที่งอหลัง ทุกคนที่เห็นชายผู้อ้วนท่วม ใบหูใหญ่เดินเข้ามาในห้องโถง เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็เกิดความสงสัย ‘ชายคนนี้น่ะหรอซู่ฮ่องกง ราชาปีศาจ?’
เมื่อซู่ฮ่องกงเดินผ่านพวกเขาในตอนนั้นเองรอยยิ้มที่เคยมีก็ได้หายจางไป แต่เมื่อซู่ฮ่องกงเดินผ่านเหล่าผู้อาวุโสไปได้ รอยยิ้มของเขาก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้อารมณ์แปรปรวนง่าย
ฝานซงยังคงจำความพยายามในการพูดเยินยอในก่อนหน้านี้ได้แต่เมื่อเทียบกับซู่ฮ่องกงในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะยังห่างชั้นกันมาก
“มีอะไรกัน”ลู่โจวมองไปที่ซู่ฮ่องกง
ซู่ฮ่องกงตอบกลับมา“ศิษย์พี่สี่ต้องการส่งข้อความมาถึงท่าน เขาบอกเอาไว้ว่าสถานศึกษาไท่ชูมีความเกี่ยวข้องกับราชสำนักมาอย่างช้านานแล้ว”
“ได้โปรดคิดให้ถี่ถ้วนด้วยผู้อาวุโสจี นั่นมันก็เป็นเพียงความคิดของตาแก่หลินซินเท่านั้น พวกเราทั้งสามคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
ลู่โจวมองดูทั้งสามคนอย่างใจเย็นไม่มีใครบอกได้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขากำลังคิดอะไรกัน ในที่สุดลู่โจวก็พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ข้ารู้สึกได้ถึงความจริงใจของพวกเจ้าทั้งสามดี พวกเจ้าทิ้งเกราะเอาไว้ที่นี่ซะ”
โจวเหวินเหลียงมีความสุขมากที่ได้ยินแบบนั้นตัวเขารีบถอดชุดเกราะออกมาในทันที
ผู้อาวุโสทั้งสามจากสถานศึกษาไท่ชูกล่าวขอบคุณลู่โจวอย่างพร้อมเพรียงกัน“ขอบคุณผู้อาวุโสจี”
“ติ้ง!ได้รับการสรรเสริญจากทั้ง 3 คน ได้รับแต้มบุญ: 3”
“แต่…”
“หะ”ทั้งสามคนที่เพิ่งจะโล่งใจกลับมากังวลอีกครั้ง
“เมื่อข้าแน่ใจแล้วว่าหลินซินเป็นเพียงคนเดียวที่ก่อปัญหาเมื่อถึงตอนนั้นข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้าทั้งสามคน ขังพวกเขาไว้ซะ”
ฝานซงและโจวจี้เฟิงรีบรับคำสั่ง“ครับ ท่านปรมาจารย์”
“ได้โปรดคิดให้ถี่ถ้วนด้วยผู้อาวุโสจี! ผู้อาวุโสจีข้าพูดความจริง! …” ไม่ทันได้พูดจบผู้อาวุโสทั้งสามก็ถูกลากตัวออกไป ตัวเขาได้แต่สงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิด
ท้ายที่สุดแล้วผู้อาวุโสทั้งสามคนก็ถูกขังอยู่ในศาลาทางตอนเหนือมันเป็นที่ที่ทำให้พวกเขาไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีก
ห้องเก็บของณ ศาลาทางเหนือ
หวังเจียนรานได้ถามออกมา“ผู้อาวุโสโจว แผนการได้ผลไหม”
“ไม่ต้องห่วง…มันจะต้องได้ผลแน่”
โจวเหวินเหลียงเอามือไขว้หลังก่อนจะพูดออกมาอย่างน้อยที่สุดเจ้ามหาวายร้ายก็ไม่ได้ฆ่าพวกเราในทันทีใช่ไหมล่ะ
“ปัญหาในตอนนี้ก็คือชุดเกราะเป็นของปลอมแล้วหลินซินจะจัดการกับมหาวายร้ายนั่นได้ยังไงกัน” หวังเจียนรางถามออกมา
โจวเหวินเหลียงที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้ว“มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเป็นของจริงหรือเปล่า ตราบใดที่มหาวายร้ายเชื่อว่าหลินซินร่วมมือกับองค์รัชทายาท แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว เมื่อหลินซินถูกขับออกจากตำแหน่ง และเซียวซานในมณฑลยู่ถูกกำจัด สถานศึกษาไท่ชูก็จะเป็นของพวกเราทั้งสามคน มหาวายร้ายจีเทียนเด๋าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เขาไม่แพ้ง่ายๆ แน่”
หวังเจียนรางพยักหน้า“พี่โจว ท่านคิดแผนการมาดีจริงๆ”
โจวเหวินเหลียงถอนหายใจออกมา“ไม่เข้าถ้ำเสือ ไม่ได้ลูกเสือ พวกเราจะได้ของที่ต้องการได้ไงถ้าหากไม่ยอมเสี่ยง”
เมื่อพูดถึงถ้ำเสือจางกงก็ได้พูดออกมา “แต่ข้าว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่ข้าคาดไว้เลย”