บทที่ 403 ไล่ล่า

กู้เจียวหันไปมองตามสัญชาตญาณ

เห็นเพียงหญิงงามสวมชุมคลุมสีเขียวอ่อนเดินออกมา นั่นมิใช่ความงามดาษดื่น แต่เป็นความงามที่ให้ความรู้สึกเลอค่า ทว่าไม่ดูประเจิดประเจ้อ

ส่วนใบหน้ามีผ้าคลุมสีขาวสะอาดปกคลุม แต่ก็ยังเห็นเค้าโครงของสันจมูกโด่ง ดวงตาทั้งสองที่ถูกปีกหมวกบดบังนั้นแสนล้ำลึกและสงบนิ่ง

นางดูเหมือนยังสาว รอบดวงตายังไม่มีรอยเหี่ยวย่น ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวนางนั้นคือความสูงศักดิ์ที่ต้องใช้เวลาสั่งสม กู้เจียวรู้สึกว่านางอาจอายุมากกว่าแม่นางเหยาด้วยซ้ำ

ประโยคหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของกู้เจียว…ความงามเหนือกาลเวลา

เพียงแต่เป้าหมายของกู้เจียวมิใช่คนงามในห้องนั้น

กู้เจียวไม่ลืมว่าตัวเองมาเพื่อถามหมอยาแคว้นเยียนว่าซื้อตัวองครักษ์หลงอิ่งมาได้อย่างไร นางถูฝ่ามือไปมา ลุกยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไป ไม่สนใจหญิงงามผู้นั้น

ทว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ทันได้สังเกตว่าหน้าประตูมีจอมยุทธ์น้อยนั่งอยู่

นางถือยาที่ซื้อมาจากในห้อง ดึงหมวกคลุมหน้าลง ก่อนจะเดินออกไปยังประตูทางออกด้วยสีหน้าเรียบเฉย

องครักษ์หลงอิ่งตามติด

“เอ๊ะ”

กู้เจียวเพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็ต้องชักเท้ากลับ

นางหันหลังกลับ มองไปยังองครักษ์หลงที่เดินจากไปพร้อมกับหญิงผู้นั้น ในหัวก็พลันมีคำถามผุดขึ้นมา

องครักษ์หลงอิ่งไม่ได้เป็นคนของหมอยาแคว้นเยียนหรือ แต่เป็นของแม่นางผู้นั้น

นางคือใครกัน

เหตุใดถึงมีองครักษ์หลงอิ่ง

หากถามว่าเหตุใดถึงเดาว่าหมอยาแคว้นเยี่ยนสามารถซื้อตัวองครักษ์หลงอิ่งได้ นั่นก็เป็นเพราะองครักษ์หลงอิ่งคือทหารพลีชีพจากแคว้นเยี่ยน ส่วนคนที่ฝึกปรือองครักษ์หลงอิ่งก็มาจากแคว้นเยี่ยนเช่นกัน

ล้วนแต่เป็นคนแคว้นเยี่ยนทั้งนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าองครักษ์หลงอิ่งผู้นั้นเป็นคนของหมอยาแคว้นเยี่ยน

แล้วฮูหยินผู้นั้นเป็นใครกัน

กู้เจียวมึนงงไปหมด

นางตั้งใจว่าจะตามไปดูสักหน่อย แต่เหล่าเหอกลับมาหาเสียก่อน

เหล่าเหอได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ตัดสิน จึงตั้งใจมาหากู้เจียว เขามองกู้เจียว ทอดถอนใจพลางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล เขาคว้าแขนนางแล้วลากออกไปหน้าประตู

“ไอ้หยา ท่านชายกู้ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ ว่าอย่าเข้าใกล้ห้องที่แขวนน้ำเต้าน่ะ ท่านรู้หรือไม่ว่าใครอยู่ในห้องเมื่อครู่นี้ ขืนล่วงเกินเขาเข้าละก็ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”

กู้เจียวไม่เอ่ยคำใด นางยังคงมองตามหญิงผู้นั้น

เหล่าเหอคิดว่ากู้เจียวเข้าใจแล้วและกำลังสำนึกตน เขาจึงพูดต่อ “ว่าแต่เมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นบนสังเวียน ชายผู้นั้นเป็นใครรึ เหตุใดถึงได้พรวดพราดเข้ามาขัดขวางการประลอง ท่านรู้หรือไม่หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ข้า คนทั้งโรงประลองคงเล่นงานท่านตรงนั้นแล้ว”

กู้เจียวยังคงไม่พูดไม่จา

เหล่าเหอคิ้วขมวด กำแขนนาง “ที่ข้าพูดท่านได้ยินหรือไม่”

“ได้ยินแล้ว” กู้เจียวตอบ

“ไอ้หยา…ท่านพูดได้ด้วยหรือ!” เหล่าเหอตกอกตกใจ เท้าพลันก้าวถอยหลัง ทรุดนั่งลงกับพื้น “ไม่จริง ท่าน ท่าน ท่าน…เป็นผู้หญิงหรอกหรือ”

เขาพูดพลางยกมือของตัวเองที่คว้าข้อมือและกำท่อนแขนของกู้เจียวเมื่อครู่ พลันรู้สึกว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยลงไป…

โดยเนื้อแท้เหล่าเหอก็มิใช่คนดีมีคุณธรรมแต่อย่างใด อบายมุขทั้งห้าไม่พลาดแม้สักอย่าง แต่ก็ไม่ชั่วช้าถึงขั้นลงไม้ลงมือกับหญิงสาวตัวเล็กๆ

กู้เจียวอายุสิบห้า แต่พอสาวชุดผู้ชายแล้วมักจะดูอ่อนเยาว์ลง มองเผินๆ เหมือนอายุราวสิบสามสิบสี่ปีได้

กู้เจียวไม่คิดจะปกปิดเสียงที่แท้จริงของตนเองกับเหล่าเหออีกต่อไป ในเมื่อต้องขยายกิจการ อย่างไรเสียนางก็ต้องติดต่อกับเหล่าเหอมากขึ้น

เอาแต่เขียนแบบนั้น นางเองก็รำคาญเช่นกัน

เดิมทีเหล่าเหอจะมาซักไซ้ความผิดกู้เจียว แต่พอถูกนางทำเอาตกตะลึงเช่นนี้ ก็ลืมคำพูดที่จ่ออยู่ที่ริมฝีปากไปหมด

กู้เจียวถามเขา “หลายวันมานี้กุ้ยช่ายสองต้นนั้นมาที่นี่บ้างหรือไม่”

เหล่าเหอเอ่ยเสียงงุนงง “ว่าอย่างไรนะ”

“กุ้ยช่าย…” กู้เจียวกระแอมให้โล่งคอ “ท่านชายฉู่กับท่านชายเซียวน่ะ”

เหล่าเหอมุมปากกระตุก ตั้งฉายาประหลาดเช่นนั้นให้คนอื่นเขาจะดีหรือ

เหล่าเหอไม่ตอบคำถามนาง

“มาสิ”

ปัดโธ่ ปากเจ้ากรรมนี่ก็ซื่อสัตย์เสียจริง

กู้เจียวถามต่อ “มากี่ครั้ง”

เหล่าเหอเหลือบตามองกู้เจียว พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง เขาหลับตาลงพร้อมทั้งให้ความร่วมมือ “ท่านชายฉินมาสามครั้ง ท่านชายเซียวมาสิบเอ็ดครั้ง”

ขนาดคนเฉยชาอย่างกู้เจียวยังต้องตกใจเพราะไท่จื่อ

เขาว่างขนาดนั้นเชียวหรือ

หรือว่าเขาอยากเจอนางจริงๆ

กู้เจียวลูบคาง “อืม เจ้าไปบอกสองคนนั้นที ว่าวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายข้าว่าง”

เหล่าเหอชะงักไป “ให้มาทั้งสองคนเลยหรือ”

กู้เจียวยกยิ้มมุมปาก “ใครจ่ายหนักกว่าก็ให้คนนั้น”

เหล่าเหอ “…”

คนหนุ่มช่างไร้จรรยาบรรณเสียจริง

สุดท้ายเหล่าเหอก็ทำตามคำบอกอยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เสียเที่ยว ได้เงินติดมือกลับมาด้วย

กู้เจียวออกมาจากโรงประลองใต้ดิน หลังจากนั้นก็ไปยังร้านอาหารที่เลี้ยงส่งท่านเหล่าโหวเมื่อคราวก่อน คราวก่อนนางบังเอิญค้นพบว่าเป็ดกรอบของร้านนี้รสชาติไม่เลว นางจึงตั้งใจว่าจะซื้อกลับไปให้คนที่บ้านสักสองตัว

“ท่านชาย อีกครู่ใหญ่กว่าเป็ดจะขึ้นจากกระทะ ขอท่านโปรดรอสักครู่” คนงานยิ้มเอ่ย

กู้เจียวพยักหน้า หาที่นั่งในมุมหนึ่งของโถงใหญ่

ในหัวของกู้เจียวนั้นอดไม่ได้เลยที่จะคิดถึงองครักษ์หลงอิ่งกับฮูหยินที่องครักษ์หลงอิ่งคอยคุ้มกันที่ตนเจอในโรงประลองใต้ดิน

นางเป็นใครกันแน่

เหตุใดถึงได้มีองครักษ์หลงอิ่งที่เก่งกาจเพียงนั้น

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ดวงตาของกู้เจียวก็พลันเป็นประกายขึ้นมา ทันใดนั้นมีเงาร่างหนึ่งเดินผ่านที่ปลายสุดโถงทางเดิน หากไม่ใช่ฮูหยินผู้นั้นจะเป็นผู้ใดได้อีก

ฮูหยินผู้นั้นเดินมาทางกู้เจียว เข้าไปในห้องส่วนด้านหลังนาง

กู้เจียวพยายามไม่ให้ตนเองเป็นจุดสนใจ จนกระทั่งนางเดินเข้าไปกู้เจียวถึงได้ยืนขึ้นก่อนจะเดินไปทางห้องส่วนตัวนั้น

ประตูห้องปิดสนิท ภายในมีเสียงพูดคุยลอยออกให้ได้ยินเพียงแผ่วเบา

“เมื่อครู่ข้าไปพบหมอยาแคว้นเยียนผู้นั้นแล้ว”

ฟังดูก็รู้ว่าฮูหยินคนนั้นเป็นคนพูด น้ำเสียงของนางอ่อนโยนนุ่มนวล เข้ากับมาดสง่าสูงศักดิ์เป็นอย่างดี

“พวกเราโชคดี วันนี้เขาเหลือติดมืออยู่ขวดหนึ่งพอดี เขาบอกว่าจะช่วยอาการป่วยของท่านได้ ท่านลองกินก่อน”

ท่านอย่างนั้นหรือ

ฮูหยินพูดกับใครถึงต้องนอบน้อมเพียงนี้

ฐานันดรของนางย่อมไม่ธรรมดา คนที่นางเรียกว่าท่าน หากไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ก็ต้องมียศถาบรรดาศักดิ์เหนือนาง

ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร

กู้เจียวครุ่นคิด เดินมาหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง ตั้งใจว่าจะเจาะรูบนกระดาษแล้วแอบดูสักหน่อย

เพิ่งจะยกนิ้วชี้ขึ้นยังไม่ทันได้จิ้มเข้าไป เงาร่างสูงใหญ่ก็ทอดปกคลุม ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็คว้ารอบเอวนางก่อนจะกระเตงนางออกไป

ใช่แล้ว นี่คือกระเตง

แต่ไหนแต่ไรมีเพียงกู้เสี่ยวซุ่นกับกู้เฉิงเฟิงเท่านั้นที่กระเตงเสี่ยวจิ้งคงแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งกู้เจียวเองก็จะถูกกระเตงเหมือนกัน

นางถูกองครักษ์หลงอิ่งรวบเอวเอาไว้ สองมือสองขาดีดดิ้น ยังไม่ทันได้เหงื่อออก ก็ถูกพาตัวมายังหลังต้นไม้ท้ายร้าน

เขาวางกู้เจียวลง

กู้เจียวมองเขาอย่างระแวดระวัง จนเส้นผมกระเด้งชี้เด่ขึ้นมากลางหัว

เขาจะทำอะไรน่ะ

จะแก้แค้นนางอย่างนั้นหรือ

องครักษ์หลงอิ่งยกมือขึ้นแล้วยื่นไปทางกู้เจียว

…จากนั้นก็ลูบเส้นผมที่ชี้เด่ให้เรียบลง

กู้เจียว “….”

องครักษ์หลงอิ่งชักมือกลับ

เส้นผมที่ลู่ลงเมื่อครู่กระเด้งขึ้นมาอีกครั้ง

องครักษ์หลงอิ่งลูบมันกลับดังเดิม

แต่แล้วก็กระเด้งขึ้นมาอีก

ทันในนั้นแววตาขององครักษ์หลงอิ่งก็เปลี่ยนไป พลังปราณถูกเพ่งไปที่ปลายนิ้ว ใช้พลกำลังไม่ไร้เทียมทานนั้นกดเจ้าเส้นผมจอมดื้อด้านลง

ดูเหมือนว่าจะสมใจเขาเสียที

กู้เจียวยังคงมึนงง “…”

ช่างเถิด ไม่ได้มาแก้แค้นนางก็พอ อยากทำอะไรนางก็จะให้ความร่วมมือทั้งนั้น

องครักษ์หลงอิ่งล้วงดินสอออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้กู้เจียว

กู้เจียวร้องเอ๊ะ มองดูดินสอกลางฝ่ามือ ก่อนจะเงยหน้ามององครักษ์หลงอิ่ง “เจ้าให้ข้าทำไม เอ่อ…เมื่อครู่ข้าทำหักไปแท่งหนึ่ง เจ้าเลยให้แท่งใหม่กับข้าอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็…ขอบใจมาก”

เมื่อสิ้นเสียง กู้เจียวก็รู้สึกว่าเขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“ไม่ได้ให้ข้าอย่างนั้นหรือ เช่นนั้น…” กู้เจียวครุ่นคิด ลองย่อตัวลงแล้ววาดวงกลมบนพื้น

องครักษ์หลงอิ่งอารมณ์ดีขึ้นมาในทันใด

กู้เจียวมึนงงไม่น้อย หน้าบึ้งอยู่ตั้งนานที่แท้ก็อยากเห็นนางวาดวงกลมอย่างนั้นหรือ

วินาทีต่อมากู้เจียวก็คิดว่าตัวเองเข้าใจผิด

เพราะองครักษ์หลงอิ่งหงุดหงิดอีกแล้ว

กู้เจียวเกาหัว!

มืออีกข้างหนึ่งออกแรง ดินสอจึงหักอย่างไม่ทันระวัง

องครักษ์หลงอิ่งดีใจอีกแล้ว

“อ๋อ เจ้าอยากให้ข้าหักดินสออย่างนั้นหรือ ง่ายจะตายไป เจ้าอยากจะหักกี่อันก็เอามา!” กู้เจียวคว้าดินสอที่เหลือทั้งหมดกัน หักแกรกที่ละแท่งด้วยท่าทางทรงอำนาจ

หลังจากนั้นแววตาขององครักษ์หลงอิ่งก็เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง

องครักษ์หลงอิ่งมีความอดทนไม่น้อย ก่อนจะยื่นดินสออีกแท่งให้นาง

กู้เจียวนึกย้อนความทรงจำ ย้อนกลับไปถึงตอนหักดินสอนั้นมาถูกทางแล้ว แต่ขั้นตอนหลังจากหักแล้วนั้นไม่เป็นไปอย่างที่เขาหวังนัก

หรือว่านางหักไม่สวยพอ หรือว่านางตั้งหน้าตั้งตาหักเกินไป หรือว่าไม่กระแทกหน้าเขา

เดี๋ยวนะ กระแทกหน้าอย่างนั้นหรือ

กู้เจียวทำใจกล้าเหลือบมององครักษ์หลงอิ่ง ก่อนจะหักดินสอในมือกับพื้น เสียงแกรกดังขึ้น ดินสอหักครึ่ง เพราะองศาและแรงดีด ครึ่งหนึ่งที่หักจึงกระเด็นไปกระแทกหน้ากากขององครักษ์หลงอิ่ง เกิดเป็นเสียงดังก้อง

กู้เจียวมองเขาอย่างหวาดหวั่น

วินาทีต่อมาองครักษ์หลงอิ่งก็ยื่นลูกกวาดให้นางหนึ่งเม็ด

ตอนแรกกู้เจียวคิดว่าเขาจะฆ่าตัวเองเสียอีก สุดท้ายนอกจากเขาจะไม่ฆ่าแล้ว แต่กลับให้นางหักดินสอแทน เรื่องแค่นี้สบายมาก

กู้เจียวหักดินสอไปพลาง ทั้งยังได้ลูกกวาดเอาไปแจกเสี่ยวจิ้งคงอีก เทียบกันแล้วดีกว่าตายเห็นๆ

กู้เจียวโคลงหัวไปมาอย่างลำพองใจ

ทว่าไม่ทันไร กู้เจียวก็เริ่มยิ้มไม่ออก

ทุกครั้งที่นางคิดว่าตัวเองหักหมดแล้ว องครักษ์หลงอิ่งก็จะล้วงดินสอห่อใหม่ออกมาราวกับใช้มนต์คาถาเสก หลังจากนั้นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ก็เหมือนกำลังมองนางอย่างตั้งตารอคอย

กู้เจียววางแผนหนี

พรึบ!

แต่ก็โดนจับตัวกลับมา

ชู่ว!

โดนจับตัวกลับมาอีกแล้ว

สุดท้ายกู้เจียวก็ถูกบังคับให้หักดินสออยู่อย่างนั้นทั้งบ่าย

มือจะหงิกอยู่แล้ว ฮือ ทำไมต้องเป็นนางด้วย!