บทที่ 538 ยาวิเศษ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 538 ยาวิเศษ

บทที่ 538 ยาวิเศษ

ซูอันลูบหลังฉู่ฮวนเจาที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ “อย่ากังวลไปเลย พ่อของเจ้าจะไม่เป็นไร” เขาปลอบนาง

“แต่ข้าได้ยินมาว่าเรื่องครั้งนี้ร้ายแรงมาก! ข้าได้ยินมาว่ามันแย่มากจริง ๆ…” ฉู่ฮวนเจาปาดน้ำตา เห็นได้ชัดว่านางไม่มั่นใจ

“พ่อของเจ้าเก่งจะตาย! เขาจะสามารถผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน” ซูอันช่วยนางปาดน้ำตาของนาง “นอกจากนี้ แม่และพี่ใหญ่ของเจ้าก็จะคิดหาวิธีช่วยด้วยเช่นกัน”

“แต่ข้าไม่เคยเห็นท่านแม่กับพี่ใหญ่ดูท้อใจขนาดนี้มาก่อน! พวกนางดูมองโลกในแง่ร้ายมากกับการช่วยท่านพ่อ!” ฉู่ฮวนเจายังคงหดหู่อย่างมาก

เมื่อไหร่กันที่เด็กร่าเริงคนนี้กลายเป็นคนเศร้าหมองและหดหู่เช่นนี้?

ซูอันลูบหัวของนางด้วยรอยยิ้ม “ต่อให้ไม่ไว้ใจท่านแม่ยายหรือพี่ใหญ่ของเจ้าก็ต้องเชื่อข้า! ข้าจะคิดหาวิธีช่วยท่านพ่อตาด้วย”

“จริง ๆ นะ?” ฉู่ฮวนเจามีความสุขอีกครั้งในทันที

ซูอันพยักหน้า “แน่นอน!”

“พี่เขยเยี่ยมที่สุด!” ฉู่ฮวนเจาหายเศร้าหมองในทันที นางเริ่มยิ้มแย้มด้วยความสุข

ทหารยามทุกคนตกตะลึง นางไม่มีความมั่นใจในคุณหนูใหญ่หรือฮูหยิน แต่กลับวางใจในตัวนายน้อย?

นายน้อยใช้ยาวิเศษชนิดไหนกันแน่!?

“ข้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ ข้าเอาแต่เล่นไปวัน ๆ…เมื่อมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ข้าช่วยท่านแม่หรือพี่ใหญ่ไม่ได้เลย แม้แต่ท่านก็ยังเก่งกว่าข้า…” ฉู่ฮวนเจาคร่ำครวญ

ซูอันจ้องมองที่นางพูดไม่ออก

หมายความว่ายังไง…แม้แต่ข้า???

แม้จะหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำพูดนี้ แต่ซูอันก็ยังคงปลอบโยนนางต่อไป “เจ้ายังเด็ก เจ้าจะสามารถช่วยได้เมื่อเจ้าโตขึ้น”

“จริงเหรอ?” ฉู่ฮวนเจากะพริบตา อย่างน้อยนางก็มีความตระหนักเกี่ยวกับความสามารถของนางเอง

“แน่นอน!” ซูอันกล่าวอย่างหนักแน่น เด็กหญิงคนนี้ถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวคนโตของนางเสมอมาตั้งแต่นางยังเล็ก ดังนั้นจึงไม่มีทางที่นางจะมั่นใจในตัวเองได้มาก เขารู้ถึงความสำคัญของการให้กำลังใจนาง

“พี่เขยเยี่ยมที่สุด!” ฉู่ฮวนเจาคล้องแขนของซูอัน ใบหน้าของนางยิ้มแย้มแจ่มใส

เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลบนแขนของเขา การแสดงออกของ ซูอันก็ดูแปลกไปเล็กน้อย ทำไมดูเหมือนเด็กคนนี้เพิ่งจะโต…?

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดซูอันก็สามารถปลอบโยนฉู่ฮวนเจาได้สำเร็จ จากนั้นเขาจึงกลับไปที่เรือนของเขา และพบว่าผู้เฒ่ามี่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่

ตาเฒ่าคนนี้ดูเหมือนคนทำสวนจริง ๆ แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วตาเฒ่าคนนี้เป็นปีศาจที่น่ากลัว!

ซูอันสาปแช่งในใจ แต่แสร้งยิ้มอย่างสดใส “ผู้อาวุโส ท่านมาหาข้าอีกแล้ว”

ผู้เฒ่ามี่พยักหน้า เขายิ้ม แต่เมื่อรอยยิ้มนี้อยู่บนใบหน้าที่น่าเกลียดของเขา มันกลับยิ่งทำให้ตัวคนแก่คนนี้น่ากลัวมากขึ้นอีก

ซูอันเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโส ตระกูลฉู่กำลังเผชิญกับปัญหาร้ายแรง ในเมื่อท่านแข็งแกร่งมาก ท่านพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม?”

เนื่องจากชายชราผู้นี้เลือกที่จะซ่อนตัวในตระกูลฉู่ ซูอันจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลฉู่ หรือบางทีอาจเป็นคนที่มีมิตรภาพกับตระกูลฉู่ ดังนั้นไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่สนใจความเป็นตายร้ายดีของตระกูลฉู่ การมีผู้บ่มเพาะระดับสูงเช่นนี้ให้ความช่วยเหลือย่อมจะบรรเทาสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างแน่นอน

ผู้เฒ่ามี่ส่ายหัว “รากฐานของตระกูลฉู่ที่สั่งสมมาอย่างเป็นเวลากว่าพันปีจะถูกทำลายลงไปอย่างง่าย ๆ ได้ยังไง?”

นี่เป็นเหตุผลแบบไหนกัน? ซูอันงงงวย ตาแก่คนนี้กล้าพูดได้อย่างไรว่าตระกูลที่สร้างขึ้นมานับพันปีไม่สามารถถูกทำลายได้?

“หยุดใช้สมองกับเรื่องไร้สาระนี้ได้แล้ว เจ้าคิดว่าตระกูลฉู่ที่ดำรงอยู่มานานนับพันปีจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากลูกเขยเช่นเจ้างั้นเหรอ?” ผู้เฒ่ามี่เยาะเย้ย “นอกจากนี้ ตระกูลฉู่รวมกันทั้งหมดยังไม่สำคัญเท่ากับตัวเจ้า งานเดียวของเจ้าคือดูแลตัวเอง เจ้าไม่สามารถปล่อยให้อันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวของเจ้าเองได้!”

จากนั้นผู้เฒ่ามี่ก็จากไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการได้ยินคำขอใด ๆ เกี่ยวกับการช่วยเหลือตระกูลฉู่อีก

ซูอันแอบไปที่เรือนไร้เสียงเหมือนเดิมในตอนค่ำ แต่ฉู่ชูเหยียนไม่อยู่

เขาจึงแอบแวะไปดูที่ห้องโถงหลักและพบว่ามันยังสว่างอยู่ มีผู้คนมาและจากไปเป็นครั้งคราว

ฉู่ชูเหยียนอาจกำลังคิดหาวิธีกอบกู้ตระกูลฉู่อยู่ก็เป็นได้…

ซูอันปวดใจ ภรรยาของเขาสวย แข็งแกร่ง และที่สำคัญที่สุดคือมีความสามารถ อย่างไรก็ตาม ความสามารถมากเกินไปก็มีข้อเสียในตัวของมันเอง นางต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย

ซูอันหนีมานอนในเรือนไร้เสียง เช้าวันรุ่งขึ้นเขาถูกฉู่ชูเหยียนปลุกให้ตื่น “อาซู เจ้าไปกับข้าหน่อยได้ไหม?”

ซูอันยังง่วงอยู่จึงเอื้อมมือไปกอดนางโดยไม่รู้ตัว “ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้วเหรอที่รัก? มานอนพักก่อนเถอะ”

ฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนน้ำหอมของนางหรือเปล่า? นางมักมีกลิ่นหอมของกล้วยไม้ที่สง่างาม ทำไมเขาถึงได้กลิ่นหอมของดอกกุหลาบแสนหวาน?

“อะแฮ่ม…” มีเสียงกระแอมเบา ๆ ออกมาอย่างไม่พอใจ

ซูอันลืมตาเห็น ฉินหว่านหรูและฉู่ชูเหยียนกำลังยืนอยู่ข้างเตียง

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่ได้หลับนอน ตาของพวกนางแดงก่ำและทั้งคู่ก็ดูซีดกว่าปกติเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่สวยมักจะเป็นผู้หญิงที่สวยเสมอ รูปลักษณ์ปัจจุบันของพวกนางทำให้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง

คนหนึ่งดูเย้ายวนและเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่อีกคนเยาว์วัยและงดงาม ทั้งคู่เป็นภาพที่สวยงามซึ่งดูเหมือนทำให้ห้องทั้งห้องสว่างขึ้น

ฉินหว่านหรูขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขาจ้องมองพวกนาง

ซูอันตัวสั่นกับการแสดงออกที่ไม่พึงประสงค์ของนาง เขาลุกขึ้นนั่งทันทีและพูดว่า “ข้าไม่คิดว่าท่านแม่ยายจะอยู่ที่นี่ด้วย!”

ซูอันไม่เข้าใจว่าทำไมฉินหว่านหรูถึงมาที่ห้องลูกสาวของนางในตอนเช้า เขาต้องการหาวิธีที่จะบอกนางอย่างแนบเนียนว่าอย่าบุกรุกรังรักส่วนตัวของพวกเขา

ฉู่ชูเหยียนที่สัมผัสได้ถึงความสับสนของเขา กล่าวว่า “เราคุยกันทั้งคืน เราไม่พบเจ้าอยู่ในห้องของเจ้าในตอนเช้า ดังนั้นเราจึงคิดว่าเจ้าไปสถาบันจันทร์กระจ่างแล้ว แต่เมื่อเรามาที่นี่เพื่อเอาของบางอย่าง เจ้า…กลับอยู่ที่นี่…”

ใบหน้าของนางค่อย ๆ แดงระเรื่อเมื่อนางพูดแบบนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นสามีภรรยากัน แต่หลายคนเชื่อว่าการแต่งงานของพวกเขาเป็นเพียงในนามเท่านั้น

ทั้งสองคนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะซ่อนความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเขาจากคนอื่น ๆ แต่แม่ของนางได้เห็นซูอันนอนหลับบนเตียงของนางเอง ไม่มีทางที่นางจะใช้ข้ออ้างว่าพวกนางแค่นอนด้วยกันเพื่อรักษาอาการป่วยอีกต่อไป

ฉินหว่านหรูก็นึกไม่ถึงเช่นกัน แม้ว่านางรู้ว่าทั้งสองคนได้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ แล้ว แต่นางก็ยังคิดว่าทั้งสองคนนอนด้วยกันเพียงเพราะอาการป่วยของฉู่ชูเหยียน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นซูอันซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะมีอิสระในห้องนี้ แสดงว่าทั้งสองคนได้ผูกพันกันมาแล้วหลายครั้ง…

เฮ้อ…ลูกสาวข้าโตแล้ว…