ตอนที่ 550 ใต้หล้าโกลาหล ชีวิตคนก็ทุกข์ยาก

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 550 ใต้หล้าโกลาหล ชีวิตคนก็ทุกข์ยาก

นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากการเจรจาระหว่างสำนักเขามหายานกับแคว้นหาน ‘ไม่สัมฤทธิ์ผล’

ในเวลาเดียวกันนี้เอง กำลังคนที่สามสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนเตรียมไว้รอบนอกมณฑลเป่ยโจวและมณฑลหนานโจวแต่เนิ่นๆ ได้เข้าสู่ตัวเมืองอย่างกะทันหัน เข้าไปรับช่วงคุ้มกันซางเฉาจงและเซ่าเติงอวิ๋นแทน

คนของสำนักหยกสวรรค์ที่รับหน้าที่คุ้มกันพวกซางเฉาจงอยู่ตั้งตัวไม่ทัน ไม่เข้าใจสถานการณ์ อีกทั้งไม่กล้าขัดขืนคนที่ทางสามสำนักใหญ่ส่งมา ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากพวกซางเฉาจง จึงทำได้เพียงมอบอำนาจในการดูแลควบคุมพวกซางเฉาจงให้สามสำนักใหญ่ไป

การรับช่วงต่อในมณฑลเป่ยโจวไม่มีทางเสร็จเรียบร้อยได้ในระยะเวลาสั้นๆ หากเกิดความวุ่นวายในมณฑลหนานโจว สำนักเขามหายานจะยังยินดีให้ความร่วมมืออยู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้

สามสำนักใหญ่ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอันใดขึ้นในเวลานี้ เรื่องของซางเฉาจงเกี่ยวข้องกับความมั่นคงในมณฑลหนานโจว ไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุร้ายขึ้นได้

ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในทันทีคือรับช่วงต่อในการคุ้มกัน ป้องกันไม่ให้สำนักหยกสวรรค์ก่อความวุ่นวายขึ้นด้วยความไม่พอใจ

หากคนยังอยู่ในการควบคุมของอีกฝ่าย อาจจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอันใดที่ฟังดูสมเหตุสมผลจนทำให้คนค้านไม่ออกขึ้นมาก็เป็นได้

การเข้ามารับช่วงคุ้มกันเซ่าเติงอวิ๋นอย่างรวดเร็วก็ทำไปเพื่อให้สถานการณ์ในมณฑเป่ยโจวมั่นคงด้วยเช่นกัน ในเมื่อความมั่นคงของมณฑลเป่ยโจว ณ ขณะนี้ยังคงขึ้นอยู่กับเซ่าเติงอวิ๋น แล้วก็เกรงว่าสำนักเขามหายานจะเกิดเปลี่ยนใจทีหลัง สามสำนักใหญ่จึงต้องฉวยโอกาสที่สำนักเขามหายานไม่มีช่องให้ตอบโต้ เป็นฝ่ายเข้าไปรับอำนาจมาไว้ก่อนโดยเร็ว

ทางนี้ก็ไม่อยากได้มณฑลเป่ยโจวที่ตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นกัน

ตอนยังไม่ลงมือยังพอว่า แต่พอลงมือก็ลงมือในหลายสถานที่ไปพร้อมกัน

ตามเขตต่างๆ ของมณฑลหนานโจว ผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ากำลังเร่งม้าวิ่งห้อไปตามท้องถนน

หลังจากได้รับรายชื่อจากซางเฉาจงแล้ว สำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาศที่ได้รับคำสั่งจากหนิวโหย่วเต้า ในฉากหน้าได้ทิ้งกำลังคนส่วนหนึ่งไว้อยู่เฝ้าดูแลสำนักตามปกติ แต่ลับหลังทั้งสามสำนักแทบจะยกโขยงกันออกไป เร่งมุ่งหน้าไปตามเขตต่างๆ เพื่อคุ้มกันลูกน้องคนสนิทหรือเจ้าหน้าที่บางส่วนของซางเฉาจงไว้

สาเหตุก็เพราะกลัวว่าสำนักหยกสวรรค์ที่มีทั้งหนี้แค้นเก่าและหนี้แค้นใหม่จะจงใจทิ้งปัญหาเอาไว้ให้ซางเฉาจง จึงจำเป็นต้องฉวยโอกาสในขณะที่สำนักหยกสวรรค์ยังไม่ทันตั้งตัว เข้ามาประสานงานกับคนของซางเฉาจง ทำการแยกตัวเจ้าหน้าที่สำคัญบางส่วนของซางเฉาจงกับฝ่าซือติดตามที่สำนักหยกสวรรค์ส่งมาออกจากกัน

ก็มิใช่ว่าจะเปิดศึกกับสำนักหยกสวรรค์ แต่ถ้าหากศิษย์ระดับล่างของสำนักหยกสวรรค์กล้าขัดขืนขึ้นมา ครั้งนี้สามสำนักก็จะไม่ไว้หน้าสำนักหยกสวรรค์เช่นกัน

หนิวโหย่วเต้าบอกพวกเขาไว้ชัดเจนแล้วว่าสำนักหยกสวรรค์กำลังจะถูกเขี่ยออกไปจากมณฑลหนานโจว!

….

ทันทีที่มณฑลเป่ยโจวถูกเข้าควบคุม สำนักเขามหายานและเซ่าเติงอวิ๋นก็ร่วมมือกันป่าวประกาศออกไปทันทีว่ามณฑลเป่ยโจวคืออาณาเขตของแคว้นเยี่ยน!

เรียกได้ว่าเป็นการประกาศตัดขาดกับฝั่งแคว้นหานอย่างเปิดเผย

ฝั่งราชสำนักทางเมืองหลวงแคว้นเยี่ยน ซางเจี้ยนสยงประกาศข่าวดีต่อคณะขุนนางด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง คณะขุนนางฮือฮา แตกตื่นปรีดาเช่นกัน สำหรับคนบางกลุ่ม นี่หมายความว่าจะมีผลประโยชน์ให้ปันส่วนกันอีกแล้ว

เมื่อข่าวแพร่ออกไป ทั่วทั้งเมืองหลวงแคว้นฉีก็มีเสียงโห่ร้องยินดีแว่วดังไม่ขาด เหล่าบัณฑิตโยนหมวกเฉลิมฉลอง มีประชาชนมากมายที่ร่ำสุราจนเมามายหรือไม่ก็ร้องไห้น้ำตานองเป็นสาย ขวัญกำลังใจของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

ทางฝั่งแคว้นหานกลับมีเสียงสบถโกรธเกรี้ยว พร้อมกับมีการจัดทัพใหญ่ตั้งท่าว่าจะเข้าโจมตี!

ทางฝั่งแคว้นเยี่ยนย่อมตั้งท่าพร้อมโต้กลับทันทีเช่นกัน เซ่าเติงอวิ๋นเองก็ระดมกำลังพลเตรียมรับมือ!

สามสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนได้ส่งข่าวแจ้งสำนักต่างๆ ภายในแคว้นไว้ล่วงหน้าแล้ว ระดมกำลังผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมหาศาลมุ่งหน้าไปยังมณฑลเป่ยโจวเพื่อข่มทางแคว้นหาน เตรียมพร้อมจะสู้ตายกับแคว้นหาน หากแคว้นหานกล้าผลีผลามก็ลองดู!

สำนักหยกสวรรค์เสียเปรียบเป็นอย่างมาก ไม่ได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแม้แต่น้อย ไม่ได้เตรียมการใดๆ ที่จะทำให้สามสำนักใหญ่เป็นกังวลเอาไว้เลย ถูกมัดมือชกโดยไม่ทันตั้งตัว แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับความจริง เริ่มทำการอพยพโยกย้ายเป็นกลุ่มๆ ตามคำสั่งของสามสำนักใหญ่

แต่แน่นอน เพื่อปลอบใจสำนักหยกสวรรค์ สามสำนักใหญ่ยังคงยอมผ่อนปรนให้ ส่วยที่ทางสำนักหยกสวรรค์เคยเพิ่มให้เพื่อขอสิทธิ์ในมณฑลหนานโจวครั้งก่อนถูกงดเว้นไป

สำหรับสามสำนักใหญ่ วันหน้าหากหนานโจวมีรายได้เพิ่มมากขึ้นก็ไม่ขาดทุนแล้ว ได้ประโยชน์ทั้งในด้านชื่อเสียงและกำไร

ยามอรุณเบิกฟ้า เฟิงเอินไท่ที่พาศิษย์กลุ่มหนึ่งอพยพลงจากเขาหันกลับไปมอง ทอดมองอาคารสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่งก่อสร้างปรับปรุงเพิ่มได้ไม่นานนัก พึมพำกับตัวเองว่า “น้องเล็ก กลยุทธ์ยอดเยี่ยมนัก กลับเป็นเจ้าที่ได้สมใจ!”

สำหรับผู้อาวุโสสำนักหยกสวรรค์แล้ว ไม่ว่าจะใช่การสลับมณฑลหรือไม่ แต่ในใจต่างทราบดีว่าครั้งนี้พ่ายแพ้ต่อหนิวโหย่วเต้าอย่างหมดรูป ถูกหนิวโหย่วเต้าเขี่ยออกจากมณฑลหนานโจวแล้ว!

ศิษย์ของสำนักเขามหายานก็ทำการอพยพโยกย้ายเข้าสู่มณฑลหนานโจวเป็นกลุ่มๆ เช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางอพยพคนทั้งสำนักออกจากสองมณฑลได้ในคราวเดียวกัน

ฝั่งมณฑลหนานโจวยังคงเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย คหบดีบางส่วนถูก ‘กองโจร’ ปล้นสะดม ถูกยกเค้าทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก เป็นฝีมือผู้ใด คนบางกลุ่มย่อมทราบแก่ใจดี ก่อนจะอพยพไปคนเขาก็ต้องนำข้าวของติดตัวไปบ้าง ขอเพียงไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุไป ก็ทำได้เพียงแกล้งหลับตาหนึ่งไปเสีย

เสียงร่ำไห้ของตระกูลคหบดีที่โชคร้ายเหล่านี้ไม่มีผลต่อผู้คนในเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนที่โห่ร้องยินดีกันอยู่ รวมถึงอาจจะถูกมองข้ามไปด้วยซ้ำ

ราชสำนักแคว้นเยี่ยนก็เร่งส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมุ่งหน้าไปรับตำแหน่งในพื้นที่มณฑลเป่ยโจวเช่นกัน เซ่าเติงอวิ๋นไม่ยอมสละอำนาจทางการทหาร แต่ยอมมอบอำนาจในการบริหารปกครองให้ ซึ่งเรื่องนี้มีการเจรจากันไว้ก่อนแล้ว

ไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนมากน้อยเท่าไรที่รู้สึกสุขทุกข์โกรธเกรี้ยวขึ้นมาในเวลานี้

อีกทั้งจำเป็นต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงที่มณฑลเป่ยโจวจะต้องเผชิญในภายภาคหน้า ความสามารถด้านการปกครองมณฑลเป่ยโจวเจ้าหน้าที่ที่ทางเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนส่งมาเหล่านั้นห่างชั้นกับเซ่าผิงปอมากนัก คนที่คิดจะทำงานเป็นจริงเป็นจังมีไม่มาก มีหลายคนที่มุ่งหน้ามาโดยมีเป้าหมายจะขูดรีดเอาสินทรัพย์จากประชาชนไป ยามที่เซ่าผิงปอปกครองมณฑลเป่ยโจว เขาเด็ดขาดโหดเหี้ยม ยามเกิดความวุ่นวายจะออกฎหมายคุมเข้ม ถ่วงดุลชอบธรรม เค้าลางการทุจริตที่เขาปราบปรามไปจนแทบจะสิ้นเริ่มมีแววว่าจะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง

หลังจากนี้ไป ความเจริญรุ่งเรืองในมณฑลเป่ยโจวที่เซ่าผิงปอเคยสร้างเอาไว้จะถูกคนเหล่านี้สูบกินจนเหือดหายไปในไม่ช้า

….

ช่วงแรกเริ่มที่เกิดเรื่องขึ้น ข่าวก็แพร่ไปถึงแคว้นจิ้นแล้ว

“พรูด!” เซ่าผิงปอที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะกระอักโลหิตคำหนึ่งพ่นลงบนโต๊ะ สองมือยันโต๊ะไว้ คิดจะลุกทว่าลุกไม่ไหว ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าซีดขาว ร่างโงนเงนสั่นสะท้าน

มณฑลเป่ยโจวที่เขาทุ่มเทกายใจไปมากมาย มณฑลเป่ยโจวที่เขาก่อตั้งขึ้นมาด้วยมือตน ยามนี้กลับไปอยู่กับแคว้นเยี่ยนแล้ว เท่ากับความทุ่มเทในหลายปีมานี้สูญเปล่าไปทั้งสิ้น

เคยคิดว่าคงรักษามณฑลเป่ยโจวไว้ไม่ได้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเสียไปด้วยวิธีนี้ ในที่สุดก็เข้าใจถึงแผนการของหนิวโหย่วเต้าแล้ว

เขาคิดว่าถึงแม้ตนจะหนีออกมาแล้ว แต่สำนักหยกสวรรค์ยังอยู่ในมณฑลหนานโจว เขาก็สามารถสร้างปัญหาให้หนิวโหย่วเต้าได้เช่นกัน

ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ไป ยังไม่ทันรอให้เขาฟื้นตัวกลับมาได้ก็จบสิ้นแล้ว

เขาติดต่อกับสำนักหยกสวรรค์เพื่อร่วมมือกันจัดการหนิวโหย่วเต้า ผลคือหนิวโหย่วเต้าทางหนึ่งก็บีบคั้นจนเขาต้องหนีออกจากมณฑลเป่ยโจว อีกทางหนึ่งก็เขี่ยสำนักหยกสวรรค์ออกไปจากมณฑลหนานโจว พริบตาเดียวก็ทำลายการร่วมมือกันระหว่างพวกเขาลงแล้ว

อีกฝ่ายปักหลักในมณฑลหนานโจวได้ ทั้งยังลงมือเล่นงานเขาจนไม่อาจตอบโต้กลับได้!

เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ เหยียบย่ำความมานะอุตสาหะในช่วงหลายปีมานี้ของเขา เสมือนตบหน้าเขาอย่างแรง สร้างความอัปยศให้เขา!

ยิ่งยืนอยู่สูงมากเพียงใด ยามที่ร่วงหล่นลงมาก็จะยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น กรณีนี้ก็เช่นกัน ไท่ซูสยงเชิดชูเขาขึ้นสูง ในยามที่ทุกคนมองเห็นเขาแล้ว จู่ๆ ก็ถูกคนเขายัดเยียดความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถให้ ทำให้คนที่กำลังจับตามองเขาได้เห็นชัดเจนเต็มตา

“ไอ้สารเลวหนิว เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!” เซ่าผิงปอที่มีโลหิตเปรอะริมฝีปากโมโหจนแทบมีไฟลุกโชนอยู่ในดวงตาแล้ว

“คุณชายใหญ่!” เซ่าซานเสิ่งร้องด้วยความตกใจ จากนั้นก็หันไปตะโกนเสียงดัง “ใครอยู่บ้าง! มีใครอยู่บ้าง!”

ผู้บำเพ็ญเพียรหลายคนทะยานเข้ามา พอเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจมาก ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น รีบเข้าปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็ว

….

ณ จวนครองฟ้า พอเสวียนเวยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะอ่านรายงานจบก็ส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ “ดูเหมือนหนิวโหย่วเต้าคนนี้จะข่มเซ่าผิงปอได้จริงๆ!”

ถังอี๋ที่อยู่ด้านข้างมองมาด้วยความตกตะลึง

เสวียนเวยหันไปยิ้มน้อยๆ ให้นาง ยื่นรายงานส่งให้นางอ่าน

มณฑลเป่ยโจวหวนสู่แคว้นเยี่ยนหรือ? ถังอี๋อ่านแล้วตะลึงงัน ลองถามออกไป “ฝีมือหนิวโหย่วเต้าหรือเพคะ?”

เสวียนเวยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จากสถานการณ์ข่าวที่ข้าทราบมา เบาะแสต่างๆ ล้วนบ่งชี้ไปที่เขา หากมิใช่เขาแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้ เป่ยโจวกลับสู่แคว้นเยี่ยนได้รับความเห็นชอบจากสามสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนแล้ว ไล่เซ่าผิงปอหลบหนีไป จากนั้นก็เขี่ยสำนักหยกสวรรค์ที่มีความขัดแย้งออกจากหนานโจว มณฑลหนานโจวที่สำนักหยกสวรรค์ลำบากลำบนกว่าจะได้มาต้องส่งมอบให้คนอื่นไปเสียแล้ว อดีตสามีคนนั้นของเจ้าร้ายการจริงๆ!”

ซีเหมินฉิงคงเดินเข้ามาดึงรายงานจากมือถังอี๋ไปอ่านดู

ถังอี๋ยังคงตะลึงอยู่เล็กน้อย นี่คือฝีมือของเด็กหนุ่มเฉื่อยชาใต้ต้นท้อคนนั้นจริงๆ น่ะหรือ? มีความสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้ถึงขั้นนี้เชียวหรือ?

เดิมทีเสวียนเวยคิดจะให้นางติดต่อไปหาหนิวโหย่วเต้าอีก ให้นางช่วยกระชับความสัมพันธ์กับทางนี้ให้ เตรียมพร้อมเอาไว้เผื่ออนาคต แต่พอคำพูดจ่อขึ้นมาถึงปากก็ผงะไปเช่นกัน ถังอี๋เป็นฝ่ายหย่าขาดจากหนิวโหย่วเต้า แล้วให้เป็นฝ่ายติดต่อไปหาก่อนจะเหมาะหรือ?

นางอดคลางแคลงไม่ได้ สงสัยอยู่เล็กน้อยว่าหนิวโหย่วเต้าวางอุบายสกัดแผนการนี้ของนางไว้ล่วงหน้าใช่หรือไม่? น้ำใจก็ส่วนน้ำใจ เรื่องราวมันคนละส่วนกัน อย่าได้นำมาพัวพันปะปนกัน

….

อาชาสิบกว่าตัววิ่งทะยานไปตามทางหลวง หลังจากปีกทองตัวหนึ่งร่อนลงมาไม่นาน ทั้งกลุ่มก็รั้งบังเหียนหยุดม้า

เฉิงหย่วนตู้ที่เปื้อนฝุ่นมอมแมมอ่านจดหมายที่ทางสำนักส่งแล้วค่อนข้างมึนงง จากนั้นก็มองดวงตะวันที่เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา

หลังได้รับข่าวว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉี ทั้งคณะก็มุ่งหน้าตามไปที่เมืองหลวงแคว้นฉีต่อ ตอนนี้เข้าเขตแคว้นจ้าวแล้ว ผู้ใดจะทราบว่าจู่ๆ ทางสำนักจะส่งข่าวมาแจ้งความเปลี่ยนแปลงกะหันทันเช่นนี้

ย้ายไปยังมณฑลเป่ยโจว เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง!

….

“ดูเหมือนทางแคว้นหานจะระดมทัพใหญ่แล้ว!”

ใต้ชายคาเรือน ก่วนฟางอี๋มองหนิวโหย่วเต้าที่ยืนอยู่เคียงข้างกันแล้วเอ่ยออกมา

หนิวโหย่วเต้ามิได้นำพา “เป่ยโจวตกอยู่ในมือของแคว้นเยี่ยนแล้ว คิดจะชิงกลับไปมิใช่เรื่องง่ายดายปานนั้น หากไม่วางท่ากันสักหน่อยก็คงจะหาทางลงไม่ได้ อย่างมากก็คงเกิดการปะทะขึ้นเล็กน้อย ไม่มีทางระดมกำลังทั้งแคว้นมาเพื่อรบกับแคว้นเยี่ยน ยังไม่ถึงขั้นนั้น แค่แสร้งวางท่าไปเท่านั้น”

ก่วนฟางอี๋กะพริบตาปริบๆ “สรุปคือเจ้าทำสำเร็จแล้ว แม้ฉากหน้าจะดูไม่หือไม่อือ แต่ในใจก็แอบดีใจอยู่กระมัง?”

หนิวโหย่วเต้ายกกระบี่ที่ค้ำอยู่ขึ้นมา จากนั้นก็กระทุ้งแผ่นหินเล็กน้อย “มีอะไรน่าดีใจกัน อาจเป็นการก่อกรรมด้วยซ้ำ เซ่าผิงปอเป็นคนมีความสามารถที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง ข้าเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเป่ยโจวในช่วงหลายปีมานี้อยู่ตลอด ประชาชนได้พักหายใจ ค่อยๆ อยู่ดีกินดีขึ้นมา อยู่สบายมีงานทำ ในแง่ของการปกครองเป่ยโจว ข้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้เขาเลยด้วยซ้ำ หากมิใช่เพราะทราบดีว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะชักนำเป่ยโจวเข้าสู่สงคราม ข้าคงไม่ลงมือกับเป่ยโจว! เมื่อใต้หล้าโกลาหล ชีวิตคนก็ทุกข์ยาก หวังเพียงว่าความโกลาหลในโลกนี้จะสิ้นสุดลงโดยเร็ว!”

ก่วนฟางอี๋เหมือนจะเข้าใจคำพูดของเขาแต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ความแตกต่างด้านแนวคิดพื้นฐาน ในมุมมองของนาง นางคิดว่าเดิมทีโลกมันก็สมควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว

ไม่นานนัก จู่ๆ ก็มีแขกสูงศักดิ์สามคนมาเยือนทางนี้ติดๆ กัน ราชทูตแคว้นซ่ง ราชทูตแคว้นจ้าวและราชทูตแคว้นเว่ยที่ประจำการอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีพากันมาเยี่ยมเยือนหนิวโหย่วเต้า มีความสุภาพและกระตือรือร้นที่จะผูกมิตร

หนิวโหย่วเต้าให้การต้อนรับไปทีละคน เขาตอบรับคำเชื้อเชิญจากเหล่าราชทูตที่เชิญเขาไปเที่ยวเล่นในแคว้นต่างๆ กล่าวทำนองว่าหากมีโอกาสจะไปเยือนแน่นอน

นอกประตูเรือน รถม้าคันหนึ่งที่คาดว่าคงจะกะเวลาเอาไว้แล้วเคลื่อนตัวเข้ามา ปู้สวินเปิดม่านหน้าต่างแล้วยิ้มให้หนิวโหย่วเต้าที่ออกมาต้อนรับหน้าประตูแล้วกล่าวว่า “ขึ้นรถ!”

หนิวโหย่วเต้าลองหยั่งเชิงดู “ไปที่ใด?”

ปู้สวินตอบว่า “เข้าวัง ฝ่าบาททรงเรียกตัวเข้าเฝ้า”

….

ณ สวนไม้เลื้อย ตู๋กูจิ้งเร่งเดินเข้ามายังป่าไผ่อันเงียบสงัดแห่งเดิม เข้าไปหาอวี้ชางที่เดินเล่นอยู่ รายงานว่า “ตามข่าวที่ส่งมาจากหนานโจวและเป่ยโจว สำนักหยกสวรรค์อพยพออกจากหนานโจว ส่วนสำนักเขามหายานก็อพยพออกจากเป่ยโจวจริงๆ ขอรับ ทั้งสองฝ่ายสลับโยกย้ายอาณาเขต สำนักหยกสวรรค์ระเห็จออกจากหนานโจวไปแล้วจริงๆ ขอรับ”

“เจ้านี่…” อวี้ชางหยุดเดินพลางลูบเครา ใคร่ครวญเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง คล้ายจะตัดสินใจได้แล้ว “ปล่อยข่าวเรื่องที่คุณชายกราบอาจารย์ออกไป!”

……………………………………………………………