บทที่ 494 มันคือคราบ

บทที่ 494 มันคือคราบ

เสี่ยวเถียนมองอย่างตั้งใจ บนแผงลอยนั้นมีกระถางธูปสีดำวางอยู่ ด้วยแววตาอันเฉียบแหลมของเด็กหญิงเธอคิดว่ามันน่าจะเป็นกระถางธูปโบราณเทียนจีเอ่อร์เนื้อทองแดงจากราชวงศ์หมิง

และก้อนสีดำบนฝากระถางธูปน่าจะเป็นหยกเม็ดหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันผ่านอะไรมาถึงได้ดำแบบนี้ เสียของจริง ๆ เลย

ข่าวที่ว่ามีชาวต่างชาติสองคนมาเดินเที่ยวถนนโบราณแพร่สะพัดไปทั่ว

ฝั่งเจ้าของร้านที่เห็น มีที่ไหนจะมองไม่ออกว่าเป็นพวกต่างชาติเงินหนาหน้าโง่ที่เขาพูดถึงกันน่ะ? ถ้าอยากจะขายบ้างก็น่าจะได้สักอย่างสองอย่าง งานวันนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว

ธุรกิจของพวกเรายากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ก็มียังมีคนหลงเชื่อราคา แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลย แล้ววันนี้เขาก็ไม่ได้เปิดร้านด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปภรรยาและลูกได้อดตายแน่

ไม่ได้การ วันนี้ต้องทำให้ได้ ตอนเย็นเด็ก ๆ จะได้มีข้าวกิน

เมื่อนึกได้เช่นนั้น เจ้าของร้านก็รีบร้อนทักทายลูกค้า แต่ของบนแผงของเขาสภาพดูไม่ค่อยได้เลย แถมสกปรกด้วย

สองพี่น้องไม่แม้แต่จะชายตามอง ยิ่งได้ยินคำทักทายก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความรังเกียจ มือไม้โบกจนเวียนหัว

เขาผิดหวังมาก!

ส่วนเสี่ยวเถียนที่ชอบกระถางธูปกลับตอบรับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

เจ้าของแผงลอยรู้สึกหมดแรงทันทีที่เห็นชาวต่างชาติส่ายหน้า และเป็นเด็กหญิงชาวจีนที่ตอบรับคำทักทายของเขา

รูปลักษณ์เสี่ยวเถียนน่าจะเป็นคนมีเงินนะ แต่น่าเสียดายจัง ถึงไอ้พวกฝรั่งจะไม่สนใจ ขอแค่เด็กสาวบ้านรวยซื้อได้ก็พอ

“สาวน้อย ลองดูได้เลยนะ ที่นี่มีแต่ของดี ๆ ของแท้ทั้งนั้น ไม่เหมือนร้านอื่นที่เป็นของปลอมหรอก”

เจ้าของร้านตั้งใจขายอย่างเต็มที่ พูดพรรณนาเกินจริงมาก

เสี่ยวเถียนมองของบนแผง

ไม่รู้ขยะพวกนี้มันมีค่าได้ยังไง บอกว่าเป็นของแท้ยังอายปากเลย

แววตาเสี่ยวเถียนเคลื่อนไปทั่วแผงลอยราวกับว่าสนใจแต่ก็ไม่ได้ชอบ เจ้าของร้านจึงแนะนำอย่างเต็มที่

“ดูอันนี้สิ มันเป็นของเก่าจากราชวงศ์ถังที่จักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียน(บูเช็กเทียน)ทรงใช้เลยนะ แล้วก็ยังมีของจากราชวงศ์ซ่ง ซึ่งว่ากันว่าจักรพรรดิซ่งไท่จู่เคยใช้มาก่อน…”

เสี่ยวเถียนตลกที่เขาพูดจ้อไม่หยุด

อย่ามาทำเป็นพูดว่าจริงไม่จริงเลย ต่อให้จริงก็ไม่ได้มาจากราชวงศ์ถังเสียหน่อย เห็นชัด ๆ ว่าเลียนแบบเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์ซ่งด้วยซ้ำ

แถมของที่จักรพรรดิซ่งไท่จู่ใช้ก็เห็นกันอยู่จะ ๆ ว่ารูปร่างมันมาจากราชวงศ์ชิง

เสี่ยวเถียนแน่ใจได้เลยว่า คนขายไม่มีความรู้เรื่องโบราณวัตถุเลยสักนิด

สิ่งนี้ทำให้เธอโล่งใจมาก

หลังจากกวาดตามองเสร็จ ก็เอ่ยออกมาด้วยความรังเกียจ “ตั้งแต่เดินมาหนูไม่เคยเห็นของน่าเกลียดแบบนี้มาก่อนเลย ไม่มีอันสวย ๆ เลยสักอย่าง!”

รอยยิ้มบนใบหน้าเจ้าของร้านจางหายไป

เด็กคนนี้พูดจาอะไรเนี่ย หรือเพราะตอนมองหาไม่เจออันที่ชอบ ก็เลยไม่ถูกใจ? แต่จากนั้นเขาก็เข้าใจทันที

สาวน้อยคนนี้ต้องชอบของสวย ๆ แวววาวแน่ ๆ และของพวกนี้ก็ไม่ได้น่าดูเลยสักนิด

เขาเสียใจจริง ๆ ว่าทำไมถึงไม่ได้ของปลอมที่มีสีทองแวววาว อาจจะทำให้คนพวกนี้ยอมจ่ายเงินให้ก็ได้นะ

แกะอ้วนตัวใหญ่ตกหลุมมาทั้งที เขาจะยอมแพ้ไม่ได้

เจ้าของร้านยังมีสปิริตอยู่ และยกยิ้มแนะนำ

“สาวน้อยคิดผิดแล้วแหละ ในเมื่อมันเป็นของโบราณมันก็ต้องเก่าอยู่แล้ว มันจะงดงามเหมือนตอนนั้นได้ยังไงล่ะ?”

“เธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแล้วจะเข้าใจได้ยังไง ฉันจะบอกให้นะว่าดินที่เกาะอยู่บนนั้นไม่ใช่สิ่งสกปรก มันคือความแวววาวที่เปลี่ยนเป็นคราบแล้วต่างหาก เข้าใจหรือเปล่า?”

“…” เสี่ยวเถียน

ความแวววาวมันกลายมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร

เจ้าของร้านไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดของตนกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับเสี่ยวเถียนไปเสียแล้ว เขายังคงพยายามแนะนำอยู่

เด็กสาวยิ้มอย่างเคร่งขรึม “ถ้างั้นของพวกนี้ก็เป็นของแท้เลยสินะคะ ดินที่อยู่บนนั้น… โอ๊ะ คราบพวกนั้นยิ่งเยอะก็ยิ่งเก่า?”

เจ้าของร้านเห็นเสี่ยวเถียนเหมือนจะเชื่อ จึงพยักหน้าซ้ำ ๆ

“ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ ลองคิดดูสิ หลายพันปีที่ผ่านมา มีกี่ร้อยกี่พันที่ทั้งจับทั้งลูบน่ะ มันจะไม่มีร่องรอยเลยได้ยังไงกัน? สาวน้อย ฉันเป็นคนซื่อสัตย์นะ เชื่อที่ฉันพูดสิ”

“งั้นขอดูหน่อยค่ะ!”

เสี่ยวเถียนยื่นนิ้วออกไปชี้ของบนนั้นทีละอัน

เธอเดินวนดูไม่นานเท่าไร และมันทำให้เจ้าของแผงรู้สึกกระสับกระส่าย

เด็กคนนี้อยากได้หรือเปล่าเนี่ย?

ชี้ทหารชี้แม่ทัพ*[1]อยู่หรือไง?

“สาวน้อยระวังหน่อย นั้นมันสมบัติล้ำค่าทั้งนั้นเลยนะ”

เจ้าของร้านรออยู่สามนาที แต่เสี่ยวเถียนก็ยังไม่ตัดสินใจ

ส่วนคริสติน่าที่อยู่ข้าง ๆ ใจร้อนอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเสี่ยวเถียนชอบของพวกนี้ไปได้ยังไง? ของสวย ๆ งาม ๆ ก่อนหน้านี้ไม่ดีหรือ?

“ที่รัก ของพวกนี้มันดูสกปรกนะ ไม่ซื้อดีกว่าไหม?”

ถึงเจ้าของร้านจะฟังไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่าสาวต่างชาติคนนี้วางแผนที่จะทำลายธุรกิจของเขา

ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสี่ยวเถียนเอ่ยขึ้น

“เอาอันนี้แหละค่ะ หนูเห็นดินบนนั้น โอ๊ะ คราบบนนั้นมันเยอะที่สุดเลย”

เสี่ยวเถียนชี้นิ้วใส่กระถางธูปโบราณเทียนจีเอ่อร์เนื้อทองแดง

ส่วนเจ้าของร้านก็แค่มองดู ก็จริง มีของตั้งเยอะแยะแต่อันนี้สกปรกที่สุด

คงเพราะความวิตกกังวล เขาเลยไม่นึกสงสัยอะไร แค่คิดว่าเสี่ยวเถียนเชื่อจริง ๆ

ส่วนคริสติน่าไม่เข้าใจว่า ทำไมเสี่ยวเถียนต้องซื้อของแบบนี้ด้วย แต่ก็ยังกระตือรือร้นที่จะช่วยต่อรองราคา

และเพราะห้ามอะไรไม่ได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย

ส่วนคริสติน่ารู้สึกว่า ราคาของแบบนี้น่าจะถูกลงกว่านี้ จึงเสนอด้วยราคาที่ต่ำมาก

สุดท้ายก็ได้มาในราคาสามหยวน เสี่ยวเถียนได้กระถางธูปมาด้วยความช่วยเหลือจากเธอ

“ที่รัก มันดูน่าเกลียดมากเลย”

“คนขายบอกว่ามันคือคราบ*[2]น่ะ ยิ่งหนายิ่งเก่าแก่ค่ะ” เสี่ยวเถียนอธิบายเมื่อเห็นออกัสสงสัย

คริสติน่าเป็นคนเรียบง่าย เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยทันที “งั้นฉันซื้อด้วย”

“…” เสี่ยวเถียน

“…” ออกัส

แล้วอีกฝ่ายก็ทำอย่างที่ว่าจริง ๆ

เสี่ยวเถียนเดินตามเจ้าตัวอย่างมีความสุข ในบ่ายวันนั้นพวกเราทั้งสามได้ของอะไรมาไม่น้อยเลย แน่นอนว่าออกัสเป็นคนที่ได้น้อยที่สุด เขาได้มาแค่สองอย่างเอง

ส่วนสองสาวได้คนละสี่ห้าอย่าง

ตอนทั้งสามกลับมาที่หออีหมิง เสี่ยวเถียนเห็นร่างอันคุ้นเคย

[1] เป็นเกมพื้นบ้านยอดนิยมของเด็กจีน โดยจะร้องเป็นเพลงทั้งหมด 3 เพลงให้เลือกเล่น ลักษณะการเล่นเหมือนตามเนื้อเพลงที่ร้องเลย ยกตัวอย่างหนึ่งในเพลงทั้งสาม ‘ชี้ทหารชี้แม่ทัพ ขี่ม้ายกทัพ ชี้ไปโดนใครคนนั้นตามฉันมา ถ้าไม่มาคนนั้นเป็นไอ้ลูกหมา’

[2] หมายถึงความมันเงาบนพื้นผิวโบราณวัตถุที่พอผ่านช่วงเวลามาอย่างยาวนานก็จะเกิดเป็นคราบ อย่างเช่นบนเครื่องลายคราม (แต่เป็นรูปแบบบางเหมือนเปลือกไข่) เครื่องไม้ เครื่องหยก เครื่องทองแดง งาช้า ฯลฯ