ตอนที่ 517 เกิดอะไรขึ้น นี่คือเหตุการณ์ประเภทใด

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 517 เกิดอะไรขึ้น นี่คือเหตุการณ์ประเภทใด ?

“หาเจอแล้วหรือเพคะ ? ถ้าเช่นนั้นก็วิเศษไปเลย ! หาเจอตั้งแต่เมื่อใด ? เขา ( นาง ) เป็นพี่ชายหรือพี่สาวเพคะ ? ” เจียวเจียวดีใจจนลืมความขุ่นเคืองและความปรารถนาที่จะได้ออกไปนอกวังหลวงทันที

“นางเป็นพี่สาวที่ร้ายกาจมากคนหนึ่ง พูดไปแล้วก็แปลก พี่สาวคนนี้ยังเคยช่วยชีวิตเจิ้นไว้ด้วย ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงยื่นขนมให้พระธิดา

เจียวเจียวรับมาถือไว้แล้วตรัสด้วยดวงเนตรเป็นประกาย “พี่สาวคนนี้ต่อสู้เป็นหรือไม่เพคะ ? ใครก็บอกว่าจวนแม่ทัพย่อมมีบุตรหลานเป็นพยัคฆ์ นางเก่งได้สักครึ่งของพี่ชายซื่อจื่อไหมเพคะ ? ”

“ทั้งสองคนยังไม่เคยสู้กัน จึงไม่รู้ว่าใครเก่งกว่าใคร แต่นางมีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่กำเนิด แค่มือเดียวก็ล้มอาชาพยศได้แล้ว ! จริงสิ นางเคยประมือกับหมินอ๋องถึง 50 กระบวนท่า แต่ยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสชมเรื่องพวกนี้ออกมาจากใจจริง…เด็กสาวคนหนึ่งสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ ถือว่าไม่ธรรมดา !

เจียวเจียวรีบคว้าโอกาสแล้วเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องกราบไหว้อาจารย์ทันที “ฟู่หวงเพคะ ได้โปรดอนุญาตให้ลูกออกจากวังด้วย ลูกจะไปตำหนักหมินอ๋องแล้วสาบานเป็นพี่น้องกับนาง จากนั้นให้นางสอนวิชาการต่อสู้ที่ร้ายกาจให้ลูก ! ”

พอฮ่องเต้หยวนชิงได้ยินแบบนั้นก็กลับมาปวดหัวอีกครั้ง “ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เพราะพี่สาวคนนั้นยังไม่รู้ชาติกำเนิดของตน รอให้นางกราบไหว้บรรพชนแล้วเจ้าค่อยออกจากวัง ส่วนช่วงนี้ก็ทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในวังไปก่อน อย่าก่อเรื่อง เข้าใจหรือเปล่า ? ”

“ฟู่หวง ลูกไม่ใช่พี่ชายเจ็ดสักหน่อย เคยก่อเรื่องตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ ? ” องค์หญิงเจียวเจียวตรัสด้วยเสียงออดอ้อน

“เหตุใดข้าถึงได้ยินคนนินทาลับหลัง ? ดูท่าแล้วเค้กพุทราแดงที่ซื้อมาวันนี้ คงต้องเก็บกลับไปกินเองแล้วกระมัง ! ” องค์ชายเจ็ดค่อย ๆ ก้าวเข้ามาในห้องโถงกลางพร้อมสุรเสียงที่ลากยาว

“พี่ชายเจ็ด วันนี้พระองค์ซื้อเค้กพุทราแดงมาอีกแล้วหรือเพคะ ? พี่ชายเจ็ดน่ารักจริง ๆ รู้ว่าเจียวเจียวชอบกินเค้กพุทราแดงก็อุตส่าห์ซื้อเข้าวังมาโดยเฉพาะ พี่ชายเจ็ดน่ารักที่สุดเลย ! ” เจียวเจียวปล่อยพระหัตถ์ของฮ่องเต้หยวนชิงแล้วพุ่งเข้าไปหาองค์ชายเจ็ดเหมือนนกน้อยที่กำลังมีความสุข

องค์ชายเจ็ดยกห่อขนมให้สูงขึ้นกว่าเดิม “เมื่อครู่ใครกันที่บอกว่าข้าชอบก่อเรื่องต่อหน้าฟู่หวง ? ข้าก็คิดอยู่ว่าเหตุใดฟู่หวงถึงไม่ค่อยอยากพบข้า ที่แท้ก็เป็นเด็กน้อยอย่างเจ้ามาสาดโคลนใส่ข้าไว้นี่เอง เสียแรงที่รักเอ็นดูเจ้าจริง ๆ ! ”

“หม่อมฉันเปล่า ! ที่ฟู่หวงไม่ยอมพบพระองค์ ไม่ได้เป็นเพราะพระองค์ชอบทำตัวไม่เอาไหนหรือไร ? นี่เรียกว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตีเพคะ ! ” เจียวเจียวรีบแก้ตัว ดวงเนตรจับจ้องห่อขนมเหมือนกับลูกแมวที่เห็นปลาย่าง

“เจ้าน่ะพูดเก่งตลอด ปากน้อย ๆ เอาแต่พูดไม่หยุด ! ” องค์ชายเจ็ดพ่ายแพ้เพราะดวงเนตรของนาง แต่ก่อนที่จะยื่นห่อขนมให้ก็ดึงหางเปียของนางเสียก่อน

พอองค์หญิงน้อยเจียวเจียวได้ห่อขนมมาถือแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ฟู่หวงทอดพระเนตรพี่ชายเจ็ดสิเพคะ ชอบรังแกลูกอยู่เรื่อย ดึงผมของลูกจนเจ็บไปหมดแล้วเพคะ ! ”

“เจ้าเจ็ด ถ้าเจ้าทุ่มเทกับงานเหมือนตอนออกไปเที่ยวเล่นและแกล้งน้องสาวบ้าง ก็คงไม่ต้องใช้ชีวิตเสเพลอยู่แค่ในกรมคลัง ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงจ้ององค์ชายเจ็ดอย่างขัดเคือง…ดูเถิด จะยืนจะนั่งก็ดูไม่เป็นโล้เป็นพายสักอย่าง เกียจคร้านตัวเป็นขน แค่เห็นหน้าก็โมโหแล้ว !

องค์ชายเจ็ดประทับเก้าอี้ จากนั้นก็รินชาให้พระองค์เอง “เอ๋อร์เฉินใช้ชีวิตเสเพลตั้งแต่เมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ ? ปีก่อนตอนไปบรรเทาทุกข์ที่ตะวันตกเฉียงเหนือและภาคเหนือ เอ๋อร์เฉินก็ไม่ได้ทำผลงานออกมาได้ดีมากหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“นั่นใช่ผลงานของเจ้าหรือ ? นั่นเป็นเพราะจินเฉิงทำอะไรได้สุขุมรอบคอบ คอยช่วยชี้แนะเจ้าต่างหาก ? เฮอะ ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงแค่นสุรเสียง “แล้วก็อีกอย่าง จินเฉิงโดนลอบสังหาร ร่างกายบาดเจ็บสาหัส นี่ยังเรียกว่าดีอีกหรือ ? ”

“เอ๋อร์เฉินก็ไม่ได้ตรวจสอบพบว่าอดีตเจ้าเมืองจงโจวปกปิดเรื่องภัยแล้งหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ราษฎรเมืองจงโจวล้มตายกันไปตั้งเท่าไหร่ ? หรือนี่ก็ไม่ใช่ผลงานของเอ๋อร์เฉิน ? ” องค์ชายเจ็ดเถียงอย่างมีเหตุผล

“พอแล้ว แค่ผลงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เอาออกมาพูดตลอดเวลา แน่จริงเจ้าก็ทำมันอีกหลาย ๆ เรื่องให้เจิ้นได้มองมุมใหม่บ้างสิ ! แม้แต่น้องสาวของเจ้ายังรู้ว่าเจ้าเอาแต่หยอกหมาหยอกไก่ไปวัน ๆ ทำตัวไม่เอาไหน ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงถลึงดวงเนตรใส่พระโอรสแล้วรับเค้กพุทราแดงที่บุตรสาวมอบให้ด้วยความกตัญญูมาเสวย…หืม ? รสชาตินี้เหมือนกับขนมที่หยูอันนำเข้าวังไม่มีผิด เจ้าเจ็ดไปรู้จักนางหนูหลินตั้งแต่เมื่อใด ?

องค์ชายเจ็ดหันไปทอดพระเนตรองค์หญิงน้อยเจียวเจียว องค์หญิงน้อยเสวยขนมจนแก้มป่อง นางเหมือนกระรอกน้อยจอมตะกละ เมื่อเห็นพี่ชายเจ็ดหันมามอง นางก็รีบซ่อนขนมทันที ก่อนจะตรัสขึ้นมาเบา ๆ ว่า “หม่อมฉันไม่ได้พูดนะ เป็นฟู่หวงตรัสเพคะ ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงกลืนเค้กพุทราแดงแล้วถามว่า “เจ้าเจ็ด ไปเอาขนมนี้มาจากไหน ? ”

“ซื้อมาจากเมืองฝั่งตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ ! ” แน่นอนว่าองค์ชายเจ็ดไม่มีทางบอกความจริงเรื่องที่พระองค์แย่งขนมนี่มาจากมือของท่านชายเจ้าสำราญอย่างหยูจวิ้นอ๋อง…ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่มีคนเข้าแถวซื้อขนมมากเกินไป ส่วนหยูจวิ้นอ๋องก็บังเอิญถือขนมเดินผ่านมาพอดี…

“เอาไปส่งให้หมู่โฮ่วของเจ้าหรือยัง ? ” เดิมทีพระมารดาแท้ ๆ ขององค์ชายเจ็ดเป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮา ดังนั้นองค์ชายเจ็ดไม่ใช่โอรสองค์แรกของฮองเฮา เด็กคนนั้นเติบโตได้แค่สี่ห้าชันษาก็เสียชีวิตแล้ว ในระหว่างที่ฮองเฮาตั้งครรภ์เป็นครั้งแรกนั้น พระนางก็ยกนางกำนัลคนสนิทให้เป็นสนมของฮ่องเต้และในปีที่สองพระสนมก็ให้กำเนิดองค์ชายเจ็ดออกมา

ภายใต้ความโกลาหลของสงคราม พระสนมผู้จงรักภักดีคนนั้นได้สละชีพเพื่อช่วยฮองเฮาเอาไว้ ฮองเฮาจึงรับองค์ชายเจ็ดมาเลี้ยงไว้ข้างวรกาย แม้ทั้งสองไม่ใช่มารดาและบุตรแท้ ๆ แต่ก็มีสายสัมพันธ์ที่ไม่แตกต่างไปเลย

องค์ชายเจ็ดยืดหลังตรงแล้วพยักดวงพักตร์ “เอ๋อร์เฉินไปที่ตำหนักคุนหนิงมาก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ หมู่โฮ่วตรัสว่าเจียวเจียวมาที่พระตำหนักหยางซิน หลังคารวะและสนทนากับหมู่โฮ่วเสร็จแล้ว เอ๋อร์เฉินถึงได้ออกมาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฮ่องเต้หยวนชิงพยักดวงพักตร์ ต่อจากนั้นหัวข้อก็ถูกเปลี่ยนกลับมาที่เค้กพุทราแดงอีกครั้ง “เจ้าเจ็ด เจ้าบอกว่าซื้อขนมนี้มาจากเมืองฝั่งตะวันออกใช่หรือไม่ ? หากหมินอ๋องรู้ว่า ‘บุตรสาว’ ตกต่ำถึงขั้นออกไปค้าขายเค้กพุทราแดงแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ก็นั่นแหละ นางหนูคนนั้นกับคู่หมั้นมาจากหมู่บ้านในหุบเขา จะมีเงินติดตัวเท่าไหร่กันเชียว ? แค่ค่าเช่าบ้านก็คงเหลือติดตัวอยู่ไม่เท่าไรแล้วกระมัง ! ”

หมินอ๋องทราบเรื่องแล้ว ! หมินอ๋องไม่ได้มีบุตรชายเพียงคนเดียว เพราะยังรับเลี้ยงบุตรสาวของทหารใต้บัญชาอีกหนึ่งคนในฐานะเป็นบุตรบุญธรรม แล้วฝากให้ฮูหยินผู้เฒ่าคอยเลี้ยงดู บุตรบุญธรรมคนนั้นได้ยินพี่สาวน้องสาวที่สนิทกันพูดว่าเค้กพุทราแดงไม่เพียงมีรสชาติอร่อย แต่ยังมีผลช่วยให้การบำรุงกระเพาะอาหารด้วย นางจึงให้สาวใช้ไปเข้าแถวแล้วซื้อกลับมาแสดงความกตัญญูต่อฮูหยินผู้เฒ่า

เมื่อหมินอ๋องเสร็จจากงานราชการแล้วกลับตำหนัก ก็เห็นเค้กพุทราแดงบนโต๊ะอาหาร ตอนแรกยังเข้าพระทัยผิดว่า ‘บุตรสาว’ ตั้งใจส่งมาเพื่อแสดงความกตัญญู เพราะพระองค์ไม่ได้เสด็จไปบ้านเช่าหลายวัน !

หลังได้ยินบุตรบุญธรรมพูดว่าเค้กพุทราแดงนี้มาจากแผงขายของในตลาดสดของเมืองฝั่งตะวันออก หมินอ๋องก็รู้สึกปวดหทัยยิ่งกว่าอะไรดี…ทุกครั้งที่ไปหาเด็กสาว นางจะมีอาหารจานเนื้อไว้ต้อนรับเสมอ เด็กน้อยที่ออกมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขาคนหนึ่ง ไม่มีบิดาตั้งแต่กำเนิดและในบ้านยังมีน้องชายอีกสองคน…ในมือจะมีเงินอยู่เท่าไหร่กันเชียว ?

พอคิดว่าบุตรสาวต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดในทุกวันเพื่อหาซื้อของกินดีที่สุดมาต้อนรับพระองค์ แต่พระองค์กลับรับมันไว้อย่างมีความสุข…ทันใดนั้นหมินอ๋องก็แทบอยากจะตบแก้มตัวเองสักสองสามครั้ง พระองค์ช่างเป็นบิดาที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ไปขอข้าวกินบ่อยครั้งไม่ว่า ยังหอบขนมและชาผลไม้กลับมาด้วย ในชาผลไม้นั้นมีโสมที่เป็นสมุนไพรล้ำค่าอยู่ด้วย !

พระองค์บีบให้บุตรสาวต้องไปพึ่งพาการค้าขายเค้กพุทราแดงเพื่อเลี้ยงชีพ ! หมินอ๋องปวดหทัย ข้าวก็ไม่เสวย หลังเสด็จไปที่ห้องบัญชีแล้วก็ตรงไปที่ถนนหย่งอันทันที

ฮูหยินผู้เฒ่าของตำหนักหมินอ๋องเห็นบุตรชายเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะ แต่พอได้ชิมเค้กพุทราแดงแล้วสีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไปทันที เสี้ยวอึดใจต่อจากนั้นยังรีบออกไปข้างนอกอีก นางจึงรู้สึกงงงวยขึ้นมาทันที “เกิดอะไรขึ้น นี่คือเหตุการณ์ประเภทใด ? ”