ตอนที่ 518 ใครทนมองไม่ได้ ก็ไม่ต้องมอง
จ้าวชิงหลวนมองไปยังเค้กพุทราแดงที่นางสั่งให้สาวใช้ไปซื้อมา “หรือว่า…เค้กพุทราแดงนี้จะมีปัญหา ? มีคนอยากยืมมือหลานเพื่อลอบทำร้ายพ่อบุญธรรมเจ้าคะ ? ”
“เด็กคนนี้ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ! เค้กพุทราแดงนี้เราสองคนก็กิน ถ้ามีปัญหาจริง ๆ ก็ต้องรู้แล้ว บางที…อาจเป็นเรื่องงานกระมัง ? ช่างเถิด พ่อบุญธรรมของเจ้าออกไปแล้วก็ไม่รู้จะกลับเข้ามาอีกทีตอนไหน พวกเรากินกันก่อน ไม่ต้องรอเขาแล้ว ! ” ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นตะเกียบไปทางเค้กพุทราแดง
แม่นมหยางที่อยู่ด้านข้างก็อดเตือนไม่ได้ “ฮูหยินผู้เฒ่า นี่เป็นเค้กชิ้นที่สามแล้วนะเจ้าคะ อย่างไรก็กินขนมแทนข้าวไม่ได้เจ้าค่ะ…”
จ้าวชิงหลวนก็พูดโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านย่าเจ้าคะ เรากินข้าวกันก่อน ส่วนขนมก็รอให้ท่านตื่นจากนอนพักกลางวันแล้วค่อยกินอีกรอบ ดีหรือไม่เจ้าคะ ? ”
หญิงชรายังเชื่อฟังคำเกลี้ยกล่อมอยู่บ้าง นางวางเค้กพุทราแดงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสองคนนี่อย่างไร ควบคุมข้าราวกับเป็นเด็ก ! เอาเถิด ฟังพวกเจ้า มากินข้าวกันก่อน ! ”
ผ่านไปไม่นานหมินอ๋องก็มาถึงบ้านเช่าหลังเล็กของหลินเว่ยเว่ย ตอนเคาะประตู พวกหลินเว่ยเว่ยกำลังกินข้าวกันอยู่ในลานบ้าน
พอเห็นว่าเป็นพระองค์แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “หมินอ๋อง เหตุใดจึงเสด็จมาเวลานี้เพคะ ? เสวยมื้อกลางวันมาหรือยังเพคะ ? ”
“กู่เหนียง คราวก่อนไม่ได้มาเอาชาผลไม้ไปจากเจ้าหนึ่งโถแล้วหรือ ! พอใต้เท้าหวงได้ดื่มแล้วก็อาการดีขึ้นมาก ท้องก็ไม่ปวด เจริญอาหารมากขึ้น…” ดวงเนตรที่หมินอ๋องใช้ทอดพระเนตรหลินเว่ยเว่ยเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
หลินเว่ยเว่ยเชิญอีกฝ่ายเข้ามา แล้วพยักหน้าพูดว่า “ชาผลไม้โถนั้นคงดื่มไปได้พอสมควรแล้ว ? หม่อมฉันยังทำไว้อีกหลายโถ อีกประเดี๋ยวท่านอ๋องก็นำกลับไปสักโถนะเพคะ ! ”
หมินอ๋องดำเนินมาที่โต๊ะอาหารของพวกนางพลางเห็นด้านบนเป็นอาหารจานเนื้อและผักอย่างละจาน…แบบนี้ก็เรียบง่ายเกินไปหน่อยกระมัง ? พระองค์เดาไม่ผิดจริง ๆ ว่าบุตรสาวยากจนแทบจะไม่มีเงินกินข้าวแล้ว !
“ได้ ! แต่อย่างไรก็จะกินและเอาของบ้านเจ้าไปเปล่า ๆ ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเปิ่นหวางจะกลายเป็นคนอย่างไร ? อันนี้มอบให้เจ้า…” หมินอ๋องยื่นกล่องเล็ก ๆ ในพระหัตถ์ออกไปแล้วย่อวรกายลงประทับหน้าโต๊ะอาหารอย่างวางมาด…วันนี้ เปิ่นหวางจะ ‘ทนลำบาก’ เป็นเพื่อนบุตรสาว
ไอโหยว ! หมินอ๋องไม่ได้มาหลายวัน ถึงขั้นรู้แจ้ง รู้จักเอาของขวัญมาให้พวกนางด้วย ! หลินเว่ยเว่ยเปิดดูกล่องใบนั้น ทันใดนั้นแสงเปล่งประกายสีทองอร่ามก็แทบทำให้นางตาบอด หมินอ๋องเป็นชายอกสามศอกจริง ๆ ถึงขั้นเอาเงินกิมตุ้งมาทำเป็นของขวัญ คิคิคิ ! กิมตุ้งก้อนเล็ก ๆ มีถึง 10 ก้อน ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินก็น่าจะสัก 500 ตำลึงทอง…ช่างใจกว้างจริง ๆ !
หลินเว่ยเว่ยวางกล่องใบน้อยไว้บนโต๊ะ เพราะไม่รู้จะรับไว้ดีหรือเปล่า หมินอ๋องหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผัดผักกวางตุ้งใส่เห็ดเข้าโอษฐ์…ฝีมือบุตรสาวไม่ใช่เรื่องตลกจริง ๆ แม้แต่ผัดผักกวางตุ้งก็ยังอร่อยถึงขนาดนี้
จะไม่อร่อยได้หรือ ? นี่เป็นผักกวางตุ้งที่รดด้วยน้ำพุวิญญาณในห้วงมิติเชียวนะ !
“กู่เหนียง รีบเอากล่องไปเก็บแล้วมากินข้าว ! ” หมินอ๋องกลัวว่าหลินเว่ยเว่ยจะไม่รับไว้ จึงพูดกระตุ้นนาง
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเจียงโม่หานซึ่งพยักหน้าให้นาง ทันใดนั้นนางก็รีบหยิบกล่องกิมตุ้งเข้าไปเก็บในห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็ว…ความจริงคือโยนไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณเพราะยังจะมีที่ใดทำให้นางรู้สึกปลอดภัยไปกว่าที่นั่นอีก ?
“ท่านอ๋อง เสวยช้า ๆ หน่อยเพคะ ! ยังมีอาหารดี ๆ ที่ยังไม่ขึ้นโต๊ะอีก ! ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าหมินอ๋องเลือกวันมาได้ดีจริง ๆ เพราะวันนี้นางทำของดีเอาไว้ !
หมินอ๋องทอดพระเนตรนางด้วยความสงสัย เพราะคิดว่านางจะไปทำอาหารอย่างอื่นเพิ่มอีก จึงรีบห้าม “พวกเจ้าทำอะไร เปิ่นหวางก็กินอันนั้น ไม่ต้องเตรียมให้เป็นพิเศษหรอก”
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปในครัวแล้วยกจานใบใหญ่ออกมา “หมินอ๋องมาได้จังหวะพอดี วันนี้หม่อมฉันทำกระต่ายย่างกับหัวกระต่ายผัดเผ็ดเอาไว้ ! กระต่ายย่างทำไว้สามตัว ประเดี๋ยวหมินอ๋องนำกลับไปสักตัวสิเพคะ ! หยาเอ๋อร์ ย่างกระต่ายได้ที่แล้วหรือยัง ? ”
“ได้แล้ว ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้วเจ้าค่ะ ! ”
หลินเว่ยเว่ยยกหัวกระต่ายผัดเผ็ดจานนั้นมาวางบนโต๊ะ “หัวกระต่ายนี้หม่อมฉันเริ่มทำตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เจ้านี่ต้องปรุงให้สุกก่อน เนื้อจึงล่อนออกจากกระดูกเพคะ ! ท่านอ๋องคงยังไม่เคยเสวย ? รีบชิมสิเพคะ ! ”
ในจานนี้มีหัวกระต่ายอยู่หกหัว สีแดง ๆ มัน ๆ ด้านบนยังโรยงาและพริกหม่าล่าเอาไว้ ยังไม่ทันกินก็ได้กลิ่นอันหอมเผ็ดลอยเข้าจมูกแล้ว คนชอบกินเผ็ดจะต้านทานของล่อใจแบบนี้ได้อย่างไร ?
หมินอ๋องหยิบหัวกระต่ายขึ้นมาหนึ่งหัวอย่างไม่เกรงใจแล้วแทะตรงส่วนแก้มที่มีเนื้อของกระต่ายติดอยู่ก่อน เนื้อบริเวณนั้นถูกปรุงจนนุ่มล่อน เมื่อลิ้นได้สัมผัสมันก็เข้าไปในปากทันที หอม ๆ เผ็ด ๆ รสชาติกลมกล่อมมาก
หลังจากเสวยส่วนแก้มเสร็จแล้วก็แบ่งครึ่งหัวกระต่าย ลิ้นกระต่ายมีเนื้อนุ่มเหนียว พอได้ลิ้มลองแล้วทำให้พอใจจนไม่อาจต้านทานได้
“อร่อย ! กินเพลินเหลือเกิน ! ” หมินอ๋องเห็นว่าในจานยังเหลืออีกสองหัว จึงคีบหัวหนึ่งให้หลินเว่ยเว่ย ส่วนอีกหัวที่เหลือต้องเป็นของพระองค์อยู่แล้ว ส่วนคนอื่น…แค่กินคนละหัวเพื่อนลิ้มรสก็พอ !
“กระต่ายย่างมาแล้วเพคะ ! ” หยาเอ๋อร์ยกกระต่ายย่างเนื้อเหลืองทองเข้ามา
หลินเว่ยเว่ยแนะนำ “ในกระต่ายย่างนี้ได้ยัดสมุนไพรสูตรเฉพาะลงไป กลิ่นหอมรสเผ็ด กินแล้วสดชื่นไม่เป็นร้อนใน ท่านอ๋อง น่องกระต่ายนี้ยกให้พระองค์เพคะ ! ”
แค่กแค่ก ! เจียงโม่หานทนเห็นเด็กน้อยเอาใจหมินอ๋องไม่ไหว…ส่วนสาเหตุ แค่เงิน 500 ตำลึงทองก็ซื้อเจ้าได้แล้วหรือ ?
จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ฉีกน่องอีกข้างแล้วเอาใส่มือเขา “อันนี้ให้เจ้า ! ”
“หลินกู่เหนียง มานั่งกินของเจ้า ! เขาไม่มีมือหรือไร ยังจะต้องให้เจ้าเอาให้อีก ! ” เวลาที่หมินอ๋องทอดพระเนตรไปทางเจียงโม่หาน ก็มักจะใช้ดวงเนตรไม่เป็นมิตรและทำสีพระพักตร์ไม่พอใจเสมอ
“คู่หมั้นของกระหม่อมยินดีจะป้อนให้เองไม่ใช่หรือ ? หากใครทนมองไม่ได้ ก็ไม่ต้องมอง ! ” เฮอะ พ่อตาลูกเขยคู่นี้เริ่มตีกันแล้ว !
“เจ้าเด็กแสบ ! อย่าตกอยู่ในเงื้อมมือเปิ่นหวางเชียว ! ” หมินอ๋องตัดสินพระทัยแล้วว่ารอให้บุตรสาวกลับเข้าตระกูลเมื่อใด พระองค์จะแนะนำผู้มีความสามารถในกองทัพให้นาง บัณฑิตอ่อนแอมีอะไรดี ? แค่ทุบทีเดียวก็ร่วงแล้ว ! แน่นอนว่าแม่ทัพร่างกายกำยำและหล่อเหลากล้าหาญ ย่อมคู่ควรกับบุตรสาวของพระองค์มากกว่า !
หลินเว่ยเว่ยรีบเข้าไปห้ามทัพ “ท่านอ๋อง กระต่ายย่างสมุนไพรนี้ หม่อมฉันปรับรสชาติอย่างระวัง รสชาติกลมกล่อมกว่าเดิมแน่นอน แม้จะชาและเผ็ดที่ปลายลิ้นแต่ไม่เป็นร้อนใน รีบชิมสิเพคะ ประเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย ! ”
หมินอ๋องกัดน่องกระต่ายด้วยความโมโห…เนื้อนุ่ม รสกลมกล่อม แถมยังกลิ่นหอม ตรงที่มีเนื้อบาง ๆ ก็ย่างจนด้านในกรอบ หลังได้เคี้ยวแล้วจะทิ้งกลิ่นหอมไว้ในปากนานมาก มีแค่คำเดียวเท่านั้นคือ สุดยอด !
“นี่เป็นกระต่ายป่าใช่หรือไม่ ? เนื้อกระต่ายป่าจะสู้ฟันมากกว่าเนื้อกระต่ายบ้าน เวลาย่างออกมาแล้วอร่อยยิ่งกว่า” หมินอ๋องเป็นนักกินตัวยง จึงตรัสถึงอาหารเลิศรสได้อย่างช่ำชอง
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เพคะ ! วันนี้ไปตลาดแล้วบังเอิญเจอกระต่ายป่าพอดี จึงเหมาซื้อกลับมาหมดเลย วันนี้ย่างสามตัว อีกสามตัวที่เหลือคิดจะแขวนตากไว้กินในระยะยาว หากหมินอ๋องโปรด ก็เอากลับไปสองตัวเลยเพคะ ! ”
หมินอ๋องรู้ว่านางย่างแค่สามตัว แต่ยอมให้พระองค์เอากลับไปถึง 2 ตัว…ฮือฮือ บุตรสาวสุดที่รักช่างเป็นคนกตัญญูจริง ๆ บุตรสาวยังไม่รู้ว่าตนมีสายเลือดของตระกูลจ้าวไหลเวียนอยู่ในกาย แต่ก็ยังกตัญญูต่อบิดาถึงขนาดนี้แล้ว นี่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแล้วยังเป็นอะไรได้อีก ?
หลังจากรอให้หมินอ๋องเสวยอิ่มและถือกระต่ายย่างสองตัวกับชาผลไม้อีกหนึ่งโถออกไปแล้ว หลินจื่อเหยียนก็มุ่ยปากพลางพูดว่า “หมินอ๋องนี่อย่างไรกัน ? ทุกครั้งที่มาเยือนก็จะเสวยแล้วเอาของกลับไปด้วยตลอด จะเห็นว่าตัวเองไม่ใช่คนนอกเกินไปหน่อยแล้ว ! ”