บทที่ 500 กลับเมืองหลวง

บทที่ 500 กลับเมืองหลวง

หลังจากอยู่ที่เมืองสุ่ยจินมาเป็นเวลาครึ่งวันถัดมา เจี่ยงเถิงและหลินซือก็เดินทางกลับเมืองหลวง

หลินซือชะโงกศีรษะออกมาจากหน้าต่าง โบกมือลาเมืองนี้อย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก เด็กสาวยังคงถอนหายใจหลังจากที่ถูกเจี่ยงเถิงบังคับ

“อาซือ เป็นอะไรไป?” เจี่ยงเถิงรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังจะถาม

หลินซือลืมตาขึ้นมองเจี่ยงเถิง แต่ก็ยังคงไม่ตอบเขา เด็กสาวก้มหน้าคิดเรื่องกิจการของตนอีกครั้ง

“รอให้ผ่านช่วงขึ้นปีใหม่ไป หากข้ามีเวลาจะพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นอีกดีหรือไม่?” เจี่ยงเถิงยิ้มแล้วเอ่ยถาม “เวลานั้นไม่รีบร้อนแล้ว พวกเราก็จะอยู่ได้มากกว่าสองวัน”

หลินซือกลับคิดถึงอีกเรื่อง “พี่อาเถิง ท่านว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ร้านค้าแห่งที่สองของข้าจะเปิดนอกเมืองหลวง?”

“อาซืออยากออกจากเมืองหลวงหรือ?” เจี่ยงเถิงเข้าใจ แต่ก็โต้กลับอย่างเกรงใจ “ไม่ได้นะ เจ้ากับไป๋หรูปิง นอกจากเมืองหลวงแล้วก็ไม่มีที่ไหนที่พวกเจ้าคุ้นเคยเลย ถ้าทำอย่างขอไปทีจะขาดทุนเอาได้ หากต้องการความมั่นคง ก็จำเป็นต้องให้ท่านอาซูตรวจสอบให้เจ้า แต่ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ท่านอาซูคงไม่มีทางยินยอม”

หลินซือถอนหายใจอีกครั้ง เด็กสาวฟุบตัวลงบนโต๊ะเล็ก ๆ เอ่ยขึ้นเสียงอู้อี้ “ข้าอยากนอนแล้ว ถึงแล้วเรียกข้าด้วย”

เจี่ยงเถิงถือผ้าคลุมกำลังจะสวมให้หลินซือ เมื่อกำลังจะลุกขึ้น จู่ ๆ ก็อดที่จะร้องออกมาไม่ได้

“เป็นอะไรไป? เป็นอะไรไป?” หลินซือที่เตรียมจะพักผ่อนพลันรีบลุกขึ้นมาทันที หันไปหาเจี่ยงเถิงอย่างเป็นกังวลใจ “อาการตกหมอนในตอนเช้ายังไม่ดีขึ้นอีกหรือ?”

เมื่อคืนเจี่ยงเถิงเผลอหลับในห้องหลินซือ แล้วยังฟุบกับหัวเตียงของนางด้วยท่าทางที่น่าอึดอัด ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากจะรู้สึกปวดคอยามตื่นขึ้นในตอนเช้า

ด้วยเหตุนี้ ในเช้าวันนี้ทั้งสองคนจึงไม่รู้สึกสนุกสักเท่าไร สิ่งสำคัญในตอนนี้คือต้องพาเจี่ยงเถิงไปโรงหมอ และเชิญหมอชรามานวดให้กับเขา

“ท่านอย่าขยับนะ ข้าจะนวดให้ท่าน” หลินซือคุกเข่าอยู่ด้านหลังเจี่ยงเถิง และยื่นมือออกมานวดบ่าให้กับเจี่ยงเถิง

“อย่า ๆๆ อาซือ” เจี่ยงเถิงจับมือหลินซืออย่างรวดเร็ว “ตอนนี้ข้าแค่ยังไม่กลับสู่สภาพเดิม เจ้าอย่าทำข้าคอหักล่ะ”

“ท่านพูดอะไรของท่านน่ะ!” หลินซือทุบเจี่ยงเถิงหนึ่งที “เวลานี้ข้าเองก็ตั้งใจศึกษาใช่ไหมเล่า? ท่านหมอสอนข้าแล้วว่าต้องนวดอย่างไร!”

“อย่างนั้นหรือ?” เจี่ยงเถิงยังคงสงสัย แต่หลินซือก็จับมือเด็กหนุ่มไว้และยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย “แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าตนเองนั้นเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ท่านได้ทดลองก่อนใครเชียวนะ!”

เจี่ยงเถิงถูกบังคับให้เพลิดเพลินกับ ‘การนวด’ ของหลินซือ

พูดตามความจริง เจี่ยงเถิงจินตนาการว่าตอนนี้ภรรยาที่อ่อนโยนและน่าพอใจกำลังนวดให้กับสามีอยู่ แต่ความจริงแล้วไม่สามารถเอ่ยเช่นนี้ได้

จริง ๆ แล้วหลินซือจำตำแหน่งฝังเข็มได้อย่างแม่นยำ เห็นได้ชัดว่านางศึกษามาเป็นอย่างดี แต่นางไม่เคยมีประสบการณ์จริง ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยชำนาญในการลงแรงเท่าไร ในตอนแรกเจี่ยงเถิงจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดควบคุมไม่ให้ตนส่งเสียงร้อง

“เป็นอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บอยู่หรือไม่?” หลินซือโอ้อวดอยู่สักพัก มองเจี่ยงเถิงด้วยความคาดหวัง

เจี่ยงเถิงเหงื่อออกไปทั้งตัว ยิ้มและพยักหน้าให้กับหลินซือ

“หืม ท่านหมอต่างก็บอกว่าข้านั้นจดจำได้รวดเร็ว และทักษะก็ไม่มีปัญหา” หลินซือตบไหล่เจี่ยงเถิงอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เจี่ยงเถิงเกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่างกายโดยพลัน

แต่หลังจากที่หลินซือนวดเสร็จ ชายหนุ่มก็เหงื่อออกอีกครั้ง จริง ๆ แล้วความปวดในร่างกายของเขาก็บรรเทาไปมากแล้ว เจี่ยงเถิงเริ่มเกิดความสงสัยในใจว่าการนวดนั้นจะสามารถช่วยผ่อนคลายอาการปวดเมื่อยตอนพิจารณาคดีได้หรือไม่

หลินซือรู้สึกว่าได้ทำหน้าที่สำคัญได้สำเร็จลุล่วง จึงหาวออกมาด้วยความพอใจ และเอ่ยขึ้นอย่างขี้เกียจ “ข้าจะหลับจริง ๆ แล้วนะ อย่ารบกวนข้า”

เจี่ยงเถิงสวมเสื้อคลุมให้กับหลินซือ และห่อนางไว้แน่นพร้อมเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “หลับเถอะ”

“เช่นนั้นท่านก็ห้ามนอนนะ” หลินซือที่หลับตาไปแล้ว ไม่ลืมที่จะกำชับ “แข้งขาคนแก่ อย่านอนตกหมอนอีกล่ะ”

เจี่ยงเถิงดึงแก้มของหลินซืออย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ข้ารู้แล้ว เจ้ารีบนอนเถอะ”

ระหว่างเดินทางกลับ หิมะได้ตกลงมาอีกครั้ง เจี่ยงเถิงคลุมผ้าคลุมของตนให้กับหลินซือ เมื่อมองดูควันสีขาวที่ลอยขึ้นมาจากกระถางธูปขนาดเล็ก เด็กหนุ่มคำนวณว่าคงใช้เวลาเดินทางมาเกือบสองชั่วยามครึ่งถึงจะถึงเมืองหลวง

ในขณะที่ลงจากรถ นางยังคงงัวเงีย แต่เหยาซูได้พาคนมาห่อนางไว้ราวกับเป็นบ๊ะจ่าง ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องลมหนาวอีก

“ท่านอาซูขอรับ หลังจากที่นางตื่นแล้วให้นางดื่มน้ำขิงสักแก้ว ข้าขอไปรายงานตัวในวังก่อนนะขอรับ” เจี่ยงเถิงเอ่ยขึ้น

เหยาซูพยักหน้า “ขอบคุณเจี่ยงเถิงมาก ๆ งานยุ่งเช่นนี้แต่ก็ยังพาหลินซือออกไปเที่ยวเล่น”

“เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำขอรับ” เจียงเถิงยิ้มให้กับเหยาซู และก็กลับขึ้นรถไปรายงานผล

หลินซือหลับไปถึงตอนค่ำเด็กสาวจึงได้ตื่นขึ้น เมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็ยังคงตอบสนองไม่ทันว่านางนั้นอยู่ที่ไหน เด็กสาวมองเหยาซูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกตัว

“ไม่รู้จักแม่แล้วหรือ?” เหยาซูยิ้มและยื่นมือไปลูบใบหน้าของหลินซือ

“ท่านแม่” หลินซือเข้าไปกอดแขนของเหยาซูอย่างรวดเร็ว ถูใบหน้าของตนราวกับลูกแมวออดอ้อน “ที่บ้านนี่แหละดีที่สุด”

“ก่อนที่จะออกไปเที่ยวไม่เห็นจะเอ่ยเช่นนี้เลย” เหนาซูตำหนิเคล้ารอยยิ้ม เวลาเดียวกันก็ส่งน้ำขิงให้กับหลินซือ “รีบดื่มสิ จะได้หายหนาว”

“ข้าหลับไปตื่นหนึ่งแล้ว จะรู้สึกหนาวได้เช่นไรเจ้าคะ” แม้ว่าปากจะบ่นพึมพำ แต่ก็ดื่มน้ำขิงจนหมดถ้วย

เหยาซูส่งจานให้กับสาวใช้ เมื่อเห็นว่าแก้มของเด็กสาวไม่ได้แดงระเรื่อจากอากาศเย็นแล้ว นางจึงรู้สึกพอใจเจี่ยงเถิงเป็นอย่างมาก

ท้ายที่สุดเหยาซูก็รู้จักลูกสาวของนางเองดี เด็กสาวเป็นคนเอาใจยากเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่สนิทด้วย ความคิดก็ไม่เหมือนชาวบ้าน เจี่ยงเถิงอายุเพียงแค่นี้ แต่สามารถดูแลหลินซือได้ดีเพียงนี้ แสดงว่าเขาคงต้องทุ่มเทเอาใจใส่เป็นอย่างมาก

“สุ่ยจินเป็นเช่นไร สนุกไหม?” เหยาซูถาม

“สนุกเจ้าค่ะ!” ดวงตาของหลินซือเป็นประกาย บอกเหยาซูในทุก ๆ รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเห็น และหยิบกระเป๋าเงินเสือที่น่าเกลียดให้เหยาซูดู

หลินซือไม่วายบ่น “เดิมทีนี่เป็นของเจี่ยงเถิง ของข้าเป็นกระต่ายน้อยน่ารัก แต่ว่าเขาเอาชิงเอาไปแล้วเจ้าค่ะ”

เหยาซูหยิบไปพิจารณาลวดลายปักก่อนกล่าวว่า “ข้าคิดว่าอันนี้ก็ดีไม่น้อย หลังปีใหม่เจ้าก็จะเปิดร้านแล้วไม่ใช่หรือ ถุงเงินรูปเสือจะนำโชคดีมาให้”

แน่นอน เหยาซูพูดอย่างไม่เลือกปฏิบัติ แต่หลินซือมักจะใช้คำพูดของมารดาเป็นแนวทาง ดังนั้นจึงแขวนมันไว้บนเสื้อผ้าของนางโดยไม่ต้องสงสัย

หลังจากพูดถึงความสนุก หลินซือก็ถอนหายใจอีกครั้ง “แม้ว่าข้างนอกจะยังสนุกอยู่ แต่หลังจากอยู่ห่างจากบ้านสองวัน ข้ารู้สึกคิดถึงบ้าน อยู่บ้านดีกว่า เตียงที่บ้านสบายกว่าในโรงเตี๊ยมมากโขเจ้าค่ะ”

หลินซือว่าพลางหันกลับมามองเตียงของตน และทิ้งตัวลงบนเตียงอันอบอุ่นและอ่อนนุ่ม

“เอาละ ไปกินข้าวเย็นกันได้แล้ว” เหยาซูตบก้นหลินซือเบา ๆ “ทุกอย่างพร้อมแล้ว ถ้าเจ้าไม่กินอาหารเย็น เจ้าจะไม่มีอะไรกินเวลาหิวตอนกลางคืนนะ ”

“ข้าไม่หิว ข้าไม่หิว ไม่กินจะได้ไหมเจ้าคะ?” หลินซือพยายามพยายามออดอ้อนเหมือนเด็กตัวน้อย

“ไม่ได้” เหยาซูเน้นย้ำ ทันใดนั้นสาวใช้ก็ประคองหลินซือขึ้นจากเตียงและพานางไปที่โต๊ะอาหาร

เหยาซูเดิมตามหลังแล้วเอ่ยขึ้น “รู้ว่าเจ้านอนมาทั้งวันแล้ว ตอนค่ำแม่เลยเตรียมอะไรที่เบา ๆ ไว้ให้”

หลินซือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกินมื้อค่ำอย่างน้ำแกงใสเข้าไปเล็กน้อยอย่างเชื่อฟัง จากนั้นจึงขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับท้องที่เต็มไปด้วยน้ำแกง เป็นการปิดฉากของวันนี้

………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นวดดี ๆ นะอาซือ อย่าให้พี่เถิงเขาคอเคล็ดหนักกว่าเดิมล่ะ

ทำไมดูเหมือนเจี่ยงเถิงกำลังเลี้ยงเด็กสามขวบเลยล่ะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)