ตอนที่ 529 ข่าวดีและศิษย์น้องคนใหม่

My Disciples Are All Villains

เนื่องจากธิดาหอยสังข์เป็นเพียงเด็กสาวเท่านั้นลู่โจวจึงไม่คิดว่าการจะสอนนางอย่างเข้มงวดจะเป็นเรื่องเหมาะสมเท่าไหร่ ดังนั้นตัวเขาจึงเปลี่ยนวิธีการสั่งสอนด้วยความนุ่มนวลแทน
  ธิดาหอยสังข์เดินไปหาหมิงซี่หยินก่อนจะเริ่มพูดทักทายต่อ“สวัสดีค่ะ ศิษย์พี่สี่”
  “ศิษย์น้องเล็กเจ้าคงต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักแน่ แต่ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะผ่าดอกบัวทองคำเมื่อไหร่ เจ้าก็มาหาข้าได้เลย” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
  “…”สาวน้อยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นางเลือกเดินไปทางจ้าวยู่แทน “สวัสดีค่ะ ศิษย์พี่ห้า”
  จ้าวยู่ทักทายกลับมา“ข้าเพิ่งจะรู้เรื่องก็ในวันนี้ ข้าก็เลยไม่มีเวลาเตรียมของขวัญให้กับเจ้า เอาไว้ข้าจะมอบของขวัญเจ้าในโอกาสหน้าก็แล้วกัน”
  “ขอบคุณค่ะศิษย์พี่ห้า”
  สาวน้อยเดินไปตรงหน้าของซู่ฮ่องกงต่อ“สวัสดีค่ะ ศิษย์พี่แปด”
  “เจ้าสุภาพจริงๆนะศิษย์น้องเล็ก” ซู่ฮ่องกงตอบกลับมา
  ในที่สุดนางก็เดินมาหาหยวนเอ๋อ
  ก่อนที่ธิดาหอยสังข์จะได้พูดอะไรไปหยวนเอ๋อก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดก่อน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าก็คือศิษย์น้องของข้าแล้ว…ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
  “ขอบคุณค่ะศิษย์พี่เก้าท่านเป็นคนดีจริงๆ”
  หลังจากนั้นไม่นานนางก็ทักทายผู้อาวุโสทั้งสี่
  ลู่โจวมองดูการทักทายด้วยความยินดี
  หลังจากที่พิธีเสร็จสิ้นธิดาหอยสังข์ก็กลายเป็นสมาชิกของศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างเป็นทางการ
  “หมิงซี่หยินบอกศิษย์น้องเจ็ดของเจ้าให้รู้เรื่องนี้ซะ…”
  “ครับท่านอาจารย์”
  ศิษย์สาวกทั้งหลายควรจะรู้ถึงความเป็นอยู่ซึ่งกันและกัน
  ลู่โจวได้พูดต่อ“เรื่องที่สองที่ข้าต้องการจะบอกคือข้าจะเก็บตัวฝึกฝนอย่างสันโดษเป็นเวลา 5 เดือน ตลอด 5 เดือนต่อจากนี้ไม่ให้สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าคนไหนออกไปจากภูเขาทองโดยไร้เหตุผล”
  ทุกๆคนดูสับสน ในตอนนี้ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแล้ว แล้วทำไมเข้าถึงต้องเก็บตัวฝึกฝนตัวเองอย่างสันโดษด้วย มันเป็นการฝึกฝนต่อเนื่องอย่างงั้นเหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนสับสน แต่ยังไงซะปรมาจารย์คนนี้ก็พยายามฝึกฝนตัวเองอยู่ในตลอดเวลาอยู่แล้ว
  “ครับ/ค่ะท่านปรมาจารย์”
  “ครับ/ค่ะท่านอาจารย์”
  ทุกคนโค้งคำนับอย่างโดยดี
  ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนจะพยักหน้า“นอกเหนือจากศิษย์ของข้า ทุกคนจงออกไปก่อน”
  ผู้อาวุโสทุกคนรวมไปถึงสาวกคนอื่นๆต่างก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่ไป
  ลู่โจวเดินขึ้นบันไดตัวเขาได้กวาดตามองสาวกทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ “พวกเจ้าทุกคนจงฝึกฝนอย่างตั้งใจในขณะที่ข้าเก็บตัวฝึกฝนซะ”
  “ครับ/ค่ะท่านอาจารย์”
  แน่นอนว่าคำพูดที่แสนเรียบง่ายนี้มันยังไม่พอการที่จะให้ทุกคนฝึกฝนอย่างตั้งใจลู่โจวจะต้องมีข้อกำหนดที่เข้มงวดกว่านี้
  “ในตอนที่ข้าออกมาจากการเก็บตัวข้าจะตรวจวัดพลังวรยุทธของพวกเจ้าทุกคน ถ้าหากข้าเห็นศิษย์คนไหนไม่คืบหน้า คนคนนั้นจะถูกลงโทษสถานหนัก”
  เหล่าสาวกทั้งหมดตัวสั่นความกลัวที่ทุกคนเคยรู้สึก ความกลัวที่ทุกคนเกือบจะลืมเลือนมันไปแล้วดูเหมือนมันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง! ทุกคนก้มศีรษะและไม่กล้าขยับไปไหน
  ลู่โจวพูดต่อ“หอยสังข์เป็นศิษย์คนใหม่ เพราะแบบนั้นพวกเจ้าทุกคนก็ควรจะชี้แนะนางด้วย”
  พรึ๊บ!
  ซู่ฮ่องกงคุกเข่าในทันทีหน้าผากของเขาโคกไปที่พื้นก่อนที่จะพูดขึ้น “อย่ากังวลไปเลยท่านอาจารย์ ข้าจะทำงานอย่างหนักและจะฝึกฝนศิษย์น้องเอง ในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์พี่ของนาง ข้าจะต้องช่วยเหลือนางอย่างแน่นอน ท่านอาจารย์โปรดวางใจ!”
  ศิษย์สาวกคนอื่นๆไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นอะไร
  แม้ว่าศิษย์คนที่แปดจะไร้ยางอายแต่สิ่งที่ซู่ฮ่องกงได้ทำลงไปก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเวลาเช่นนี้
  ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป“ดีมาก”
  “ท่านอาจารย์ทำไมท่านถึงตัดสินใจเก็บตัวฝึกฝนในตอนนี้ล่ะครับ” ซู่ฮ่องกงถามออกมา
  ทุกๆคนมองไปที่ลู่โจว ทุกคนต่างก็อยากรู้คำตอบ
  ซู่ฮ่องกงที่เห็นลู่โจวไม่ตอบตกตะลึง“ศิษย์ผิดแล้ว!” ซู่ฮ่องกงยกมือก่อนที่จะตบตีตัวเองเพื่อเป็นการลงโทษ เสียงตบตีนั้นมันดังไปทั่วห้องโถง
  สาวกคนอื่นๆยังคงพูดไม่ออก
  “ไปเอาลวดลายสีแดงที่คัดลอกมาจากโลงศพให้กับข้า”
  “ครับท่านอาจารย์”
  ลู่โจวยืนขึ้น“ถ้าหากพวกเจ้าหมดธุระแล้ว พวกเจ้าก็ไปได้แล้วล่ะ”
  “ถ้างั้นพวกเราขอตัวก่อน”เหล่าสาวกต่างก็โค้งคำนับให้
  ลู่โจวไม่ได้กลับไปในศาลาตะวันออกตัวเขาเลือกไปยังห้องลับแทน เมื่อเข้าไปในห้องลับลู่โจวก็ได้สำรวจห้องลับแห่งนี้
  หลังจากที่สร้างห้องรับขึ้นมาใหม่ห้องลับก็กลับคืนสู่สภาพเดิม เมื่อเทียบกับแต่ก่อน ในตอนนี้ห้องลับมันดูแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
  ลู่โจวเดินไปที่เบาะนั่งก่อนที่จะเริ่มนั่งลง
  หลังจากนั้นไม่นานต้วนมู่เฉิงก็ได้ส่งลวดลายที่คัดลอกมาจากโลงศพมาให้ต้วนมู่เฉิงที่เสร็จธุระได้จากไปอย่างสุภาพ
  ลู่โจวได้กางแบบคัดลอกออกก่อนที่จะตรวจสอบ“เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด มันเหมือนกับชุดเกราะจริงๆ ด้วย”
  เป็นไปไม่ได้เลยที่ลวดลายที่เห็นจะถูกเลียนแบบมาจากโลงศพได้อย่างสมบูรณ์แบบการคัดลอกเป็นเพียงวิธีการจำลองรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แต่การที่จะใช้แบบคัดลอกเพื่อใช้งานเขตแดนพลังจริงๆ ได้ยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากเกินไปอยู่ดี นอกจากลวดลายที่ละเอียดอ่อน มันยังต้องอาศัยความแม่นยำในการควบคุม มันเป็นสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบจะทำได้
  “ผู้ที่สร้างเจ้านี่มาจากไหนกันแน่”
  ลู่โจวจำคำแนะนำหน้าสุดท้ายของตำราลึกลับที่ได้มาตัวเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบไม่ใช่สิ่งที่จะบรรลุถึงได้ จนถึงตอนนี้ลู่โจวก็ยังไม่เข้าใจอะไร
  ไม่ว่าการแยกดอกบัวทองคำหรือปัญหาของดอกบัวทองคำที่ลู่โจวสังเกตมาจากความทรงจำของหยุนเทียนลั่วก็แล้วแต่ลู่โจวก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมันมีอยู่จริงไหม ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ยังไม่ใช่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบที่แท้จริงอยู่ดี
  ลู่โจวส่ายหัวเพื่อที่จะทิ้งความคิดที่ฟุ้งซ่านทั้งหมดไปมันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องซับซ้อนในตอนนี้ การตัดสินใจทำสมาธิเพื่อเพิ่มพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์คงจะมีประโยชน์มากกว่าการคิดกังวล
  ลู่โจวได้เรียกเมนูระบบขึ้นตัวเขาไม่รอช้ารีบเลือกที่ที่เมนู “การ์ดอัปเกรด”
  ลู่โจวมองไปที่การ์ดอัปเกรดระบบก่อนจะเริ่มเกิดความสงสัยอยู่ภายในใจ‘เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์จะไม่ถูกปิดใช่ไหม’ ไม่ว่าจะสงสัยแค่ไหนก็ไม่มีคำตอบอะไรส่งกลับมา..
  “เปิดใช้งาน”
  การ์ดอัปเกรดสลายจนเหลือแต่เพียงประกายแสงมันได้กระจัดกระจายก่อนที่จะเข้าสู่ร่างกายของลู่โจว การ์ดได้หายไปในพริบตา
  หลังจากที่ใช้งานการ์ดอัปเกรดลู่โจวก็สังเกตไปยังเมนูเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ มันยังคงส่องแสงเหมือนกับตอนแรก แต่เมนูระบบที่นอกเหนือไปจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้กลายเป็นสีเทาทึบไป
  ที่ด้านล่างเมนูระบบมีข้อความอะไรบางอย่างปรากฏขึ้น:กำลังเพิ่มสิทธิ์
  ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ลู่โจวจะทำสมาธิ
  เมื่อต้องการจะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนโลก(คัมภีร์เปิดโลกา) ลู่โจวก็ได้พบกับอักษรที่ดูยุ่งเหยิง ตัวเขาไม่อาจเข้าใจความหมายของตัวอักษรได้เลย ตัวอักษรทั้งหลายยังคงไม่ปะติดปะต่อกัน บางทีอาจเป็นเพราะประสบการณ์ของลู่โจวที่มีต่อเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนแรก ลู่โจวจึงรู้ดีว่าตัวเขาไม่ต้องทำความเข้าใจอักษรทั้งหมดก็ได้ สิ่งที่ตัวเขาต้องทำก็คือการทำราวกับเข้าใจพวกมัน
  ครู่ต่อมาลู่โจวก็เข้าสู่สภาวะที่ไม่อาจจะอธิบายได้มันเป็นสถานะเดียวกันกับในตอนที่ลู่โจวทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ใหม่ๆ จิตสำนึกของเขากลับคืนสู่ความว่างเปล่า จิตใจของลู่โจวไม่มีความรู้สึกหรือไร้ซึ่งเสียงความในใจใดๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ก่อนที่ลู่โจวจะรู้ตัว ดวงตาของเขาก็ปิดลงไปแล้ว ภายใต้สภาวะที่ลึกลับเช่นนี้ ที่ร่างกายของลู่โจวก็เริ่มเปล่งแสงสีฟ้าออกมา
  …
  ณคฤหาสน์แม่ทัพของเมืองมณฑลเหลียง
  สีวู่หยาได้นำเอกสารทั้งหมดที่ได้มาจากการรวบรวมข้อมูลต่างๆเดินสู่ห้องโถง ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
  ยู่เฉิงไห่สังเกตเห็นสีหน้าของสีวู่หยาที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“เจ้าดูมีความสุขซะจริงนะศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า เจ้ามาพร้อมข่าวดีอย่างงั้นสินะ”
  “ถูกต้องแล้ว”สีวู่หยาตอบกลับ
  “ประมุขของสถานศึกษาไท่ชูหลินซินถูกศิษย์พี่สามสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเรื่องในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ร้อนแรงที่สุดที่เหล่าชาวยุทธพูดคุยกัน”
  “ศิษย์น้องสามกล้าหาญและแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยอย่างงั้นเหรอ”ยู่เฉิงไห่ตกใจ
  สีวู่หยาได้บอกเรื่องเกี่ยวกับองค์รัชทายาทต่อมันเป็นเรื่องที่เขาสมรู้ร่วมคิดกับหลินซิน หลังจากนั้นสีวู่หยาก็เสนอความคิดเห็นขึ้น “สุดท้ายแล้วท่านอาจารย์ก็ได้ทำลายม่านพลังของสถานศึกษาไท่ชูและม่านพลังของสำนักเฮ้งชู นี่ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเราชาวสำนักอเวจี”
  ยู่เฉิงไห่พยักหน้า“เจ้าพูดมีเหตุผล”
  “ส่วนข่าวดีต่อไป…พวกเรามีศิษย์น้องหญิงเพิ่มอีกคนแล้ว”
  ยู่เฉิงไห่ตกตะลึง“ศิษย์น้องหญิงอีกคน” ยู่เฉิงไห่ตกตะลึง
  “ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อแต่ศิษย์พี่สี่เป็นผู้ส่งจดหมายมาเอง เพราะแบบนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อมัน…” สีวู่หยาได้ส่งจดหมายให้กับยู่เฉิงไห่ “พวกเราไม่รู้ชื่อจริงของศิษย์น้องหญิงคนใหม่ ตอนนี้นางได้ใช้ชื่อว่าหอยสังข์ นางเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการใช้เสียงเพลง นางสามารถควบคุมสัตว์ร้ายได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางสามารถเข้าสู่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้โดยที่ไม่ผ่านการฝึกฝน ในตอนนี้เส้นพลังลมปราณทั้งห้าของนางเชื่อมต่อกันแล้ว นางสามารถรวบรวมพลังลมปราณก่อนที่จะเปลี่ยนมันเป็นพลังงานได้อย่างง่ายดาย…ศิษย์พี่ใหญ่ ใช่แล้ว นางก็คือเด็กสาวที่อยู่บนแท่นบูชาสวรรค์”
  “…”ยู่เฉิงไห่ตกตะลึงกับเด็กสาวที่มีพรสวรรค์มากถึงขนาดนี้ ตัวเขารีบนั่งลงก่อนที่จะอ่านจดหมาย “ท่านอาจารย์มีเรี่ยวแรงที่จะรับศิษย์คนอื่นเพิ่มอย่างงั้นเหรอ”
  สีวู่หยากางแขนก่อนที่จะพูดออกมา“ในตอนนี้ท่านอาจารย์กลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแล้ว บางทีอายุขัยที่เขามีอาจจะเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์พี่สี่ยังบอกว่าเขาสั่งให้ศิษย์ทุกคนฝึกฝนอย่างหนัก และทุกคนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าโดยไร้เหตุผล”
  ยู่เฉิงไห่สั่นไปทั้งตัวตัวเขาเผลอนึกไปถึงความทรงจำอันเลวร้ายบางอย่างเข้า “เฮอะ เขาก็แค่ชอบทำตัวเป็นอาจารย์ก็เท่านั้นแหละ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามหอยสังข์…ข้าหวังว่านางจะน่ารักเหมือนกับศิษย์น้องเก้า”
  …
  ติ้ง!สั่งสอนยู่เฉิงไห่ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200
  ลู่โจวกำลังตกอยู่ในสภาวะลึกลับตัวเขาไม่ได้ยินแม้แต่การแจ้งเตือนจากระบบ มันไม่ได้ส่งผลต่อการทำสมาธิที่ลู่โจวมี
  …
  สีวู่หยาส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา“แต่อย่างไรก็ตามข้าก็อดจะสงสัยศิษย์น้องหญิงคนเล็กไม่ได้”
  “ทำไมเจ้าถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ”
  “นางไม่ได้มีเพียงพรสวรรค์ในการใช้เสียงเท่านั้นนางยังสามารถเข้าสู่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านการฝึกฝน ท่านเชื่อเรื่องนี้อย่างงั้นเหรอศิษย์พี่ใหญ่”
  “ก็จริงอย่างที่เจ้าพูดมันดูแปลก แล้วเจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”
  “ข้าจำได้ดีในตอนที่ข้ากลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ข้าเคยเข้าไปในห้องของอาจารย์ครั้งหนึ่ง…ในนั้นมีบทกวีถูกแขวนเอาไว้ ดวงจันทร์สุกสกาวสว่างไสวอยู่เหนือท้องทะเล พวกเราต่างก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขซึ่งกันและกัน” สีวู่หยาได้กวักมือเรียกสาวกที่อยู่ใกล้ๆ “ไปเอากระดาษกับพู่กันมาให้ข้า”
  หลังจากที่สั่งการไปไม่นานสีวู่หยาก็ได้รับกระดาษและพู่กันตัวเขาได้เรียบเรียงรายชื่อศิษย์สาวกทั้งหมดขึ้นมา
  “ศิษย์พี่ใหญ่ดูนั่นสิ”