เมื่อธิดาหอยสังข์ได้ยินแบบนั้นใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความดีใจ แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ในทันที นางเอานิ้วชี้ของฝ่ามือข้างขวาแตะไปที่ริมฝีปากของตัวเองก่อนจะครุ่นคิด
ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อยมีคนมากมายในใต้หล้านี้ที่อยากจะเป็นศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้า ‘สาวน้อยนี่ไม่รู้จักศาลาปีศาจลอยฟ้าเอาซะเลย มันดีแค่ไหนแล้วที่ฉันจะยอมรับนางเป็นศิษย์’
“เอ่อ…หลังจากที่ข้าได้ฝึกฝนแล้วข้าจะบินได้ไหม”
“แน่นอน”
“แล้วข้าจะสร้างยักษ์สีทองเหมือนกับที่พี่หยวนเอ๋อทำได้รึเปล่า”ธิดาหอยสังข์ถามออกมาอย่างเขินอาย
“แน่นอน”
“แล้วข้าจะเอาชนะสัตว์ประหลาดได้รึเปล่า”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ลู่โจวไม่ได้ตอบคำถามในทันที
จากความสามารถที่ธิดาหอยสังข์มีนางก็คงจะสามารถควบคุมสัตว์ร้ายได้อยู่แล้ว แม้แต่สัตว์ร้ายอย่างเทียนกูวเองก็ยังถูกนางควบคุมได้ แล้วทำไมนางถึงต้องอยากเอาชนะสัตว์ร้ายด้วย
“เจ้ากลัวพวกมันอย่างงั้นเหรอ”
“ถ้าหากไม่มีขลุ่ยพวกมันก็น่ากลัว”
นางพูดมีเหตุผลในตอนนี้นางยังไม่สามารถควบคุมสัตว์ร้ายทุกชนิดได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะจีเหลียงเป็นม้าที่มาจากระบบ เสียงขลุ่ยที่นางได้เป่าจะมีแต่ดึงดูดให้สัตว์ร้ายอีกมากมายเข้าหา ถ้าหากนางไม่ได้ฝึกฝนพรสวรรค์นี้ให้เชี่ยวชาญ พรสวรรค์นี้ก็มีแต่จะทำร้ายตัวนางเอง
“เมื่อเจ้าเริ่มฝึกฝนจะไม่มีสัตว์ร้ายกล้ายุ่งกับเจ้าแน่” ในที่สุดลู่โจวก็ได้ตอบกลับ
เมื่อธิดาหอยสังข์ได้ยินแบบนั้นนางก็พยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ข้าจะฝึก ข้าจะฝึกกับท่าน”
“ดี”ลู่โจวคิดอะไรขึ้นมาได้ ตัวเขาชี้ไปยังเบาะรองนั่ง “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คุกเข่าซะ เจ้าจะต้องคารวะข้าสามครั้ง และโค้งคำนับให้ข้าอีกเก้าครั้ง”
สาวน้อยลุกขึ้นยืนก่อนที่จะวิ่งไปบนเบาะนางที่ยืนอยู่ต่อหน้าลู่โจวได้ทำความเคารพตัวเขา
ถ้าหากลู่โจวเป็นพวกที่ยึดติดกับพิธีรีตองตัวเขาก็คงจะเรียกให้สาวกทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้าให้มาเป็นสักขีพยานในการคารวะ แต่อย่างไรก็ตามตัวเขารู้สึกว่าเรื่องของการรับสาวกเป็นเรื่องที่ส่วนตัวที่ควรจะทำอย่างเรียบง่าย แม้จะคิดแบบนั้นแต่การคารวะสามครั้งและการโค้งคำนับอีกเก้าครั้งก็ยังเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้อยู่ดี มันเป็นพิธีที่จะทำให้สาวน้อยคนนี้จดจำได้ว่าลู่โจวเป็นผู้สั่งสอนนาง เป็นอาจารย์ของนางนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นการทำให้ธิดาหอยสังข์ยอมสวามิภักดิ์ต่อตัวลู่โจว
เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นอาจารย์ตลอดไป ด้วยเหตุนี้เองนางจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของศาลาปีศาจลอยฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อย…
“ท่านอาจารย์”
“ติ้ง!ภารกิจสืบทอดการสั่งสอนศิษย์ถูกแก้ไขเป็น 10/10 ระบบการสั่งสอนศิษย์แบบดั้งเดิมของจีเทียนเด๋าถูกลบ ได้รับรางวัล: อัปเกรดระบบการ์ดx1 การ์ดพลังชีวิต x10 แต้มบุญ: 10,000 การ์ดครูผู้โด่งดังและศิษย์ที่ดี”
“อัปเกรดระบบการ์ด:เพิ่มสิทธิ์ในการเข้าถึงการ์ดด้วยแต้มบุญ”
“ภารกิจครูผู้โด่งดังและศิษย์ที่ดี:ฝึกฝนดูแลศิษย์ด้วยความอุตสาหะและความเข้มงวดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน”
การแจ้งเตือนในครั้งนี้ได้ทำให้ลู่โจวตกใจในตอนแรกที่ตัวเขาข้ามมิติมายังโลกใบนี้ ลู่โจวก็ได้รับแจ้งว่าภารกิจการสั่งสอนมันเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ตัวเขาไม่ได้คิดมากอะไร แต่สุดท้ายแล้วภารกิจก็ถูกลบไปอย่างเป็นทางการ
‘หวังว่าระบบจะไม่ถูกลบออกไปด้วยนะ’
ลู่โจวได้เปิดเมนูระบบขึ้น
ระบบที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น
‘โชคยังดีที่มันยังอยู่ทำไมฉันถึงต้องตื่นตระหนกกัน หรือว่าฉันแก่จริงๆ แล้วสินะ?’
ลู่โจวแตะไปที่อัปเกรดระบบการ์ดในตอนนั้นเองมีข้อความปรากฏขึ้น
“อัปเกรดระบบการ์ดระยะเวลาที่ต้องการ: 5 เดือน ตลอดกระบวนการอัปเกรด ระบบจะไม่สามารถใช้งานได้ ยืนยันการใช้งาน”..
“ยังก่อน”ลู่โจวคิดอยู่ครู่หนึ่ง การที่ไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบจากระบบได้จะทำให้ลู่โจวอ่อนแอ เวลากว่า 5 เดือนในการอัปเกรดนั้นมันยาวนานเกินไป ถ้าหากมีคนพยายามสร้างปัญหาให้กับตัวเขาในช่วงเวลานั้น ลู่โจวก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสทั้งสี่ที่มีและสาวกของตัวเขาก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งจนหวังพึ่งพาได้ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจทำลายม่านพลังและการกำจัดหลินซินไปจะเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว
ลู่โจวยังคงมองไปที่ด้านล่างของระบบ“การ์ดครูผู้โด่งดังและศิษย์ที่ดี”
“การ์ดครูผู้โด่งดังและศิษย์ที่ดี:ทำให้ศิษย์ที่มีฝึกฝนตัวเองอย่างเข้มงวดและขยันขันแข็งเป็นเวลา 3 เดือน ยืนยันการใช้งาน”
“ยืนยัน”ทันทีที่ยืนยันการใช้งาน เวลา 3 เดือนก็เริ่มนับถอยหลัง ลู่โจวพยักหน้าก่อนจะปิดระบบไป
“อืม”ธิดาหอยสังข์ลุกขึ้นมาอย่างมีความสุข
“ต่อจากนี้ไปจงเรียกข้าว่าอาจารย์”
“ค่ะท่านอาจารย์” ธิดาหอยสังข์ย่อตัวโค้งคำนับ มันเป็นการเลียนแบบหยวนเอ๋อนั่นเอง
ลู่โจวโบกมือในตอนนั้นเองคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับการหายใจก็ลอยออกมา “คัมภีร์เล่มนี้จะสอนพื้นฐานเกี่ยวกับการหายใจให้กับเจ้า ฝึกฝนตามคำแนะนำจากคัมภีร์ ถ้าหากเจ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามข้าได้”
ลู่โจวได้ใช้พลังผลักคัมภีร์ให้กับธิดาหอยสังข์ไป
การฝึกฝนลมหายใจเป็นการฝึกฝนพื้นฐานที่ผู้มีพลังขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ทุกคนจะต้องฝึกฝนมันเป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มพลังลมปราณและขยายขอบเขตของจุดพลังลมปราณได้ คัมภีร์การหายใจที่ลู่โจวได้ให้ไปได้ผสมผสานข้อดีจากของชาวพุทธ ชาวลัทธิเต๋า ชาวลัทธิขงจื๊อ มันผสมผสานกันจนได้วิธีการฝึกฝนที่ดีที่สุดมา
“ขอบคุณท่านอาจารย์”ธิดาหอยสังข์ได้รับคัมภีร์ไปด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม..
ลู่โจวคิดว่าจะได้รับการแจ้งเตือนจากระบบเมื่อได้สั่งสอนชี้แนะแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้ยินการแจ้งเตือน
จากภารกิจสั่งสอนศิษย์ทั้งเก้าที่เคยมีนอกเหนือจากยี่เทียนซินที่ถูกเนรเทศไปแล้ว การชี้แนะสั่งสอนศิษย์ที่มีจะทำให้ลู่โจวได้รับรางวัลเป็นแต้มบุญ
แต่การให้รางวัลมันไม่นับรวมธิดาหอยสังข์เรื่องนี้ทำให้ลู่โจวอึดอัดใจ
‘ดวงจันทร์สุกสกาวสว่างไสวเหนือท้องทะเลพวกเราต่างก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขซึ่งกันและกัน เป็นไปได้ไหมว่า…เกณฑ์ในการรับศิษย์จะเข้มงวดจริงๆ ’ ลู่โจวก็ได้แต่สงสัยต่อไป ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาตัดสินใจที่จะไม่ยึดติดกับมัน ถ้าหากเกณฑ์การรับศิษย์เป็นไปตามบทกวีจริงๆ ตัวเขาจะสามารถรับศิษย์เพิ่มได้อีกคนหนึ่งเท่านั้น แต่ความสามารถที่ธิดาหอยสังข์มีมันเทียบเท่าได้กับศิษย์สาวกเดิมทั้ง 9 คนที่ลู่โจวมี ธิดาหอยสังข์จะต้องกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดให้กับลู่โจวในอนาคตได้แน่ ด้วยความคิดนี้เองทำให้ลู่โจวยอมรับนาง
‘มีใครอยู่ด้านนอกไหม’
“ท่านปรมาจารย์”มีเสียงใครบางคนดังออกมาจากด้านนอกประตู
“เรียกทุกคนมารวมที่ห้องโถงใหญ่ซะ”
“ค่ะท่านปรมาจารย์”
…
ภายในห้องโถงใหญ่
ทุกคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าได้มารวมตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลู่โจวเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง
ผู้อาวุโสทั้งสี่ต้วนมู่เฉิง หมิงซี่หยิน ซู่ฮ่องกง จ้าวยู่ และหยวนเอ๋อต่างก็ยืนอยู่ที่ด้านข้าง พวกเขาจ้องมองไปที่ด้านนอกห้องโถง ทุกคนกำลังรอคอยการมาถึงของลู่โจว
“วันนี้ท่านอาจารย์มีเรื่องอะไรกันทำไมถึงได้มีพิธีแบบนี้ได้?” หมิงซี่หยินได้แสดงความสงสัยออกมาดังๆ
“อดใจรอไว้ก่อนเถอะเมื่อท่านปรมาจารย์มาถึงพวกเราก็จะได้รู้เอง” ฝานลี่เทียนพูดขึ้น
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้จูงมือธิดาหอยสังข์ก่อนที่จะเดินเข้ามาตัวเขาเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องโถงใหญ่
ทุกๆคนต่างก็หันไปมอง
ผู้อาวุโสทั้งสี่พอจะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นคงจะมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้ลู่โจวเดินมาพร้อมกับธิดาหอยสังข์และรวบรวมทุกคนเอาไว้แบบนี้
ผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็โค้งคำนับพร้อมกัน“ยินดีด้วย ท่านปรมาจารย์!”
ลู่โจวได้พาธิดาหอยสังข์ไปยืนอยู่ที่ด้านหน้าก่อนที่จะหันหน้ามาเผชิญหน้ากับทุกคนตัวเขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน “ข้ามีสองอย่างที่จะประกาศ”
ทั้งห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหอยสังข์จะเป็นศิษย์คนที่สิบของข้า”
แม้ว่าคนอื่นๆจะคาดคิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ฟังทุกคนก็ยังผงะเล็กน้อยอยู่ดี ทุกคนรู้ดีว่าศาลาปีศาจลอยฟ้ามีข้อกำหนดที่เข้มงวดในการรับศิษย์มากแค่ไหน มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องการจะเป็นศิษย์ปรมาจารย์คนนี้ แม้แต่ฝานซงและโจวจี้เฟิงเองก็ยังไม่สามารถจะเป็นได้ เห็นได้ชัดว่าการจะเป็นศิษย์ได้มันยากเย็นแค่ไหน
ฝานซงและโจวจี้เฟิงไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรทุกคนมองไปที่หอยสังข์ก่อนที่จะโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านศิษย์คนที่สิบ”
หอยสังข์ดูสับสนนางไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่สาวน้อย
ธิดาหอยสังข์พยักหน้านางได้เดินไปหาต้วนมู่เฉิงก่อนที่จะกล่าวทักทาย “สวัสดี ศิษย์พี่สาม”
“สวัสดีศิษย์น้องเล็ก”