ตอนที่ 386 หยามหน้ากันมากนักไม่ได้ (2)
ตามที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จัดการ เขาเพียงต้องการเผยแผนภาพไท่จี๋เพื่อให้หรานเติ้งล่าถอยไป
ทว่านั่นไม่ใช่กลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ เดินไปช้าในห้องโถงและคิดอย่างถี่ถ้วน
ในเวลานี้ เด็กชายขี่กระเรียนไปทางเหนือ แม้จะอาศัยความเร็วของกระเรียนขาว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาสองชั่วยามกว่าจะถึงวังอวี้ซวี ในโอกาสที่กลับมานี้ เป็นไปได้มากที่หรานเติ้งจะใช้ตัวตนของเขาในฐานะผู้อาวุโสของสำนักบำเพ็ญเต๋า ตำหนิและตีเด็กชายที่ทำให้เขาอับอาย
นั่นเป็นเรื่องร้ายแรง เมื่อมองผิวเผินภายนอก หรานเติ้งควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ตามที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จัดการ เขาเพียงต้องการเผยแผนภาพไท่จี๋เพื่อให้หรานเติ้งล่าถอยไป
ทว่านั่นไม่ใช่กลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด
หลี่ฉางโซ่วกลั่นกรองความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว… นักพรตเต๋าหรานเติ้งกำลังยืนหยัดเพื่อสำนักบำเพ็ญประจิม เขาใช้ตัวตนของเขาในฐานะคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเพื่อกำราบเขาซึ่งเป็นรุ่นเยาว์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า หากใช้กำลังต่อต้านเขา เขาก็จะไม่ยอมไว้หน้าให้สำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และเป็นไปได้มากกว่าแปดส่วนที่จะเป็นศัตรูกับพวกเขา เขาสามารถใช้แผนการอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และใช้การปกป้องของแผนภาพไท่จี๋เป็นไพ่ไม้ตายของเขาต่อสู้กับนักพรตเต๋าหรานเติ้ง
เรื่องนี้…
“คิดได้แล้ว.”
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยุดเดิน จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายทันทีแล้วกลับไปที่คลังตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใต้ดิน
ในขณะที่เขาคิดถึงมัน หลี่ฉางโซ่วก็เปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกหินใกล้กับวังมังกรทะเลบูรพา… ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลายเป็นร่างเซียนชราที่เทพแห่งท้องทะเลมักใช้ เขาใช้หลีกลี้วารีเร้นกายแล้วพุ่งไปที่วังมังกรทะเลบูรพาโดยไร้สิ่งกีดขวาง ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่งานเลี้ยงของวังมังกรอีกครั้ง
คราวนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่รอช้า เขาเดินตรงไปที่หวงหลงเจินเหริน และโค้งคำนับให้เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าที่โต๊ะของเขาก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหวงหลง ผู้น้อยมีบางอย่างจะขอรบกวนถามท่านสักหน่อย”
“โอ้?”
ผู้อาวุโสหวงหลงกระตือรือร้นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วรีบกล่าวว่า “สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล มีเรื่องใดโปรดกล่าวมาเถิด” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงต่อหน้าเขาทันทีและเล่าเรื่องเด็กหยาบคายที่นักพรตเต๋าหรานเติ้งส่งให้หวงหลงเจินเหรินฟังทันที
ยิ่งฟังมากเท่าใด หวงหลงเจินเหรินก็ยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อหลี่ฉางโซ่วกล่าวจบ หวงหลงเจินเหรินก็ลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับให้สหายเต๋าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน เขายิ้มและกล่าวว่า “สหายเต๋า ข้าต้องขอตัวไปก่อน”
หลังจากนั้น เขาก็ออกจากห้องโถงหลักไปพร้อมกับหลี่ฉางโซ่วท่ามกลางความสงสัยของแขกมากมาย… วิธีที่สะดวกที่สุดที่หลี่ฉางโซ่วคิดได้ก็คือ การขอให้หวงหลงเจินเหรินไปปรากฏตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็สามารถถามหาเหตุผลที่มาของเรื่องในวันนี้กับความขัดแย้งระหว่างเขากับนักพรตเต๋าหรานเติ้งได้ ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้หน้าให้สำนักบำเพ็ญเต๋า ฉาน
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก!” อ๋าวอี่วิ่งมาจากด้านข้างแล้วรีบถามว่า “มีปัญหาอันใดหรือไม่ขอรับ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
อ๋าวอี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “หากต้องการความช่วยเหลือจากอ๋าวอี่หรือคนของเผ่ามังกร ท่านต้องบอกข้าทันทีนะขอรับ”
“ได้สิ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า จากนั้น เขาและหวงหลงเจินเหรินก็ออกจากวังมังกรและบินตรงไปที่ทะเลภายใต้การคุ้มกันของอ๋าวอี่
เมื่อพวกเขาขี่เมฆมาถึงพื้นผิวทะเล หวงหลงเจินเหรินก็ถามว่า “เจ้าเด็กนั่นช่างโอหังและไร้เหตุผลจริงๆ และยังต้องการให้สหายเต๋าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแล้วไปที่วังอวี้ซวีใช่หรือไม่?”
“เมื่อไปถึงวิหารเทพทะเลหลังจากนี้ สหายเต๋าเพียงแค่ต้องดูที่ผลึกบันทึกเหตุการณ์เพื่อรู้เหตุผล” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าไม่เคยใช้ร่างที่แท้จริงของข้าออกไปข้างนอกเพราะข้าช่วยเผ่ามังกรและศาลสวรรค์เพื่อต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญประจิม
หากมีปรมาจารย์ลอบโจมตีข้า ผลที่ตามมาก็ย่อมไม่อาจจินตนาการได้ ข้าไม่กล้าตกลงในเรื่องนี้”
หวงหลงเจินเหรินถอนหายใจและกล่าวว่า “สหายเต๋าได้รับความเดือดร้อน รองเจ้าสำนักผู้นี้… เฮ้อ เขาทำให้งุนงงอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่”
“จากคำกล่าวของผู้อาวุโส ดูเหมือนว่ารองเจ้าสำนักแห่งสำนักหรานเติ้งผู้นี้…จะไม่มีบารมีมากนักในสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน?”
“เขามีอาวุโสสูง ข้า ศิษย์พี่และศิษย์น้องคนอื่นๆ ล้วนให้ความเคารพเขา พวกเราเรียกเขาว่าเป็นอาจารย์หรืออาจารย์อา” หวงหลงเจินเหรินชี้แจงตรงๆ ว่า “ที่ท่านอาจารย์ได้มอบตำแหน่งรองเจ้าสำนักให้เขาก็เป็นเพราะมิตรภาพของพวกเขาในสมัยโบราณ เขามักจะออกคำสั่งให้พวกเรา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางอย่างที่ข้าพูดไม่ได้…” หลี่ฉางโซ่วเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที และขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ชายชราและมังกรหนุ่มก็มาถึงขอบดินแดนเทวะทักษิณแล้ว และเพื่อจะรีบไปก่อนที่นักพรตเต๋าหรานเติ้งจะตำหนิเขา และแน่นอนว่า การเดินทางข้ามดินแดนเทวะทักษิณเป็นทางที่เร็วที่สุด
ขณะที่พวกเขาบินออกจากพรมแดนของทะเลบูรพา ทันใดนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา และอักขระเต๋าที่คุ้นเคยก็ลอยอยู่เหนือ “เอ๋? ช่างบังเอิญแท้ ไฉนพวกเราถึงมาพบกันที่นี่ได้?”
หวงหลงเจินเหรินหยุดเมฆขาวอย่างรวดเร็วในขณะที่หลี่ฉางโซ่วหันไปมอง แล้วเห็นนักพรตเต๋าวัยกลางคนที่มีใบหน้าแกร่งในชุดเกราะสีทอง กำลังขี่เมฆมา
เป็นอาจารย์ลุงจ้าว จ้าวกงหมิง! ที่ได้ชมการแสดงร่วมกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่! หากไม่ใช่เพราะอักขระเต๋าของเวทหลบหนีเฉียนคุนที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ร่างของอาจารย์ลุงจ้าว หลี่ฉางโซ่วก็คงจะเชื่อว่าเขาและอาจารย์ลุงจ้าวได้ “พบกันโดยบังเอิญ” และไม่ใช่ว่า จ้าวกงหมิงกำลังไล่ตามเขาอยู่
“น้อมพบผู้อาวุโสกงหมิงขอรับ!”
“ฮ่าๆๆๆ น้องชายลืมอีกแล้วหรือนี่”
“เอ่อ น้อมพบพี่กงหมิงขอรับ!”
“ดี! ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะรีบร้อน มีเรื่องสนุกหรือไม่? เหตุใดไม่พาข้าไปด้วยเล่า!?!”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
แท้จริงแล้ว อี้ป๋ออวิ๋นเทียน[1]นั้น ล้วนเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและเกียจคร้าน! จ้าวกงหมิงใช้เวทหลบหนีของไข่มุกเทพทะเล แล้วพาหวงหลงเจินเหรินและหลี่ฉางโซ่วไปที่สวนด้านหลังของวิหารเทพทะเล
หลี่ฉางโซ่วไปที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อนำผลึกบันทึกเหตุการณ์มาสองสามเม็ดและเผยให้เห็นถึงการกระทำของเด็กชาย
จ้าวกงหมิงก่นด่าออกมาทันที
“รองเจ้าสำนักหรานเติ้งผู้นี้หมายความอันใด? เขาขอให้ร่างหลักของเจ้าไปปรากฏตัวจริงหรือ? หรือว่าเขาต้องการหาเป้าหมายดีๆ ให้พวกคนที่อยากสังหารเจ้า!?! ไปวังอวี้ซวีเพื่อหาเหตุผลกับเขา!”
“พี่ชาย อย่ากังวล พี่ชาย อย่าวิตกไปเลย”
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าว “ข้าแน่ใจว่ารองเจ้าสำนักหรานเติ้งจะตอบคำถามข้าอย่างแน่นอน ต่อจากนี้ ข้าเพียงอยากให้ท่านและผู้อาวุโสหวงหลงซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ และให้พวกท่านแต่ละคนช่วยหยิบผลึกบันทึกเหตุการณ์ออกมาบันทึกการสนทนาของข้ากับเขาขอรับ ด้วยวิธีนี้ หากเกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ข้าก็มีเหตุผลที่จะพูดออกมาเพื่อไม่ให้รองเจ้าสำนักผู้นี้มาตราหน้าข้าได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่ไม่น่าเคารพนับถือ แต่หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นในภายหลัง ก็ให้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน ข้าไม่อยากเป็นปฏิปักษ์กับผู้อาวุโสเช่นนี้”
เมื่อหวงหลงเจินเหรินได้ยินเช่นนั้น เขาก็คลี่ยิ้มและพยักหน้าพร้อมด้วยแววตาชื่นชมในดวงตาของเขา “สหายเต๋าช่างใจกว้างยิ่งนัก”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เป็นเพียงว่าศัตรูควรแก้ไม่ควรก่อ”
ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงก็เปิดใช้งานไข่มุกเทพทะเลและซ่อนตัวอยู่ที่มุมของห้องโถงด้านหลังกับหวงหลงเจินเหริน ทั้งสองใหญ่ล้วนถือผลึกบันทึกเหตุการณ์ที่หลี่ฉางโซ่วมอบให้ และเริ่มบันทึกเหตุการณ์
เวลาเดียวกัน ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในวังดุสิต ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูได้ เอนกายพิงต้นไม้ในขณะที่มีเมฆหมอกลอยอยู่ข้างหน้าเขา และภาพในห้องโถงด้านหลังของสำนักเทพทะเลก็ปรากฏอย่างชัดเจน
จากมุมที่บันทึกภาพ พวกเขาน่าจะใช้แผนภาพไท่จี๋เพื่อลอบสังเกตการณ์… ครั้นเมื่อได้เห็นจ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินมาถึง และได้ยินวิธีการของหลี่ฉางโซ่ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ปรบมือและหัวเราะ เขายังคงสงบนิ่งและรอดูผลที่ตามมาหลังจากนี้
หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ในห้องโถงด้านหลังราวครึ่งชั่วยาม จากนั้น ก็มีเมฆขาวซึ่งมีชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้น ลอยมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ร่างของชายชราผู้นั้น ปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง ข้างๆ ชายชรา มีเด็กชายที่มาร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อมองจากระยะไกล ชายชราดูมีใบหน้าเรียว แต่เมื่อพิศใกล้ๆ เขามีใบหน้าเหลี่ยมแปลกๆ
เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมเต๋าสีน้ำตาลและนั่งอยู่บนก้อนเมฆสีขาว มือของเขาอยู่ในแขนเสื้อกว้าง และมีตะเกียงทองสัมฤทธิ์ลอยอยู่บนบ่าของเขา ในขณะนี้ เขาลืมตาครึ่งหนึ่ง เขามีคิ้วหนายาว มีรอยย่นที่ขมับและมีใบหูใหญ่ยาน ให้ความรู้สึกสง่างามท่ามกลางความโกลาหล อักขระเต๋าของเขาวนเวียน ทำให้มีลักษณะท่าทางของปรมาจารย์
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้เรื่องของนักพรตเต๋าหรานเติ้ง มากนัก
เขารู้เพียงว่า นักพรตเต๋าหรานเติ้ง เป็นปรมาจารย์ผู้ถนัดราดน้ำมันลงบนกองไฟในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ เขาและนักพรตเต๋าลู่หยา ผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามีภูมิหลังมาอย่างไร พวกเขาร้องเพลงเต้นรำกัน[2]ดี และทำให้มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพยิ่งทวีความเลวร้ายมากขึ้นจนเกินควร
หลังจากนั้น มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพยังไม่ทันสิ้นสุด หรานเติ้งก็ลบคำว่า ‘นักพรตเต๋า’ ออกไปและเติมคำว่า ‘พระพุทธรูปโบราณ’ ในนามของเขา เขาเป็นผู้นำคนสองสามคนในสิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และทรยศต่อสำนักบำเพ็ญเต๋า ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับภูมิหลังเฉพาะของหรานเติ้ง ขอบเขตพลัง และพลังเวทของเขา…
หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืน คราวนี้ เขาเริ่มบินขึ้นไปเหนือลานในห้องโถงด้านหลัง เขาได้ซ่อนรายละเอียดเหล่านั้นเอาไว้
………………………………………………………………..
[1] ฉายาจ้าวกงหมิงที่แปลว่า คุณธรรมสูงเทียมฟ้า
[2] เข้ากันได้ดี รับจังหวะต่อ รับลูกกันได้ดี