ตอนที่ 387 ศึกแรกกับหรานเติ้ง (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 387 ศึกแรกกับหรานเติ้ง (1)

“เจ้าคือเทพแห่งท้องทะเลหรือ?” นักพรตเต๋าหรานเติ้งมาพร้อมกับเด็กชายที่ขี่เมฆ ครั้นเมื่อมาถึงสวนด้านหลังของวิหารเทพทะเล เขาก็กล่าวอย่างเย็นชา

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าเบาๆ แล้วสะบัดแส้หางม้าของเขาไปที่นักพรตเต๋าหรานเติ้ง และกล่าวอย่างสงบว่า “ข้าได้รับพระราชโองการแห่งศาลสวรรค์และการแต่งตั้งจากองค์เง็กเซียนให้เป็นเทพผู้ตรวจตราไปทั่วทั้งสี่คาบสมุทรและรับผิดชอบกิจการทางทะเล แน่นอนว่า ข้าคือเทพแห่งท้องทะเล”

ดวงตาของนักพรตเต๋าหรานเติ้งฉายแววดุร้ายเล็กน้อยขณะกล่าวว่า “ยิ่งใหญ่จริงนะ “ได้รับการแต่งตั้งจากองค์เง็กเซียนและศาลสวรรค์ ไม่แปลกใจเลยที่หยิ่งผยองเช่นนี้ แม้กระทั่งไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้าและไม่ให้ความเคารพต่อสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานของข้า!”

เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้ยินนักพรตเต๋าหรานเติ้งกล่าว เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชรา ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เขาก็ยกระดับปัญหาขึ้นถึงระดับของเหล่าสำนักใหญ่ได้ในทันทีโดยบอกว่าไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาและถึงกับบอกว่าไม่ให้ความเคารพสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน…

โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วเตรียมตัวมาอย่างดีพร้อมกับเต็มไปด้วยความตื่นตัวและระแวดระวัง และในเวลานี้ เขาก็ขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่าย

หลี่ฉางโซ่วสะบัดแส้หางม้าอีกครั้งพลางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “สหายเต๋ามาเยือนด้วยท่าทีคุกคาม เมื่อมาถึงสำนักเทพทะเล สหายเต๋าก็ชี้ว่าข้าคือเทพแห่งท้องทะเล จากนั้นก็กล่าวหาข้าทันทีว่าไม่เคารพสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน จะให้ข้าเริ่มชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร สหายเต๋าเคยแจ้งถึงภูมิหลังของตัวเองหรือไม่? เช่นนั้น ช่วยบอกสักหน่อยได้หรือไม่ว่าข้าไม่เคารพสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานอย่างไร?

ทันใดนั้น เด็กชายที่กำลังคุกอยู่เข่าข้างๆ นักพรตเต๋าหรานเติ้งก็ร้องตะโกนขึ้นว่า “เจ้าเบิ่งตาดูซะ! นี่คือท่านอาจารย์ของข้า!”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและดุว่า “เจ้าเด็กโง่เง่า! ก่อนหน้านี้ เจ้ามาทำอวดดี วางอำนาจ และก่อปัญหาที่วิหารเทพทะเลของข้า! แล้วยังกล้าพูดว่าเจ้าได้รับคำสั่งจากรองเจ้าสำนักอันทรงเกียรติแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานว่าให้ข้าใช้ร่างหลักของข้าไปปรากฏตัว! เหอะ เขามาที่นี่เพื่อหลอกล่อข้าไปสังหารชัดๆ! เจ้าถูกข้าตะเพิดไป แล้วไยไม่ยอมเลิกรา แต่ยังลากปีศาจที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด มาแสร้งทำเป็นอาวุโสหรานเติ้งแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน! คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ?”

เด็กชายจ้องเขาเขม็ง “เจ้า!”

ขณะที่หรานเติ้งกำลังจะกล่าว หลี่ฉางโซ่วก็ชี้ไปที่เด็กชายและยังดุด่าเขาไม่หยุด เขาอ้าปากด่ากราดเต็มที่ราวกับสาดห่ากระสุนปืนใหญ่!

“แค่นั้นหรือ? เจ้ายังต้องการแสร้งทำเป็นเซียนผู้สูงส่ง และเป็นรองเจ้าสำนักแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานหรานเติ้งที่น่ารักและเป็นมิตร amiable ใช่หรือไม่?

เจ้ารู้หรือไม่ว่ารองเจ้าสำนักแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานหรานเติ้งเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเซียนเทียนมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว? ก่อนที่เต๋าสวรรค์จะสมบูรณ์ เขาก็ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

ตอนนี้ อวี้ซวีเป็นที่รู้จักในด้านศีลธรรม! ในสำนักบำเพ็ญเต๋าของข้า มีน้อยคนนักที่จะเปรียบเทียบกับรองเจ้าสำนักหรานเติ้งได้! แล้วดูนักพรตเต๋าชราที่เจ้าหามาสิ เขาดูราวกับสุนัขเหมือนเจ้า! ดูเหมือนว่าจะซื่อสัตย์และใจดี แต่แท้จริงแล้ว กลับเป็นคนเจ้าเล่ห์ ไร้ยางอาย จาบจ้วงผู้อาวุโส เสแสร้งว่ามีศีลธรรม และคิดคดทรยศ อย่างมากที่สุด เขาก็เป็นได้แค่เจ้าโจรหูใหญ่เท่านั้น! เขาไม่อาจเลียนแบบอักขระแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ของอวี้ชิง[1]ได้ แล้วกล้าดีอย่างไรถึงแสร้งมาเป็นรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน!?! เหอะๆ ช่างน่าขันสิ้นดี!”

วะฮะฮ่า รู้สึกดีจริงๆ ฮ่า…

การดุด่าของหลี่ฉางโซ่วจับช่องโหว่บางอย่างในตรรกะของอีกฝ่ายแล้วโจมตี

เขาก่นด่าจนทำให้สีหน้าท่าทีของนักพรตเต๋าหรานเติ้ง มืดมนฉับพลันราวกับน้ำ ในขณะที่ใบหน้าของนักพรตเต๋าเด็กพลันแดงก่ำและพูดไม่ออก

ในเวลานั้น หวงหลงเจินเหรินรู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกในขณะที่อาจารย์ลุงจ้าวก็กลั้นหัวเราะและบีบต้นขาของเขา ส่วนผู้ที่อยู่ในสนามหลังวังดุสิตนั้น บัดนี้ หัวเราะจนกลิ้งไปมาแล้ว

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ไม่เคยเห็นนักพรตเต๋าหรานเติ้งมาก่อน ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงเคยบังเอิญพบพานกัน แต่ครั้งล่าสุดนั้น เป็นเพราะหรานเติ้งได้หลอกลวงหวงหลงเจินเหรินที่วิ่งมาถามเขาว่าเขากำลังวางแผนร้ายกับเผ่ามังกรหรือไม่ …

ในขณะนั้นเอง เขาได้ตัดสินใจด่าว่าเด็กชายกำลังกระทำการเลวร้ายบางอย่าง ด้วยการบอกว่า นักพรตเต๋าหรานเติ้งเป็นปรมาจารย์ผู้สูงส่งเหนือสามัญ จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนี้ เขายังยกย่องเยินยออย่างเปิดเผยและเหยียดหยามอ้อมๆ เขาต้องการโยนกับดักออกไปสองสามอย่างแล้วดูว่าอีกฝ่ายจะจับเหยื่อหรือไม่ จากนั้น หากอีกฝ่ายจับเหยื่อ เขาก็จะสอบสวนให้เข้าใจความจริงทั้งหมดของหรานเติ้ง

ช่างเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่ฆ่านกสองสามตัวได้ด้วยหินก้อนเดียว

ส่วนนักพรตเต๋าหรานเติ้งจะโจมตีด้วยโทสะหรือไม่… นั่นคือสถานการณ์ที่หลี่ฉางโซ่วอยากเห็นมากที่สุด เขายังอยากให้แน่ใจว่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาจะเป็นทำลายตัวเองก่อน

การต่อสู้ระหว่างเหล่าปรมาจารย์ตัดสินได้ด้วยความคิดเดียว!

“เทพแห่งท้องทะเล เจ้าด่าพอแล้วหรือไม่?”

“เหอะ! เจ้าแกล้งทำเป็นปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า ข้าไม่สู้กับเจ้าก็ถือว่าดีเพียงใดแล้ว ข้าจะ ด่าเจ้าให้พอได้อย่างไร!?!”

หลี่ฉางโซ่วแค่นเสียงและถอนหายใจในใจ

มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะจัดการกับเขา นักพรตเต๋าหรานเติ้งหนังหนาพอตัว ไม่อาจบังคับให้เขาโจมตีด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำได้

หลี่ฉางโซ่วยิ่งระวังตัวมากขึ้น

เขาได้ยินหรานเติ้งกล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าฝึกบำเพ็ญมานานหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าถูกเหยียดหยามเช่นนี้ แต่ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักข้า เช่นนั้น ข้าก็จะไม่โทษเจ้า เทพแห่งท้องทะเล จงฟังให้ดี ข้าคือรองเจ้าสำนักแห่งวังอวี้ซวี หรานเติ้ง!”

“โอ้?” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าและถามเป็นปกติว่า “แล้วเจ้ามีหลักฐานอันใดมาพิสูจน์เล่า?”

“ข้ามีหลักฐานพิสูจน์!”

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าหรานเติ้งเกือบจะถ่มน้ำลายออกมา แต่เขากลั้นเอาไว้ จากนั้น โคมสีทองสัมฤทธิ์บนไหล่ของเขาก็เปล่งแสงเจิดจ้าที่อาบท้องฟ้าไปทั่วเมืองอันสุ่ยให้กลายเป็นสีรุ้ง

หรานเติ้งถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อถามว่า “เป็นไปได้หรือที่เจ้าจะเป็นผู้สูงศักดิ์ของวังอวี้ซวีที่เป็นเซียนชราในถ้ำหยวนเจี๋ยจริงๆ?”

“เหอะ” หรานเติ้งแค่นเสียงกล่าวว่า “แล้วเป็นไปได้หรือที่โคมเปล่งแสงของข้า…”

“ข้าไม่เชื่อ” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะ “ในโลกบรรพกาล มีเครื่องมือเวทมากมายนับไม่ถ้วน ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีคล้ายคลึงกันบ้าง”

หรานเติ้งก่นด่าออกมาทันที “หยุดพล่ามไร้สาระเสียที!”

“สหายเต๋า เจ้ารู้สึกผิดหรือไม่?” หลี่ฉางโซ่ว ยิ้มและกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ต้องบอกว่าขอบเขตเต๋าของเจ้าก็ไม่ได้ต่ำ แล้วไฉนถึงต้องแกล้งทำเป็นคนอื่น เที่ยวท่องไปทั่วโลกบรรพกาล? หากผู้อาวุโสหรานเติ้งรู้เข้า จะไม่ทำร้ายเจ้าหรือ?”

“ข้าคือหรานเติ้ง!”

“จริงหรือ? ข้าไม่เชื่อเจ้า”

“เจ้า!” หรานเติ้งเบิกตากว้าง ในขณะนั้นเขาอยากจะโยนโคมของเขาทิ้งไปจริงๆ ทว่าเขารู้ว่าหากเขาลงมือโจมตี เขาก็จะตกหลุมพรางของเจ้านักพรตเต๋าผู้ชั่วร้าย

จากนั้น นักพรตเต๋าหรานเติ้งก็หยิบสมบัติอีกสองสามชิ้นออกมาในอึดใจเดียว มีสายประคำ เจดีย์ทองคำ และเบาะนั่งสมาธิรูปดอกบัว

“เจ้าเชื่อได้!”

หลี่ฉางโซ่วส่ายหัว “ทุกวันนี้ การเดินอยู่ในโลกบรรพกาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ค่าใช้จ่ายในการปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงนั้นสูงมากเพียงนี้เลยหรือ? เครื่องมือเวทเหล่านี้ล้วนถูกลอกเลียนมาทั้งหมด

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ทุกวันนี้ การเดินอยู่ในโลกบรรพกาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ค่าใช้จ่ายในการปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงนั้นสูงมากเพียงนี้เลยหรือ? ความจริงแล้ว เครื่องมือเวทเหล่านี้ล้วนถูกลอกเลียนมาได้ทั้งหมด ทว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็ไม่รู้จักผู้อาวุโสหรานเติ้งและไม่รู้เรื่องเครื่องมือเวทของเขาเลย หากสหายเต๋าเป็นผู้สูงส่งเช่นนั้นจริง ๆ แล้วไยไม่ขอให้เต๋าสวรรค์ช่วยยืนยันและให้คำสาบานว่าจะตรวจสอบตัวเองเล่า?”

“เหตุใดข้าจะไม่กล้า?”

ในขณะนั้น หรานเติ้งก็ทำการสาบานต่อเต๋าสวรรค์ว่าเขาคือ หรานเติ้ง

ทันใดนั้น พลังแห่งเต๋าสวรรค์ก็ลงมา แต่พบอะไรผิดปกติ เมื่อหลี่ฉางโซ่วเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาก้าวถอยไปในอากาศสองสามก้าว หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ และมือสั่นเทา แล้วโค้งคำนับให้อย่างลึกล้ำ

“อ้า! ข้า ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินล่วงเกินท่านให้ขุ่นเคืองแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านเป็นรองเจ้าสำนักแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ผู้อาวุโสหรานเติ้ง! ข้ามีตาแต่ไร้แวว มองไม่เห็นผู้แกร่งกล้าเช่นนี้ ต้องขออภัยจริงๆ ขอรับ!” แม้ว่าเขาจะเห็นว่าหลี่ฉางโซ่ว “ตกใจกลัว” เพียงใดและได้ยินคำขอโทษของหลี่ฉางโซ่ว แต่หรานเติ้งก็ไม่ได้สบายใจเลย

แต่กลับรู้สึกว่า…

คนที่อีกฝ่ายเคารพนับถือนั้นเป็นเพียงรองเจ้าสำนักแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน แต่ไม่ใช่เขา นักพรตเต๋าหรานเติ้ง หากไม่มีฉายานั้น เขาก็ย่อมจะไม่นับเป็นอันใดเลย…

นั่นทำให้หรานเติ้งยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้น และมีไฟลุกโชนอยู่ในใจ แต่ไม่อาจดุด่าหรือทำร้ายหลี่ฉางโซ่วได้ เขาทำได้เพียงหันศีรษะไปจ้องมองนักพรตเด็ก

นักพรตเด็กร่างอ่อนยวบทันที เขาทรุดตัวลงบนก้อนเมฆและกลั้นหายใจ

………………………………………………………………..

[1] คือเต๋าหยกวิสุทธิ์ หรือบางทีก็เรียกเต๋ารัตนะ เป็นเต๋าแห่งองค์หยวนสือเทียนจุน หรือองค์จักรพรรดิหยก ซึ่งก็คือองค์เง็กเซียนนั่นเอง