ตอนที่ 388 ศึกแรกกับหรานเติ้ง (2)
“ผู้อาวุโส โปรดยกโทษให้ข้าด้วยขอรับ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของท่าน ข้าไม่รู้จักท่านจริงๆ ท่านผู้อาวุโส โปรดเข้ามาเร็วเข้า!”
หลี่ฉางโซ่วไม่รอให้นักพรตเต๋าหรานเติ้งตอบกลับ เขาก็ได้ร่อนร่างลงไปก่อนแล้ว
หรานเติ้งขมวดคิ้ว และในขณะนั้นเอง เขาก็ตระหนักว่าเขากำลังถูกเทพแห่งท้องทะเลจูงจมูกเขา ในเวลานี้ เขาไม่อาจหาเหตุผลใดๆ มาสร้างปัญหาให้เทพแห่งท้องทะเลได้ เขาจึงทำได้เพียงขี่เมฆร่อนลงมาเท่านั้น
หากเขาจากไปเช่นวันนั้น เขาย่อมจะอับอายจนไม่เหลือใบหน้าอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล หรานเติ้งก็สัมผัสได้ถึงปรากฏการณ์บางเบาแล้วจ้องมองไปยังมุมที่จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินอยู่
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วถึงกับตื่นตกใจจนพูดไม่ออก
เห็นได้ชัดว่า ทักษะการซ่อนตัวของอาจารย์ลุงจ้าวยังไม่เพียงพอ เขาเปิดเผยตัวเองจริงๆ
ทว่าทันใดนั้น ก็มีอักขระเต๋าปรากฏขึ้น แล้วที่มุมทั้งสี่ของคานและห้องโถงด้านหลังก็มีเงาบางเบาของปลาแฝดหยินหยางไล่ตามกันปรากฏขึ้นมา พลังแห่งแผนภาพไท่จี๋?
นักพรตเต๋าหรานเติ้งมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แล้วมองหลี่ฉางโซ่วด้วยความกลัวมากขึ้น
ไม่แปลกเลยที่คนบุคคลนี้จัดการกับสำนักบำเพ็ญประจิมมาได้ยาวนานเช่นนี้ จอมปราชญ์เทพไท่ชิงกำลังกำราบสำนักบำเพ็ญประจิมอยู่อย่างแน่นอน!
ในเวลานั้น โทสะในใจของหรานเติ้งพลันลดลงไปสามส่วน เขาคลี่ยิ้มให้เมื่อเห็นว่าหลี่ฉางโซ่วผายมือ เชิญเขาให้ไปนั่งบนที่นั่งแขกทางด้านซ้ายแล้ว ก็อดจะรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเล็กน้อยไม่ได้
ในขณะนั้น เจ้าภาพและแขกก็นั่งลง หลี่ฉางโซ่วยกชาให้เขาด้วยตัวเอง แต่เขากลับไปยังที่นั่งของเขาล่าช้าเกินไป
มันเป็นการปฏิบัติตามพิธีการของเจ้าเด็กรุ่นเยาว์ในรุ่นเยาว์กว่า ซึ่งแตกต่างไปจากธรรมเนียมปฏิบัติของศิษย์
หลี่ฉางโซ่วกล่าวขึ้นก่อนพลางชี้ไปที่เด็กคนนั้นและยิ้ม “เขาเป็นบุตรเต๋าของท่านผู้อาวุโสจริงๆ หรือ ขอรับ?”
“ใช่แล้ว” หรานเติ้งพยักหน้าช้าๆ
“ช่างฉลาด น่ารัก และสุภาพจริงๆ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและหรี่ตาลง ดูเหมือนว่า เขาจะไม่โกหกเมื่อกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขามาที่บ้านของข้า ทันทีที่เห็นเขา ข้าก็รู้ว่าเขาเป็นศิษย์ของสำนักใหญ่”
นักพรตเต๋าหรานเติ้งแค่นยิ้มอย่างไม่น่าดูออกมา “เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดเทพแห่งท้องทะเลถึงตำหนิตงเอ๋อร์ ในเมื่อข้าให้เขามาเชิญไปที่วังอวี้ซวีเล่า?”
“ท่านผู้อาวุโส ข้าเกรงว่าท่านจะเข้าใจอะไรผิดไปแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วหยิบผลึกบันทึกเหตุการณ์ออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งมันออกไปด้วยพลังเซียน ในขณะนั้น เขาได้เปิดเผยอักขระพลังเซียนของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส โปรดพิจารณาดูเถิด เรื่องราวทั้งหมดล้วนอยู่ในนั้นแล้วขอรับ’
นักพรตเต๋าหรานเติ้งลังเลเล็กน้อย และไม่ได้บดขยี้ผลึกบันทึกเหตุการณ์ทันที แต่หลับตาลงแล้วเข้าไปสำรวจข้อมูลภายในแทน
อันที่จริง นับตั้งแต่ที่หรานเติ้งปรากฏตัวมาจนถึงบัดนี้ ทุกการตัดสินใจของเขาจะทำให้หลี่ฉางโซ่ว มีทางเลือกสองสามทางในใจ และทันทีที่หรานเติ้งตัดสินใจ หลี่ฉางโซ่วก็มีวิธีจัดการมันแล้ว เขายังมีอีกหลายทางเลือกในใจที่เตรียมไว้สำหรับรองเจ้าสำนักหรานเติ้ง
สรุปแล้ว หลี่ฉางโซ่วเหนือชั้นกว่าในด้านเหตุผล หากเขาต้องการพลิกสถานการณ์กลับ เขาก็ทำได้เพียงกวาดทุกอย่างลงหรือตบตัวเขาในฐานะของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้ตาย
น่าเสียดาย… ที่เขาได้รับคำเตือนจากแผนภาพไท่จี๋
อย่างไรก็ตาม หรานเติ้งก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย คำพูดของเขาล้วนมีนัยแอบแฝงและกับดักซ่อนต่างๆ อยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค แต่ราวกับว่าพวกเขาได้แลกหมัดกันเป็นพันๆ ครั้ง ทุกประโยคล้วนนัยลึกซึ้ง และเสียงหัวเราะของพวกเขาก็เต็มไปด้วยถ้อยคำพิฆาต!
จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหริน ซึ่งอยู่ที่มุมห้องต่างก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หวงหลงเจินเหริน อยู่ในสถานะที่ดีกว่า เขาเข้าใจถึงความรุนแรงในการสนทนาระหว่างหลี่ฉางโซ่ว และนักพรตเต๋าหรานเติ้ง ได้อย่างคร่าว ๆ
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลา เครางามของอาจารย์ลุงจ้าวแล้ว… ก็เห็นถ้อยคำปรากฏชัดเจนว่า “คืออะไร? “กำลังพูดถึงอะไร” “ควรทำอย่างไร? “ไยไม่ให้ข้าเพียงพับแขนเสื้อแล้วมอบความชอบธรรมให้ข้า อี้ป๋ออวิ๋นเทียนช่วยเหลือเล่า”? และอื่นๆ อีกมากมายในใจของเขา…
ไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่ว และหรานเติ้ง ก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องเผ่ามังกร
หลี่ฉางโซ่วกล่าวก่อนว่า “ผู้อาวุโส ท่านบอกว่ามาด้วยเรื่องเผ่ามังกร หรือว่าผู้อาวุโสมีญาติมิตรของท่าน…ในเผ่ามังกร?”
นักพรตเต๋าหรานเติ้งกล่าวอย่างสงบว่า “แน่นอนว่าไม่ ข้ามาที่นี่เพื่อสำนักบำเพ็ญประจิม”
“โอ้ ผู้อาวุโสมีญาติมิตรอยู่ในสำนักบำเพ็ญประจิมนั่นเอง”
“ความจริงแล้ว ไม่เหมาะนักที่จะเรียกว่าญาติ” นักพรตเต๋าหรานเติ้งกล่าวอย่างใจสงบ “ข้าเพียงมีสหายและข้าก็เป็นหนี้บุญคุณพวกเขา จึงเพียงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อตอบแทนพวกเขา
สหายเต๋า เจ้าจะช่วยปันผลประโยชน์บางส่วนในเรื่องของเผ่ามังกรให้สำนักบำเพ็ญประจิมในนามของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานได้บ้างหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วกะพริบตาพลางยิ้ม และกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผู้น้อยมีคำถามจะถามท่าน”
“ถามมาเถิด”
“ผู้อาวุโส สุดท้ายแล้ว ท่านมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องนี้กับผู้น้อยเพื่อตอบแทนความช่วยเหลอของปรมาจารย์อาวุโสแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมใช่หรือไม่? หรือท่านกำลังขอให้ผู้น้อยยอมโอนอ่อนให้สำนักบำเพ็ญประจิมในฐานะรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน?
นักพรตเต๋าหรานเติ้งขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ตอบทันที เขาเพียงแต่กล่าวว่า “สหายเต๋า เจ้าไม่เต็มใจตกลงหรือ?”
“ผู้น้อยยังไม่ได้ตอบเช่นนั้น คำตอบของข้าเพียงขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของท่านเท่านั้น”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้น้อยเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋า หากท่านสั่งข้าในฐานะของรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ข้าย่อมจะรับไว้เป็นธรรมดา ทว่าท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยไม่รู้จริงๆ ว่าจะยอมโอนอ่อนให้สำนักบำเพ็ญประจิมได้อย่างไร ผู้น้อยมีไมตรีที่ดีกับเผ่ามังกร
เผ่ามังกรได้สร้างสำนักเทพทะเลขึ้นมา ก่อนหน้านี้ ผู้น้อยไม่ต้องการให้เผ่ามังกรถูกปองร้าย จึงแอบช่วยเหลือพวกเขาหลายครา ผู้น้อยก็เพียงแค่ตอบแทนบุญคุณเท่านั้น ทว่าผู้น้อยก็เป็นเทพแห่งท้องทะเลของทั้งสี่คาบสมุทรที่จักรพรรดิหยกประทานให้เช่นกัน และย่อมไม่อาจเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตในสี่คาบสมุทรตกตายได้ ผู้น้อยจึงสกัดกั้นสำนักบำเพ็ญประจิมไม่ให้สังหารเผ่ามังกรสองสามครั้ง หากผู้อาวุโสใช้ตัวตนของปรมาจารย์ในถ้ำหยวนเจี๋ยแห่งภูเขาหลิงจิ้วเพื่อมาหารือเรื่องนี้ ผู้น้อยก็ต้องเตือนผู้อาวุโสจริงๆ ขอรับ…”
เขากล่าวต่อว่า “เผ่ามังกรเป็นเผ่าโบราณ หากพวกเขายอมจำนนต่อศาลสวรรค์ ก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อศาลสวรรค์ จอมปราชญ์เทพทั้งสามแห่งได้ก่อตั้งขึ้นศาลสวรรค์ขึ้นมา นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่บรรพาจารย์เต๋าได้แต่งตั้งผู้มีอำนาจในการควบคุมดูแลทั้งสามอาณาจักร หากวางเรื่องอื่นๆ เอาไว้ก่อนแล้ว ในฐานะรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ผู้อาวุโสจะช่วยสำนักอื่นเพื่อลดทอนผลประโยชน์ของศาลสวรรค์และสำนักบำเพ็ญเต๋านั้น ย่อมไม่สมเหตุผล หากไร้คุณธรรมที่ถูกต้อง แล้วจะประพฤติตนให้เหมาะสมได้อย่างไร? ผู้อาวุโส การตัดสินใจของท่าน จะตัดสินการกระทำของท่านขอรับ”
ดวงตาของหรานเติ้งหรี่ลงเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็ยิ้มให้หลี่ฉางโซ่วพลางถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะข้าไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน ทำให้เจ้าต้องขุ่นเคืองแล้ว” หลังจากกล่าวเช่นนั้น นักพรตเต๋าหรานเติ้งก็ยืนขึ้น จากนั้น เมฆขาวปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขาแล้วเขาก็พาเด็กชายผู้นั้นไปด้วย นักพรตเต๋าหรานเติ้งยิ้มและกล่าวอีกว่า “ดีจริงๆ ที่ข้าได้พูดคุยกับสหายเต๋าในวันนี้ ข้าได้ประโยชน์มากมาย เอาไว้วันหลัง เราค่อยว่ากันต่อ”
“ข้าจะไปส่งท่านผู้อาวุโส”
“ไม่จำเป็นหรอก”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
เขาไปเร็วมาก
ยากยิ่งนักที่จะจัดการนักพรตเต๋าหรานเติ้งได้
เมื่อเขาชี้ไปที่ขอบของคำว่า ‘ทรยศ’ หรานเติ้งก็ขอโทษและจากไปทันที แม้จะแสดงให้เห็นอ้อมๆ ว่าเขายังรู้สึกผิดจริง แต่เขาก็ไม่พิเคราะห์หาความผิดของเขาแต่อย่างใด
หรือว่าความจริงแล้ว ที่หรานเติ้ง มาเข้าร่วมสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานนั้น เป็นแผนการที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน? นักพรตเต๋าหรานเติ้ง เป็นเบี้ยตัวหนึ่งของสำนักบำเพ็ญประจิมหรือไม่? หลี่ฉางโซ่ว ยืนอยู่ที่ประตูห้องโถงด้านหลังและคิดอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่หรานเติ้ง จากไป เขาก็ปล่อยเพลิงสมาธิแท้ออกไปเผาเก้าอี้ที่หรานเติ้งนั่งอยู่
จากนั้นเขาก็เหวี่ยงแส้หางม้าไปยังพื้นที่หรานเติ้งเพิ่งยืนอยู่ แล้วสลายเสี้ยวพลังที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน
จากนั้น แผนภาพไท่จี๋บนคานก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นช้าๆ และเสี้ยวอักขระเต๋าก็กระจายไปทั่ว ราวกับว่ามันช่วยหลี่ฉางโซ่วตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
หลังจากที่แผนภาพไท่จี๋หายไป หลี่ฉางโซ่ว ก็กล่าวว่า “พี่ชาย ท่านเจินเหรินออกมาได้แล้ว”
ทันใดนั้น น้ำที่มุมกำแพงก็กระเพื่อมขึ้น แล้วหวงหลงเจินเหรินซึ่งมีสีหน้าซับซ้อนก็ค่อยๆ เผยตัวออกมา ทว่าไม่รู้ว่าจ้าวกงหมิงไปอยู่ที่ใดกัน
หลี่ฉางโซ่วกะพริบตาแล้วรีบถามว่า “ผู้อาวุโสกงหมิงอยู่ที่ใดกัน?”
“เขา… โกรธ…”
“เขาไปหลอกต้มคนหรือ?”
“ใช่!” หวงหลงเจินเหรินพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
หลี่ฉางโซ่วอดจะคร่ำครวญไม่ได้ขณะยกมือขึ้นลูบหน้าผากของเขา
………………………………………………………………..