ตอนที่ 389 ข้าต้องเสริมสร้างตัวเอง! (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 389 ข้าต้องเสริมสร้างตัวเอง! (1)

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ก่อนที่เขาจะไปถึง ก็ได้ยินเสียงของเขาก่อนแล้ว กงหมิงหัวเราะเสียงลั่น

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วด้วยท่าทีกังวล

ในขณะนั้น หวงหลงเจินเหรินและจ้าวกงหมิงได้มารวมตัวกันในห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็รีบก้าวออกไปถามถึงสถานการณ์กับจ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินทันที…

ย่อมไม่ใชเรื่องดีหากท่านอาจารย์ลุงจ้าวยังเที่ยวหลอกลวงคนต่อไป

ยิ่งกว่านั้น พี่กงหมิงยังทุ่มสุดตัวเพื่อหลอกลวงพวกสำนักบำเพ็ญประจิม

สำนักบำเพ็ญประจิมได้แอบขุดรากฐานของสำนักบำเพ็ญเต๋าและก่อกวนโชคชะตาของสำนักบำเพ็ญเต๋า จึงสมควรแล้วที่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในฝ่ายของพวกเขา จะแอบจัดการพวกสำนักบำเพ็ญประจิมลับๆ ซึ่งพวกสำนักบำเพ็ญประจิมไม่กล้าประโคม เรื่องนี้ ให้เป็นปัญหาใหญ่ ทว่าบัดนี้ เหยื่อของอาจารย์ลุงจ้าวได้เปลี่ยนเป็นรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน…

หากหรานเติ้งไม่เปิดเผยว่าเขาได้ละทิ้งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน หรือหากจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน อวี้ชิง หยวนสือเทียนจุน ไม่เริ่มเอ่ยปาก ถอดหรานเติ้งออกจากตำแหน่งรองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน หรานเติ้งก็ยังคงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความสำคัญมากในสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน

และจ้าวกงหมิงก็ไม่อาจไปหลอกเขาได้

ดังนั้น เมื่อหลี่ฉางโซ่วรู้ว่า จ้าวกงหมิงไป “ลอบโจมตี” “บังเอิญพุ่งเข้าไปหาเขา” และ “ออกไปทักทายเขา” เขาก็รีบให้หวงหลงเจินเหรินไล่ตามเขาพร้อมกับนำความคิดเห็นของเขาไป

โชคดีที่ในเวลานี้ จ้าวกงหมิงดูมีสีหน้าท่าทีที่ผ่อนคลายในขณะที่หวงหลงเจินเหรินดูมีท่าทีอึดอัดเล็กน้อย สิ่งต่างๆ ก็ไม่น่าเกินกว่าจะควบคุมได้…

หลี่ฉางโซ่วถามอย่างระมัดระวัง จ้าวกงหมิงก็เล่าถึงรายละเอียดการหลอกลวงของเขาให้หลี่ฉางโซ่ว

จ้าวกงหมิงเป็นปรมาจารย์เฒ่าจอมหลอกลวง เขาคุ้นเคยกับงานนี้มาก!

ก่อนที่หวงหลงเจินเหริน จะรีบพุ่งไป จ้าวกงหมิงก็มีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันเช่นก่อน เขานอน หลอกลวง และขอจัดการส่วนตัว…

สิ่งเดียวที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วประหลาดใจก็คือ จ้าวกงหมิงสามารถกำราบนักพรตเต๋าหรานเติ้งได้ด้วยไข่มุกเทพทะเลยี่สิบสี่เม็ดของเขา นักพรตเต๋าหรานเติ้งก็ย่อมเสียเปรียบอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่เขาจะทันได้เริ่มต่อสู้ด้วยซ้ำ

และนั่นคือเหตุผลที่อาจารย์ลุงจ้าวกล้าหลอกลวง

อาจารย์ลุงจ้าวเต็มไปด้วยความชื่นชมในเรื่องนี้ เขามุ่งมั่นที่จะได้รับสมบัติวิญญาณที่ทรงพลังโดยเร็วที่สุดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา

ก่อนที่ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะกลายเป็นเซียนจิน เต๋าอันยิ่งใหญ่คือแก่นแท้ของเขา และทั้งสวรรค์ยันปฐพีก็ขานรับเขา!

หากเขามีเครื่องมือเวทไม่พอ เขาก็ใช้ค่ายกลมาชดเชยได้ เขาสามารถใช้ยันต์ กฎห้าม และโอสถพิษมึนเมาเพื่อทำลายศัตรูและกระจายขี้เถ้าของพวกเขาได้ เพลิงสมาธิแท้ก็แผดเผาสิ่งมีชีวิตได้ทั้งหมด และเวทสายฟ้าก็ทำลายวิญญาณชั่วร้ายได้

ตามหลักการแล้ว จำนวนความคิดริเริ่มที่จะได้รับจากการเผชิญหน้ากับศัตรูนั้นขึ้นอยู่กับว่าหลบหนีได้เร็วเพียงใด ส่วนสมบัติวิญญาณและเครื่องมือเวท ล้วนแล้วแต่เป็นรอง!

มันไร้เหตุผลสำหรับเขาที่จะไปเสี่ยงและรับเอาสมบัติมาเพื่อปกป้องตัวเอง!

หลังจากที่ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินกลายเป็นเซียนจินแล้ว ขอบเขตเต๋าของเขาก็ก้าวหน้าช้าลงเรื่อยๆ

เขาจึงต้องการวัตถุภายนอกเพื่อมาเสริมสร้างให้ตัวเอง!

แค่กๆ มาคุยเรื่องจริงจังดีกว่า

หลังจากที่จ้าวกงหมิงปิดกั้นจักรวาลไว้ เขาก็ลงนอนอยู่ข้างหน้าหรานเติ้ง และร้องยืนกรานที่จะไปยังวังปี้โหยวเพื่อถามหาเหตุผล

นักพรตเต๋าหรานเติ้งขมวดคิ้วและคิดทันทีว่าสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมีแผนการใดกัน…

ตามที่จ้าวกงหมิงเล่ามา หรานเติ้งขมวดคิ้วอยู่นานกว่าหนึ่งก้านธูป เห็นได้ชัดว่า เขาก็ได้จินตนาการถึง ‘ทฤษฎีสมคบคิด’ และ ‘แผนการแห่งโลกบรรพกาล’ ในใจเอาไว้แล้ว

โชคดีที่ได้อาศัยประโยชน์จากช่วงเวลาว่างนี้ หวงหลงเจินเหริน จึงได้ไปถึงทันเวลา

หวงหลงเจินเหรินทำตามที่หลี่ฉางโซ่วแนะนำ แล้วแอบส่งข้อความเสียงไปถามจ้าวกงหมิง

“ศิษย์พี่กงหมิง ท่านใช้วิธีนี้เพื่อจัดการกับรองเจ้าสำนักหรานเติ้ง แล้วท่านต้องการสมบัติอะไร? หรือพลังเวทใดของเขาหรือขอรับ? ”

จ้าวกงหมิงส่ายศีรษะและตอบกลับผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ข้าไม่พอใจที่เขาวางท่ายโสและเข้าข้างคนนอก ข้าแค่อยากสร้างปัญหาให้เขา ไม่ได้ต้องการสิ่งใดจากเขา”

ในขณะนั้น หวงหลงเจินเหรินรีบชี้แจงว่าเขาทรงพลังน่าทึ่งเพียงใดในทันที แล้วหยิบคู่มือการดำเนินการที่หลี่ฉางโซ่วฝากมามอบให้เขา…ไม่นาน จ้าวกงหมิงก็เม้มปากและถอนหายใจในใจ

มันไร้ที่ให้ผู้กล้าได้เผยความสามารถ

จากนั้น จ้าวกงหมิงก็ลุกขึ้นจากเมฆที่เขานอนอยู่พลางคลี่ยิ้มและถามว่าว่า “อาจารย์อาหรานเติ้ง ท่านมีวิธีแก้กระบวนท่าของข้าหรือไม่”

นั่นคือ กลอุบายที่จ้าวกงหมิงเคยใช้มาก่อน เมื่อเขาใช้มัน ก็ได้ผลราบรื่นทีเดียว

หรานเติ้งยิ่งขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทันที หลังจากพบกับจ้าวกงหมิง นี่เป็นครั้งแรกที่เขากล่าวออกมา

“สหายเต๋า…เจ้าหมายความอันใดกัน?”

“อ่า กล่าวตามตรง” จ้าวกงหมิงถอนหายใจและกล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้ากำลังมองหาทางแก้ปัญหาสำหรับเวทนี้ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไปเยี่ยมปรมาจารย์มากมายในสำนักบำเพ็ญประจิมแล้ว แต่ผลสุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดคิดหาทางออกให้ได้ จึงรู้สึกผิดหวังมาก เมื่อได้เห็นท่าน อาจารย์อาหรานเติ้ง ข้าก็รู้ว่าท่านเป็นคนฉลาดและมองการณ์ไกล ทั้งยังได้รับการยกย่องจากเหล่าปรมาจารย์หลายคนในสำนักบำเพ็ญประจิม ข้าจึงอยากใช้เวทนี้เพื่อดูว่าท่านจะช่วยหาวิธีแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ ทว่าอาจารย์อา ดูท่าแล้ว ข้าว่าน่าจะยาก ต้องขออภัยที่ล่วงเกินอาจารย์อาให้ขุ่นเคืองแล้ว เช่นนั้น ข้าขอลา”

จ้าวกงหมิงมีท่าทีเสียใจ จากนั้น เขาก็เก็บเครื่องมือเวท แล้วขี่เมฆไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ในที่สุด นักพรตเต๋าหรานเติ้งก็ตอบกลับ

แม้จะยังสับสนอยู่และไม่รู้ว่า จ้าวกงหมิงกำลังทำอะไร แต่เขาก็ตะโกนขึ้นทันทีว่า “เจ้าช่วยแสดงเวทนั้นอีกครั้งได้หรือไม่? บางทีข้าอาจคิดหาทางให้ได้!”

จ้าวกงหมิงหยุดเมฆกะทันหันแล้วหันกลับมาพร้อมเผยรอยยิ้ม

“อาจารย์อาหรานเติ้ง อย่าฝืนตัวเองเลย ท่านคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ไม่เป็นไรหรอกหากท่านไม่อาจแก้ได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะบรรดาศิษย์มากมายของสำนักบำเพ็ญประจิมก็ยังแก้ไม่ได้เช่นกัน

อาจารย์อา หากท่านอยากเข้าใจแก่นแท้ของเวทนี้ ท่านต้องไปที่ทะเลทักษิณและตามหาน้องชายของข้า เทพแห่งท้องทะเล!

กล่าวตามตรงว่า ความจริงแล้ว เวทนี้มาจากความคิดที่น่าทึ่งของน้องชายข้า มันน่าสนใจมากจริงๆ!”

พูดจบ จ้าวกงหมิงก็ประสานมอคารวะและกล่าวคำอำลาก่อนจะขี่เมฆจากไปด้วยความรู้สึกสบายใจมากขึ้น

นักพรตเต๋าหรานเติ้งไม่เผยขุ่นเคืองใดๆ เขายิ้มและขี่เมฆออกไป ทว่าดวงตาของเขาฉายแววโทสะออกมา

ประโยคสองสามประโยคสุดท้ายนั้น จ้าวกงหมิงได้เสริมขึ้นมาเองล้วนๆ เพื่อจะช่วยสนับสนุนน้องชายของเขาและยังเป็นการเตือนนักพรตเต๋าหรานเติ้งอยู่ลับๆ

น้องชายเทพแห่งท้องทะเลมีความเครือข่ายความสัมพันธ์เชื่อมโยงมากมาย ไม่เพียงแต่ปรมาจารย์จอมปราชญ์สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่ปกป้องเขาเท่านั้น แต่ยังมีสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยปกป้องเขาเช่นกัน!

เขายังข่มขู่นักพรตเต๋าหรานเติ้งอีกด้วย

น้องชายของข้ามีความคิดมากมายที่จะสั่งสอนบทเรียนให้เจ้า!”

กล่าวจบ จ้าวกงหมิงก็เลิกคิ้วให้หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์คนโต ชั้นนอกของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยยิ้มและกล่าวว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ครั้งนี้ข้าจัดการได้สบายมากใช่หรือไม่? หากรองเจ้าสำนักหรานเติ้ง คิดติดต่อเจ้าในอนาคต เจ้าต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง!”

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วพยักหน้าพลางแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณที่พี่ชายทุ่มเทให้อย่างเต็มที่ขอรับ” ทว่าในขณะนั้น ร่างหลักของเขากำลังขีดข่วนผนังในห้องลับแล้ว

แม้ว่าเขาจะไม่อาจเข้ากับนักพรตเต๋าหรานเติ้งได้ดี เพราะเรื่องนั้น แต่ความประทับใจที่เขาทิ้งไว้ให้กับนักพรตเต๋าหรานเติ้ง ก็น่าจะเป็นเพียงเพราะว่าเขาเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่มีไหวพริบเล็กน้อย

ทว่าเมื่ออาจารย์ลุงจ้าวได้ทำ…

ในภายหน้า ย่อมยากที่เขาจะวางแผนจัดการนักพรตเต๋าหรานเติ้งได้จริงๆ

ในวิหารเทพทะเล ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วได้จัดงานเลี้ยงและดื่มสุรากับจ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินสองสามจอก ทั้งแขกและเจ้าภาพต่างก็สำราญใจ

ในวังอวี้ซวี นักพรตเต๋าหรานเติ้งกลับไปยังหอที่เขาฝึกบำเพ็ญ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยค่ายกลขนาดใหญ่ เขาสั่งให้เด็กชายคนนั้นยืนเฝ้าอยู่หน้าหอ เขาไม่รู้ว่านักพรตเต๋าชราทำอะไรอยู่ภายในนั้น…

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วได้สรุปง่าย ๆ และเน้นไปที่การวิเคราะห์บทบาทที่หรานเติ้ง รองเจ้าสำนักจะสามารถทำได้ โดยรวมแล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า

ตามข้อมูลที่เขาได้รับจากจ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินในระหว่างที่กำลังดื่มกันอยู่นั้น เป็นที่ยืนยันแล้วว่า นักพรตเต๋าหรานเติ้งเข้ากันไม่ได้กับกวงเฉิงจื่อ ความเป็นเอกภาพภายในของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานไม่ดีเท่าสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย

ศิษย์คนโปรดของอาจารย์หยวนสือเทียนจุนก็คือ หนานจี่เซียนเวิง และกับกวงเฉิงจื่อ ซึ่งความจริงแล้ว เป็นศิษย์เพียงสองคนของปรมาจารย์จอมปราชญ์ที่สามารถเข้าไปใน ‘ลานสามสหาย’ เพื่อกราบปรมาจารย์จอมปราชญ์ได้ตลอดเวลา

………………………………………………………………..