ตอนที่ 390 ข้าต้องเสริมสร้างตัวเอง! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 390 ข้าต้องเสริมสร้างตัวเอง! (2)

แม้นักพรตเต๋าหรานเติ้งจะเป็นรองเจ้าสำนัก แต่ก็มีเพียงศิษย์บางคนซึ่งใกล้ชิดกับเขาเท่านั้นที่ฟังคำสั่งของเขา คนอื่นๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่นั่นเพื่อติดต่อกับเขาเท่านั้น อำนาจของเขายังด้อยกว่ากวงเฉิงจื่อมาก

ทว่าในนามของหรานเติ้ง เขาก็ยังสามารถออกคำสั่งให้กวงเฉิงจื่อได้ และนั่นก็ทำให้กวงเฉิงจื่อไม่พอใจนัก…

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วไม่ต้องการเริ่มลงมือจัดการกับหรานเติ้งนั้น

เขาพยายามทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดนั้นเพราะต้องการจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหน้าเท่านั้น

นอกเหนือจาก “ความคิดลงมืออย่างกะทันหัน” ของอาจารย์ลุงจ้าวแล้ว เขาก็ยังควบคุมในครั้งนี้ได้

เมื่อพูดถึงการวางแผน หลี่ฉางโซ่วก็ใช้การดึงผมเส้นเดียว ให้ขยับไปทั่วทั้งร่าง[1] เขาได้เตรียมการเหล่านั้นแล้วตั้งแต่ที่ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพมอบหมายงาน ‘สนับสนุนมังกรให้เข้าสู่สวรรค์’

ในวันนี้ เขาทุ่มเทมากเช่นนี้ ก็เพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่วิถีเซียนที่สงบสุขในภายหน้า

มาทำงานให้หนักและใช้พลังเซียนกันเถิด!

หลี่ฉางโซ่วมุ่งมั่น หลังจากส่งจ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินออกไป จิตใจของเขาก็กลับคืนสู่ร่างหลักของเขา

เขามุ่งเน้นไปที่การรวมขอบเขตพลังของเขาและสังเกตสถานการณ์ในสี่คาบสมุทร

ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็จัดทำรายการและจดสมบัติทั้งหมดเท่าที่รู้ คิดได้ และน่าจะหามาได้

“อภิปราย: ทำอย่างไรข้าจึงจะเติมเต็มชีวิตของข้าให้มากขึ้นโดยปราศจากกรรม?”

เมื่อกล่าวถึงสมบัติวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในมือของหลี่ฉางโซ่วคือ ต้นเซียงซือที่วางอยู่อย่างปลอดภัยในคลังเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใต้ดินในเมืองอันสุ่ย มันเป็นสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียน แม้จะมีระดับสูง แต่ก็ใช้ในการต่อสู้ไม่ได้

เขาไม่อาจให้กลุ่มตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปลอบแทงศัตรูที่ทรงพลังเหล่านั้นได้ด้วยกิ่งก้านของต้นเซียงซือในขณะที่กำลังต่อสู้ได้ ต่อให้ได้ผล แต่ต้นเซียงซือก็อาจจะโกร๋นไปเลย หลังจากการต่อสู้ครั้งเดียว…

แม้หลี่ฉางโซ่วจะกลายเป็นเซียนจินแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าวางแผนกับสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนขั้นที่หนึ่ง เพราะตั้งแต่สมัยโบราณมา สมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนล้วนถูกเอาไปเกือบทั้งหมดแล้ว

ในยามนี้ เป้าหมายของเขาคือ สมบัติบุญโฮ่วเทียนและสมบัติวิญญาณบุญโฮ่วเทียน

สมบัติวิญญาณบุญและสมบัติบุญเช่นนี้ ไม่อาจสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ ด้วยบุญเครื่องสักการะ มันต้องเป็นสมบัติที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งสำคัญแห่งสวรรค์และปฐพี ทานทนต่อพลังแห่งเต๋าสวรรค์และได้รับการดูแลหล่อเลี้ยงด้วยบุญจากเต๋าสวรรค์มาเท่านั้น จึงจะเรียกว่า สมบัติบุญโฮ่วเทียน

วิธีที่ศาลสวรรค์หล่อเลี้ยงต้นเซียงซือนั้น ความจริงแล้ว ค่อนข้างสิ้นเปลือง

อย่างไรเสีย คนของศาลสวรรค์ก็คือโฆษกของเต๋าสวรรค์ การมีองค์เง็กเซียนนั้น เทียบเท่ากับการมีเหมืองแร่บุญที่บ้าน ซึ่งเขาลอกเลียนแบบไม่ได้…

หลี่ฉางโซ่วคาดการณ์อย่างถี่ถ้วน ตามข่าวลือที่เขาเคยได้ยินมาในชีวิตชาติก่อนและในชีวิตนี้ เขาได้คัดแยกสมบัติโฮ่วเทียนชั้นยอดจำนวนมากออกมา

สมบัติโฮ่วเทียนเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของวิถีมนุษย์ ชิ้นแรกจากชุดสามชิ้นแรกนั้น เป็นของจักรพรรดิเซวียนหยวน คือ ตราประทับคงถง

สมบัตินั้นได้รับการหลอมขึ้นมาจากผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน มันเป็นเครื่องมือของจักรพรรดิมนุษย์ ว่ากันว่า พลังของมันไม่ได้ด้อยกว่าสมบัติเครื่องมือเวทที่เป็นเอกลักษณ์ของกวงเฉิงจื่อ นั่นคือตราประทับสวรรค์

ทว่าจุดประสงค์หลักของตราประทับคงถงคือ ระงับโชคชะตาของเผ่ามนุษย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรรมมากเกินไป

หลี่ฉางโซ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนำสมบัติทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกรรมอย่างมากออกไป ตัวอย่างเช่น กระถางทั้งเก้าแห่งต้าอวี่ ขวานแยกภูเขา หม้อหลอมหมื่นวิญญาณเสินหนง แผ่นฝูซีปากว้า สว่านเจาะไม้ซุยเหริน… และอื่นๆ

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ขีดฆ่าสมบัติอีกชุดหนึ่งในรายการที่มีเจ้าของอย่างชัดเจน

ตัวอย่างเช่น ไข่มุกแยกสวรรค์ ไข่มุกสะบั้นปฐพี ไข่มุกสมบัติฮุ่นหยวน ไข่มุกผนึกเนตร ไข่มุกตะวันจันทรา ไข่มุกมังกรไฟ ธวัชกลืนวิญญาณ …ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมบัติวิญญาณของผู้อื่นแล้ว หลังจากวุ่นวายอยู่สองสามชั่วยาม ในที่สุด หลี่ฉางซ่วก็นำสมบัติทั้งหมดออกจากรายการและนั่งนิ่งเฉยอยู่ที่นั่น

“ข้าต้องการสมบัติสักสองสามชิ้น ข้าต้องทำให้คนอื่นลำบากจริงๆ”

“ข้าต้องการสมบัติสักสองสามชิ้น มันยากจริงๆ ที่จะสร้างความแข็งแกร่ง”

หลี่ฉางโซ่วคิดหนักและหยิบพู่กันขึ้นมาเพื่อเขียนสมบัติชุดใหม่ต่อไป เขาชอบพวกมันมากกว่า และไม่ยากนักที่จะได้มันมา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ว่าติดต่อกับเจ้าของได้ไม่ยาก

ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็เขียนชื่อสมบัติสองสามชิ้น หลังจากใคร่ครวญและคาดะเนอยู่นาน เขาก็ขีดฆ่าสมบัติเหล่านั้นออกไป มันมีกรรมเกี่ยวข้องที่ใหญ่หลวง ทั้งยังมีความเสี่ยงไม่น้อย

“เฮ้อ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง”

หลี่ฉางโซ่วกวาดแขนเสื้อ และไม่ทำเรื่องนี้ต่อไป หลังจากตัดสินใจที่จะเสถียรขอบเขตพลังแล้ว เขาจึงเริ่มแผน ‘แลกโอสถเป็นสมบัติ’

จะมีโอกาสใดมาหาเขาเองเล่า? ทั้งหมดล้วนต้องมาจากแผนการของเขาเอง!

บัดนี้ การหลอมโอสถที่เหล่าจื้อถ่ายทอดมาให้ ได้กลายเป็นที่พึ่งพาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาแล้ว หากหลังจากนี้ เขาสามารถกลั่นสกัดโอสถวิญญาณที่สูงกว่าระดับหกได้ เขาย่อมจะไร้กังวลว่าจะไม่มีสมบัติใดๆ

หากมีเงินจะปลุกผีขึ้นมาโม่แป้งให้ก็ได้…

หือ?

เงิน?

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ด้วยแรงบันดาลใจที่สว่างวาบขึ้นมาในใจ จากนั้น เขาก็หยิบผ้าอีกชิ้นหนึ่ง หยิบผ้าผืนหนึ่งออกมาก่อนจะก้มศีรษะลงเขียนและวาด

หลี่ฉางโซ่วมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า แล้วแขวนผ้าไว้บนผนัง

มันเป็นเหรียญทองแดงคู่หนึ่ง พวกมันมีปีกเล็กๆ และมีข้อความหนาแน่นเขียนอยู่ข้างๆ

สมบัติเหรียญทองแดง!

มันเป็นสมบัติชั่วร้ายในชีวิตของอาจารย์ลุงจ้าว!

เวลานี้ เป็นไปได้มากที่เขาจะเตร่ไปที่ใดสักแห่งและไม่ปรากฏตัวออกมา!

แต่เป็นที่ชัดว่า ในขณะนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาของชิ้นนั้นมาได้ เขาต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อให้ไปจัดการและร่างหลักของเขาจะได้นั่งอยู่บนเขาไท่ซาน[2]อย่างมั่นคงและหลีกเลี่ยงการเสี่ยงอันตราย!

เขาไม่กล้ากล่าวว่าจะทำให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มีความแข็งแกร่งระดับเซียนจินได้ แต่อย่างน้อยที่สุด เขาก็สามารถควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้ทำร้ายเซียนจินธรรมดาจนบาดเจ็บสาหัสจากระยะไกลได้!

“ใช่แล้ว มาเริ่มปรับปรุงพลังเวทล่วงหน้าก่อนดีกว่า”

หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วก้มศีรษะลงเพื่อหยิบกระดาษต้นไม้วิญญาณออกมากองหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มเขียนและวาด เขาสลักกฎห้ามและใช้พลังเวทของเขา

สองสามวันต่อมา… มีความผันผวนของพลังวิญญาณที่รุนแรงปรากฏขึ้นบนยอดเขาหยกน้อย ทว่า มันมาแล้วก็ไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นมัน

ไม่กี่อึดใจต่อมา ห่างออกไปแปดร้อยลี้ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสำนักตู้เซียน จู่ๆ ก็มีเมฆรูปเห็ดลอยขึ้นมา จากนั้น พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็กลายเป็นคลื่นกระแทกที่แผ่ขยายออกไปไกลจนสั่นสะเทือนค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขา

ทันใดนั้น เซียนจินทั้งสามของสำนักตู้เซียนก็ตื่นตระหนก แล้วรีบนำผู้อาวุโสสองสามคนมาตรวจสอบทันที

ที่ใจกลางของการระเบิดนั้น ภูเขาแห้งแล้งลูกหนึ่งได้หายไปเหลือไว้แต่หลุมมหึมาซึ่งมีน้ำพุวิญญาณอยู่ที่ก้นหลุม และเส้นชีพจรปฐพีก็ถูกทำลาย

ในเวลาเดียวกันนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์บางตัวก็บังเอิญระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วศิษย์เซียนหยวนผู้หนึ่งของสำนักตู้เซียน ก็ได้แอบกลับไปยังบริเวณใกล้เคียงของสำนัก แล้วไปนั่งทำสมาธิอยู่ในป่าทึบ

โอ้ สวรรค์…

ยอดเขาหยกน้อยเกือบจะถูกทำลาย!

ความจริงแล้ว การดัดแปลงพลังเวทก็มีขีดจำกัดเช่นกันและปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ก็ไม่อนุญาตให้เขาสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่เป็นกึ่งเซียนจิน ตามหลักการแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จะระเบิด

“ช่างเถิด ผลการทดลองนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ อย่างไรเสีย ในเมื่อออกมาแล้ว เช่นนั้นก็ลองดูอีกสักสองสามครั้ง”

ดังนั้น ในอีกสองเดือนต่อมา ก็เกิดการระเบิดวิญญาณมากกว่ายี่สิบครั้งภายในรัศมีหลายพันลี้จากสำนักตู้เซียน ทุกครั้ง มันจะเกิดขึ้นในยามราตรีที่เงียบสงัด ซึ่งก่อให้เกิดความโกลาหลอย่างมหาศาลโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

บัดนั้น จำนวนผู้คนที่กำลังมองหาอาจารย์ลุงจิ่วอูเพื่อขอซื้อโอสถปรารถนาก็พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างกะทันหัน!

ภายหลังจากนั้น เป็นเพราะเกิดเรื่องเล็กน้อยที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับการระเบิด เซียนจินผู้หนึ่งซึ่งกระตือรือร้นที่จะเสริมสร้างตัวเอง ก็หยุดงานค้นคว้าวิจัยในเรื่องพลังเวทของเขา

ในเวลานั้น เจียงหลินเอ๋อร์และปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็เรียกฉีหยวนและศิษย์ของเขามา ก่อนจะรวมตัวกันแล้วมุ่งหน้าไปยังดินแดนเทวะทักษิณเพื่อรับศิษย์

………………………………………………………………..

[1] การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่กระตุ้นไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมากหรือทั้งหมด ทั้งระบบในอนาคต

[2] เปรียบถึงผู้ที่มั่นคงมาก ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดง่ายๆ