ตอนที่ 391 ท่านอาจารย์ ดูนี่สิขอรับ…(1)
พวกเราทุกคนเข้าใจเหตุผล ทว่า…
พวกเราเพียงแค่ไปรับร่างกลับชาติมาเกิดของอาจารย์ป้ากลับมาที่สำนัก แล้วเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?
โดยผิวเผินแล้ว มีทั้งหนึ่งเซียนจิน สามเซียนเทียน หนึ่งเซียนเสิ่น หนึ่งเซียนหยวน หนึ่งเซียนจั๋ว และหนึ่งศิษย์ระดับคืนกลับอนัตตา
พวกเขาคือ หว่างฉิงผู้สูงส่ง เจียงหลินเอ๋อร์ จิ่วอี้อี จิ่วจิ่ว โหย่วฉินเสวียนหย่า หลี่ฉางโซ่ว ฉีหยวนและหลิงเอ๋อร์น้อย
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งถูกเจียงหลินเอ๋อร์เรียกตัวมานั้น คือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่รออยู่บนภูเขา
หากรวมกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วได้นำออกมาเพื่อช่วยปกป้องอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขารวมอยู่ด้วย มันก็มากเกินพอที่จะโจมตีสำนักเซียนขนาดเล็กได้…
เรื่องในวันนี้มีกรรมบางอย่างเกิดกับหลี่ฉางโซ่ว ผู้ที่ทำให้เกิดการระเบิดใกล้กับสำนักตู้เซียน
เพราะเขาพยายามลองขีดจำกัดพลังเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ จนส่งผลให้เกิดการระเบิดทางวิญญาณอย่างต่อเนื่อง และเกิดคลื่นกระแทกใส่ค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาทุกๆ สามถึงห้าวัน จนทำให้ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง และเจียงหลินเอ๋อร์ทำสมาธิและเข้าปิดด่านไม่ได้
ครั้นเจียงหลินเอ๋อร์ไม่มีอะไรทำ ดังนั้น นางจึงไปที่ยอดเขาหยกน้อยเพื่อให้คำชี้แนะแก่บรรดาศิษย์และศิษย์หลานของนาง และสร้างชีวิตบันเทิงนอกการฝึกบำเพ็ญร่วมกับโหย่วฉินเสวียนหย่า จิ่วจิ่ว และหลิงเอ๋อร์ และยังคงใช้นิ้วเรียวขัดก้อนหยกที่วิจิตรงดงาม
หลังจากเล่นไพ่นกกระจอกไปสองสามรอบแล้ว จิ่วจิ่วก็ถามขึ้นว่า “อาจารย์หญิง เราจะไปรับคนผู้นั้นกลับมาเมื่อใดกัน?”
เจียงหลินเอ๋อร์กะพริบตาและกล่าวว่า “เลือกวันไปก็สู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ใช่หรือไม่?” จากนั้นนางก็เรียกบรรดาเซียนและนักพรตเต๋าชราบนยอดเขาหยกน้อย เหลือเพียงให้สงหลิงลี่คอยเฝ้าดูแลกรงสัตว์วิญญาณในสำนัก
เวลาเดียวกันนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็เขียนทับแผนการที่นางทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ และขอให้ฉีหยวนเผชิญเรื่องนั้นโดยตรงเพื่อให้เขารูสึกว่ามีส่วนร่วม
ในขณะนั้น มีบรรยากาศที่แตกต่างกันสองแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงบนเมฆขาวทั้งสองก้อนที่มุ่งหน้าไปทางใต้…
บนเมฆสีขาวเบื้องหน้า หว่างฉิงผู้สูงส่งยืนเอามือไพล่ไว้ข้างหลัง ที่ด้านหลังของเขาคือ ฉีหยวนที่มีท่าทางวิตกกังวล และหลี่ฉางโซ่วที่ก้มศีรษะลงครุ่นคิดและแสร้งทำเป็นครุ่นคิดลึกซึ้ง
ในขณะที่บนก้อนเมฆสีขาวขนาดใหญ่ที่ด้านหลัง เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะมากมายไม่หยุด
“เทพธิดามาตรฐาน” จิ่วอี้อีขี่เมฆอยู่ข้างหน้า โดยผิวเผินแล้ว ปรมาจารย์ใหญ่น้อยผู้ดุดัน อาจารย์จิ่วจิ่ว ผู้ขึ้นชื่อในความชั่วร้าย หลันหลิงเอ๋อร์ผู้ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ของนางแข็งแกร่งเพียงใด และโหย่วฉินเสวียนหย่า ผู้เป็นสาวน้ำแข็งสองบุคลิก พวกนางกำลังเล่นไพ่ด้วยกัน แต่ความจริงแล้ว พวกนางกำลังคุยกันถึงเรื่องการเตรียมติดตามผลที่ตามมาอย่างต่อเนื่อง…
หลิงเอ๋อร์ร่ายเวทวายุวัจน์ และส่งข้อความเสียงว่า “มันจะมีผลกับท่านอาจารย์มากเกินไปหรือไม่ หากท่านอาจารย์ไปพบนางโดยตรง?”
“เราทำอะไรในเรื่องนั้นไม่ได้ เจ็บช่วงสั้นๆ ดีกว่าเจ็บยาวนาน มันดีกว่าที่จะจัดการกับความเจ็บปวดให้เร็วที่สุด” จิ่วจิ่วแค่นเสียงกล่าวว่า “เมื่อเรื่องนั้นมาถึงแล้ว เราก็ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด!”
เจียงหลินเอ๋อร์พยักหน้า “ใช่แล้ว! เจ้าพูดถูกตั้งแต่ที่เจ้ามีวัยมากขึ้น!”
โหย่วฉินเสวียนหย่าครุ่นคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งและกล่าวเบา ๆ ว่า “ปรมาจารย์อา ข้าคิดว่า เราควรแจ้งให้อาจารย์อาฉีหยวนรู้ก่อนในขณะที่เรากำลังเดินทางเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้นได้เจ้าค่ะ”
เจียงหลินเอ๋อร์ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหารือกับคนอื่น ๆ ชั่วขณะหนึ่ง แล้วในที่สุด นางก็ตัดสินใจใช้เวทขั้นสูงเพื่อช่วยปลอบฉีหยวน!
นั่นคือ ให้ฉางโซ่วจัดการ
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเอ่ยอันใดไม่ออก
เมื่อได้ยินข้อความเสียงที่ส่งมาจากปรมาจารย์ใหญ่ของเขา หลี่ฉางโซ่วก็หันไปมองอาจารย์อา และศิษย์น้องหญิง ซึ่งต่างก็กำลังชูกำปั้นกวัดแกว่งไปมาเพื่อให้กำลังใจเขา หลี่ฉางโซ่วจึงทำได้เพียงเอามือก่ายหน้าผากขณะครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ให้คำแนะนำแก่เจียงหลินเอ๋อร์ผ่านการส่งข้อความเสียง เจียงหลินเอ๋อร์พยักหน้ารับทันทีและตอบกลับ จากนั้น นางก็แย้มยิ้มให้หว่างฉิงผู้สูงส่งและตะโกนว่า “สามี เข้ามาช่วยแนะนำวิธีการฝึกบำเพ็ญให้ซวนย่าและหลิงเอ๋อร์สักหน่อยเถิด”
หลี่ฉางโซ่วขนลุกขึ้นทั่วแขนกะทันหัน ปรมาจารย์เซียนจินแห่งสำนักตู้เซียน ผู้ซึ่งยืนเอามือไพล่ไว้ข้างหลังและมีท่าทางของปรมาจารย์ ในขณะนั้น ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งที่ได้รับการยกย่อง พลันหันหลังกลับแล้วยิ้มเมื่อได้ยินเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ตบปลายเท้าเบา ๆ แล้วลอยร่างไปทางก้อนเมฆด้านหลังเขา
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งยิ้มและกล่าวว่า “หลิน หลิน ระวังตัวหน่อย พวกเราอยู่ต่อหน้าศิษย์มากมาย อย่าให้พวกเขาล้อเจ้าได้”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงันฉับพลัน
แล้วจู่ๆ ก็มีคบเพลิงที่กำลังลุกโชนด้วยเพลิงสมาธิแท้ปรากฏขึ้นในมือของเขา
จากนั้น ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็บินไปที่เมฆข้างหลังเขา ฉีหยวนโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเมฆที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาอยู่เหนือฉีหยวนและหลี่ฉางโซ่ว เจียงหลินเอ๋อร์ก็ตะโกนอย่างภาคภูมิใจว่า “เร็วเข้า พวกเราจะรอเจ้าอยู่ที่ขอบโลกมนุษย์!”
หลี่ฉางโซ่วคิดว่า นี่คำพูดของเสือและหมาป่า[1]เยี่ยงนั้นมันคืออันใดกัน?
หลังจากที่หว่างฉิงผู้สูงส่งและเจียงหลินเอ๋อร์บินออกไป ในที่สุด ฉีหยวนก็ผ่อนคลายและเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากของเขา
“เฮ้อ” ฉีหยวนถอนหายใจและกล่าวว่า “เพียงท่านอาจารย์กำลังจะไปเที่ยวเล่นที่โลกมนุษย์ ก็ยังสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่เช่นนี้” หลี่ฉางโซ่วหัวเราะในใจ ครึ่งหนึ่งของเหตุผลที่เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เช่นนี้ก็คือท่านเอง ท่านอาจารย์…
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่อาจารย์ผู้ที่พาเขาเข้ามาในสำนักและนำเขาเข้าสู่เต๋า เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างไม่อาจอธิบายได้
ยากยิ่งนักที่สิ่งต่าง ๆ ในโลกจะสมบูรณ์แบบได้ เมื่อฐานเต๋าของอาจารย์ของเขายังมีความเป็นไปได้ที่จะจัดการให้สมบูรณ์แบบได้ ในยามนั้น ระดับฐานพลังและความสามารถของหลี่ฉางโซ่วยังตื้นเขินนัก นอกจากโอสถสลายเซียนแล้ว เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้กลยุทธ์อื่นใดเพื่อช่วยท่านอาจารย์ของเขาให้รอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ได้
มาบัดนี้ เขาได้ฝึกฝนเต๋าอายุยืน และได้รับเต๋าหลอมโอสถจากเหล่าจื้อแล้ว ทั้งยังได้รับโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนและโอสถวิญญาณเก้าแปรเปลี่ยน
ทว่าอาจารย์ของเขาก็ได้กลายเป็นเซียนจั๋วไปแล้ว…
ครั้งแรกที่ได้พบกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู หลี่ฉางโซ่วได้ถามถึงเรื่องนั้นแล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูได้ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เขาว่า เซียนจั๋วต้องก้าวไปในวิถีของเซียนพิภพ พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ป่วย หรือถูกครอบงำจิตใจและลุ่มหลง ไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเขา และไม่มีทางช่วยพวกเขา
อาจเป็นความโชคดีของอาจารย์
“ท่านอาจารย์ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วชี้ไปที่ก้อนเมฆ ทันใดนั้น ก็มีโต๊ะเตี้ยและเก้าอี้สองตัวปรากฏขึ้น แน่นอนว่า เขาไม่รู้ถึงพลังเวทที่สร้างเมฆเพื่อสร้างสิ่งต่างๆ เขาเพียงแค่เอาสิ่งของออกมาจากคลังเวทจัดเก็บเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วหยิบไหสุราออกมาอีกไหแล้วยิ้ม “เอาสักหน่อยขอรับ?”
“เฮ้” ฉีหยวนขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ปรมาจารย์ใหญ่ของเจ้าอยู่ข้างหน้านี้ แล้วเจ้าจะดื่มไปไย!?!”
“ท่านอาจารย์” หลี่ฉางโซ่วมีสีหน้าท่าทีเศร้าสร้อย แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ยามนี้ ศิษย์หดหู่ใจนัก ไม่รู้จะเล่าความกลัดกลุ้มนี้ให้ผู้ใดได้…”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนกล่าวอย่างจริงจังว่า “การฝึกบำเพ็ญเป็นสิ่งต้องห้ามมากที่สุดเมื่อใจไม่กระจ่าง มา นั่งลง ข้าดื่มสุรากับเจ้า เพียงเจ้าเล่าความคับข้องใจของเจ้าให้อาจารย์ฟัง ไม่ต้องห่วง ข้าจะเก็บเป็นความลับให้เจ้าอย่างแน่นอน ข้าจะไม่เผยกับผู้ใด”
บนเมฆข้างหน้า มีบรรดาหูเล็กๆ ตั้งชันขึ้นทันที
ฉีหยวนยังใช้พลังเซียนที่ขุ่นเล็กน้อยเพื่อสร้างข่ายอาคมพลังเซียนรอบตัวเขา แล้วดึงศิษย์คนโตของเขามานั่งอย่างจริงจัง จากนั้น หลี่ฉางโซ่วและอาจารย์ของเขาก็นั่งลงดื่มสุรา ในตอนแรกเขาได้สร้างความคิดเชิงลบในการการฝึกบำเพ็ญ แล้วค่อยๆ นำไปสู่เหตุการณ์ในอดีต…
เมื่อเจ้านายของเขาเมามายเล็กน้อยและถูกกระตุ้นอารมณ์ของเขา หลี่ฉางโซ่วก็ส่งเสียงกล่าวผ่านข้อความเสียงออกมา
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ได้สังหารนักพรตเต๋าไขว่ซือจนตายไปในค่ายกลสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์แล้วขอรับ”
ฉีหยวนผงะงันไปครู่หนึ่ง ครั้นเมื่อได้สติ เขาก็มือสั่นพลางจ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว “เจ้า ฉางโซ่ว เจ้าพูดจาเหลวไหลบ้าบออันใด!?! อย่าพล่ามเรื่องไร้สาระได้! เจ้า… ทำจริงๆ หรือ?”
“ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วมีสีหน้าเคร่งขรึมในขณะที่ยังคงส่งข้อความเสียงต่อไปว่า
“ศิษย์ได้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนแล้ว บัดนี้ ความแข็งแกร่งของศิษย์ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนเสิ่น ก่อนการแข่งขันภายในสำนัก ศิษย์ได้ใช้เทคนิคจำลองกระดาษเพื่อติดตามนักพรตเต๋าไขว่ซือไปยังชายแดนของดินแดนเทวะอุดร และใช้วิธีบางอย่างสังหารเขาในภูเขารกร้าง วิญญาณของเขาถูกทำลาย ไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้เบื้องหลัง ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเป็นศิษย์ขอรับ!”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนเบาเสียงลงและส่งข้อความเสียงออกไปว่า “แต่กระดาษย่อมไม่อาจห่อไฟได้[2] เจ้าได้ทำไปแล้ว เหตุใดจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นเจ้า? เรื่องนี้…ให้ข้ารับโทษแทนเจ้าเอง! จำไว้ว่าเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของไขว่ซือ ข้าทำเอง!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
“ท่านอาจารย์ นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักขอรับ หากมีผู้ใดถามถึงเรื่องของนักพรตเต๋าไขว่ซือ ศิษย์ก็มีทางจัดการ ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วงขอรับ”
“จริงหรือ?”
………………………………………………………………..
[1] เป็นแสลง ในทำนองคู่รัก สามีภรรยาที่คุยกันถึงเรื่องรอถึงกิจกรรมยามราตรี
[2] ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจปิดบังได้