ตอนที่ 392 ท่านอาจารย์ ดูนี่สิขอรับ…(2)
“จริงๆ ขอรับ! ศิษย์ย่อมไม่ล้อเล่นกับชีวิตของพวกเราทั้งสามคนขอรับ”
ฉีหยวนกล่าวอย่างกังวลว่า “ข้ามันไร้ประโยชน์แล้ว เจ้าและหลิงเอ๋อร์ไม่อาจทำอะไรผิดพลาดได้… แล้วเหตุใดเจ้าถึงสับสนเช่นนี้? มันเกิดอันใดขึ้นกับความขี้ขลาดเป็นนิจของเจ้า?”
“ข้ากำลังมั่นคง ใช่ มั่นคง…” “ท่านอาจารย์” หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอให้โล่งลำคอแล้วเรียบเรียงคำพูดของเขาก่อนจะพึมพำกับตัวเองเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรต่อไป
เขามีไหวพริบและหลอกลวงเหล่าปรมาจารย์เต๋าผู้ทรงพลังได้ เขายังเอ่ยคำหวานกับวิญญาณโบราณได้
ทว่าในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วอับจนหนทางจริงๆ
เขากลัวว่าท่านอาจารย์จะไม่สบายใจ และยังกลัวว่าหัวใจเต๋าของอาจารย์จะสั่นคลอน ดังนั้น เขาจึงปล่อยเรอออกมา…
อุ่นเครื่องหัวใจอาจารย์ก่อน?
ช่างมันเถิด ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว!
ไม่เช่นนั้น เขาจะผนึกฐานพลังของอาจารย์ในภายหลัง รอจนท่านอาจารย์สงบใจลงได้ก่อน แล้วจึงค่อยๆ ปลดผนึกออก
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบกระจกทองสัมฤทธิ์ออกมาจากแขนเสื้อ
แม้จะยังไม่ได้ฝึกฝนวิชาคันฉ่องเมฆา แต่เขาก็ใช้เวทตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้ สิ่งที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้เห็นก็คือสิ่งที่เขาเห็น จึงย่อมไม่ยากที่จะฉายสิ่งที่เขาเห็นบนกระจกทองสัมฤทธิ์นี้
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่กระจกสักพักก่อนจะมอบมันให้ฉีหยวน
ทันใดนั้น ก็มีเมฆหมอกปรากฏขึ้นในกระจก แล้วตามด้วยฉากพร่ามัวที่ดูน่าพิศวงนัก
เขาเห็นเด็กสาวคนหนึ่งกำลังเดินผ่านสวนในกระจก นางถือกริชและเดินไปหาร่มเงาของต้นไม้ตรงหัวมุมก่อนจะค่อย ๆ วางท่าทางนุ่มนวลแล้วครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
นางมีใบหน้างดงาม อยู่ในวัยสิบสามหรือสิบสี่ปี นางดูเพรียวบางและสง่างามแล้ว เนื่องจากนางเคยได้รับการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เซียนมาก่อนจึงไม่ได้แปดเปื้อนสิ่งสกปรกใดๆ จากโลกมนุษย์ เป็นผลให้ในขณะนั้น ทั่วทั้งร่างของนางแผ่พลังชีวิตที่สดใสงดงามจากภายในออกมาสู่ภายนอก
จากนั้น สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ได้ยกน้ำชามาให้ เด็กสาวยกจอกชาขึ้นจิบไปสองอึกก่อนจะทำความเข้าใจเพลงกระบี่อย่างระมัดระวังและมุ่งมั่น
ทันทีที่เห็นแวบแรก ฉีหยวนก็สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
ครั้นเมื่อมองไปที่เด็กสาวอีกครั้ง ฉีหยวนก็เบิกตากว้างพลางขมวดคิ้ว แล้วอดจะยืนขึ้นไม่ได้ เขาปรารถนาจะฝังศีรษะของเขาเข้าไว้ในกระจกทองสัมฤทธิ์
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ เราจะไปถึงที่นั่นในอีกไม่กี่ชั่วยาม เราจะได้พบนางโดยตรงและพานางไปอยู่ภายใต้ปีกของสำนักตู้เซียน”
“จริงๆ หรือ?”
นักพรตเต๋าฉีหยวนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตามด้วยน้ำตาหลั่งรินลงมาบนใบหน้า แล้วสับสนไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเข้าใจขึ้นมาทันที
“ศิษย์ผู้นี้จะกล้าใช้เรื่องนี้มาหลอกท่านได้อย่างไรขอรับ?” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าว
ฉีหยวนถอนหายใจเบา ๆ ขณะถือกระจกทองสัมฤทธิ์ไว้ในมือ เขามองดูมันและสังเกตอย่างระมัดระวัง และดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ ฉายแววแห่ง… ความรักและเมตตาออกมาให้เห็น
และอื่น ๆ อีกมากมาย…
ความรักและเมตตา?
หลี่ฉางโซ่วจริงจังและมีความรับผิดชอบ เพื่อความปลอดภัย เขาจึงเอ่ยถามว่า “ท่านอาจารย์ ท่าน… เข้าใจใช่หรือไม่ขอรับ?”
“เฮ้อ เจ้าทำให้มันชัดเจนแล้ว จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?”
ฉีหยวนถอนหายใจและถือกระจกทองสัมฤทธิ์ไว้ในมือ เขายิ้มอย่างขมขื่นและพึมพำว่า “ศิษย์พี่หญิง ท่านเป็นผู้จัดเตรียมสิ่งนี้ด้วยหรือ…”
หลี่ฉางโซ่วอดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะไม่ได้ มันบ้าอะไรกันนี่?
ฉีหยวนยังคงพึมพำต่อไป “ไม่ต้องห่วง ศิษย์พี่หญิง ข้าจะสั่งสอนนางให้ดีที่สุดเพื่อให้นางได้กลายเป็นเซียนเฉกเช่นฉางโซ่ว ศิษย์พี่หญิง ธิดาของท่านก็คือธิดาของข้า ข้า ฉีหยวน จะปฏิบัติต่อนางประหนึ่งธิดาของข้าอย่างแน่นอน และจะปฏิบัติแบบเดียวกับที่ข้าปฏิบัติกับฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์!”
ในขณะนั้น บนเมฆข้างหน้า เจียงหลินเอ๋อร์และจิ่วจิ่ว ต่างก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์… นี่คือการกลับชาติมาเกิดของอาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่ขอรับ”
ฉีหยวนผงะงัน หลี่ฉางโซ่วรีบบอกเรื่องการตายและการกลับชาติมาเกิดของของว่านเจียงอวี่ให้อาจารย์ของเขารับรู้อย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะนั้น ฉีหยวนทั้งร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมๆ กัน เขาตบตัวเองอีกสองสามครั้งก่อนจะกอดกระจกทองสัมฤทธิ์แล้วร้องไห้…
ปฏิกิริยาเหล่านั้นทั้งหมดล้วนอยู่ในความคาดหวังของหลี่ฉางโซ่ว โชคดีที่เจ้านายของเขาไม่ได้อยากตายแล้วร่ำร้องขอกลับชาติมาเกิด
ในที่สุด เขาก็ผ่านขั้นตอนที่ยากลำบากที่สุดแล้ว
เมฆขาวทั้งสองก้อน ยังคงบินไปยังดินแดนเทวะทักษิณ คราวนี้ ฉีหยวนรู้สึกตื่นเต้นเป็นล้นพ้นจนเห็นได้ชัด เขาวิ่งกลับไปกลับมาบนก้อนเมฆอย่างหยุดไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง
เจียงหลินเอ๋อร์สั่งให้ฉีหยวนทำให้ตัวเองดูอ่อนกว่าวัย
ฉีหยวนตกลง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไร
พวกเขาล้อเล่นและหยอกล้อกัน ด้วยการนำของเซียนจิน ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ไม่นาน ก็มองเห็นดินแดนเทวะทักษิณแล้ว
จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็ใจสั่นไหวขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ในขณะนั้น เจตจำนงวิญญาณของเขาพุ่งสูงขึ้น และเกิดแรงกระตุ้นขึ้นอย่างกะทันหัน ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในวิหารเทพทะเลของเขา
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คราวนี้เขาไม่รีบร้อนที่จะส่งเจตจำนงจิตวิญญาณออกไป
เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งว่ากล่าวนักพรตเต๋าหรานเติ้ง และไล่เขาออกไป สำนักบำเพ็ญประจิมน่าจะตระหนักได้ว่า การใช้ไม้อ่อนกับเขานั้น ไม่ได้ผลและต้องใช้ไม้แข็งจัดการกับเขาขั้นรุนแรง
หลี่ฉางโซ่วได้วางแผนกลยุทธ์ที่เขาจะนำมาใช้กับสำนักบำเพ็ญประจิมแล้ว แต่เขาก็คาดเดาไม่ได้ว่าสำนักบำเพ็ญประจิมจะออกกลอุบายใดหรือจะใช้มาตรการใด เขาทำได้เพียงโต้ตอบตามสถานการณ์นั้นเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์จะขอฝึกบำเพ็ญไปสักพักก่อนแล้วค่อยทำความเข้าใจขอรับ”
เมื่อเจียงหลินเอ๋อร์อนุญาตแล้ว เขาก็ลงนั่งขัดสมาธิทันที
จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็หลับตาลงภายใต้สายตาสงสัยใคร่รู้ของหลิงเอ๋อร์ โหย่วฉินเสวียนหย่าและจิ่วจิ่ว
เมื่อวิญญาณของหลี่ฉางโซ่วไปถึงเมืองอันสุ่ย ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา
ในขณะนั้น หน้าวิหารเทพทะเล มีร่างสิบสองร่างยืนอยู่บนถนน ร่างกายของพวกมันแผ่พุ่งกลิ่นอายลมปราณที่ดุร้ายในขณะที่ถืออาวุธต่าง ๆ เอาไว้ในแขน
ร่างสี่คนแรก แต่ละคนล้วนมีสี่แขนและสวมชุดเกราะสีเลือด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มาล้อเล่น ส่วนอีกแปดร่างที่อยู่ข้างหลังพวกเขา มีสองแขนและสองขา พวกเขาก็ดูไม่ต่างจากมนุษย์
แขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้มีลักษณะที่เห็นได้ชัดเจนบางประการ
ประการแรก พวกเขาทั้งหมดแผ่ไอสังหารออกมา
ประการที่สองบุรุษมีใบหน้าดุร้ายและรูปร่างที่แข็งแกร่ง สตรีก็มีใบหน้างดงามและเรือนร่างสูง โปร่ง แต่ละคนล้วนมีดวงตาที่มีสีต่างกัน
ประการที่สาม ความผันผวนของพลังลมปราณของพวกเขานั้น เทียบเท่า กับเซียนเสิ่นหรือเซียนเทียน แต่มีความแข็งแกร่งไม่เท่ากัน แต่อักขระเต๋าของพวกเขาเหมือนกันทีเดียว ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแบ่งปันเต๋าใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสังหาร
พวกเขาคือ…
อสุรา?
สำนักบำเพ็ญประจิมปราบอสุราที่เหลืออยู่ในทะเลเลือดหรือ? อสุราไม่จำเป็นต้องพูดอะไร พวกมันก็ทำให้มนุษย์หวาดกลัวแล้ว และยังทำให้ขาของพวกเขาอ่อนแรงก่อนจะวิ่งหนีด้วยซ้ำ อีกฝ่ายหนึ่งก็ให้โอกาสพวกมนุษย์ได้หลบหนี เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้เกิดกรรมร้ายจากการเข่นฆ่ามนุษย์
ในขณะที่ทูตเทวะแห่งสำนักเทพทะเลกำลังจะพุ่งออกไป หลี่ฉางโซ่วก็ส่งข้อความเสียงไปบอกให้พวกเขาถอยกลับทันที ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็เรียกผู้พิทักษ์มังกรแท้ที่ขอบทะเลทักษิณให้มาช่วย
ทันใดนั้น คลังเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใต้ดินก็เปิดออก และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็บินออกมาทันที
บัดนั้น ก็มีเสียงคำรามของมังกรดังมาจากชายฝั่งทะเลทักษิณที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้!
ทว่ามีร่างสีโลหิตสองสามร่างปรากฏขึ้นที่ทะเลทักษิณและกระโจนตรงเข้าหาเสียงคำรามของมังกรทันที
ในบรรดาอสุราทั้งสิบสองตนที่หน้าวิหารเทพทะเล หนึ่งในนั้นถือกระบี่สีขาวเงิน ฟาดฟันออกไปข้างหน้า กระบี่เปล่งแสงเรืองโรจน์ออกไปยาวร้อยฉื่อ และทำลายประตูวิหารเทพทะเล ทิ้งร่องลึกเอาไว้บนพื้น
อสุราหญิงอีกคนตะโกนด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “เทพแห่งท้องทะเล จงออกมารับความตายเดี๋ยวนี้”
“เหอะ!”
เขาได้ยินเสียงเยาะหยันเย็นชา แล้วร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องโถงหลักของวิหารเทพทะเล เขามีเส้นผมขาวสนิท รูปร่างบาง ใบหน้าที่มีดูสุภาพอ่อนโยนของเขา บัดนี้เต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาก็คือ เป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนของหลี่ฉางโซ่ว
เมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก้าวออกมาจากห้องโถงด้านหน้า ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกหลายสิบตัวก็อยู่ในตำแหน่งใต้ดินแล้ว และครึ่งหนึ่งก็เตรียมค่ายกลขนาดเล็กในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งก็เตรียมผงพิษและยาพิษ
หลังจากเข้าสู่เซียนจินแล้ว หลี่ฉางโซวก็มีความแข็งแกร่งขึ้นมาก
และเป็นผลให้เขาสามารถควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน…อีกหลายเท่าตัว…
………………………………………………………………..