บทที่ 545 อีกทางหนึ่ง
บทที่ 545 อีกทางหนึ่ง
ซูอันตกตะลึง “ห๊ะ? ทำไมเจ้าถึงให้สิ่งนี้กับข้า?”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงขึ้นไปอีก “ข้ากำลังจะเดินทางไกล ดังนั้นจึงไม่สมควรที่ใครจะเห็นว่าข้าอ่านหนังสือเล่มนี้ ฝากให้เจ้าเก็บไว้ดี ๆ”
ซูอันตกตะลึงอย่างเต็มที่
“คงไม่มีใครแตะต้องมันหรอก ต่อให้เจ้าจะทิ้งมันไว้ในห้องของเจ้าก็ตาม!”
ฉู่ชูเหยียนกล่าวว่า “ไม่มีทาง ข้าคงจะตายเพราะความอัปยศถ้าใครในครอบครัวของข้าเห็นมัน”
ซูอันหัวเราะ “เพิ่งรู้ว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่กลัวความอับอายขนาดนี้!”
ไม่สิ หนังสือเล่มนี้มันน่าอายจริง ๆ ชีวิตทางสังคมของข้าคงจะป่นปี้เช่นกันถ้าข้าถูกจับได้พร้อมกับหนังสือเล่มนี้
“อะไรก็เถอะ! ตอนนี้เจ้าเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นนี่เป็นความลับระหว่างสามีภรรยา ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้” ฉู่ชูเหยียนซุกศีรษะไว้ในอกของเขา เห็นได้ชัดว่านางเขินอายเป็นอย่างยิ่ง
“ตกลง ข้าจะเก็บมันไว้เพื่อเจ้า” เขาไม่ค่อยเห็นการกระทำของนางในลักษณะที่เป็นเด็กเช่นนี้ ซูอันสูดกลิ่นผมของนาง รู้สึกสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ
“เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ให้ใครเห็นมันและเจ้าจะไม่ทำมันหาย พอกลับมาข้าก็ยังอยากจะอ่านมันต่ออีก!” ดวงตาของฉู่ชูเหยียนมีความคาดหวัง
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “หนังสือแค่เล่มเดียว ยังอ่านไม่จบอีกเหรอ?”
ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว “ข้าไม่มีเวลาที่จะอ่านมากหรอก นอกจากนี้ ข้ายังชอบอ่านมันอย่างช้า ๆ เพื่อเสพความสุขได้อย่างเต็มที่”
“ก็ได้ ก็ได้” ซูอันยิ้ม “ข้าจะทำเพื่อเจ้า แต่เจ้าต้องทำบางอย่างเพื่อข้าด้วย”
“อะไรเหรอ?” ฉู่ชูเหยียนถามด้วยความสงสัย
ซูอันยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาขยับเข้ามาใกล้หูของนางและกระซิบอะไรบางอย่างอย่างเบา ๆ
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงขึ้นทันที “ไม่มีทาง!”
“งั้นข้าก็ไม่ทำเหมือนกัน” ซูอันเบะปาก
“เจ้า…” ฉู่ชูเหยียนอยากจะกัดเขา
ซูอันพานางไปที่เตียง ถอดเสื้อผ้าของนางออกทันทีแล้วดึงผ้าห่มมาปิด
อารมณ์ของทั้งคู่เต็มไปด้วยความเสน่หาเพราะว่าทั้งสองกำลังจะห่างกันชั่วขณะหนึ่ง ฉู่ชูเหยียนโอบกอดชายของนางและต้อนรับเขาอย่างอ่อนโยนที่สุด
…
หลังจากนั้นไม่นาน ซูอันก็กระซิบคำขอของเขาที่หูของนางอีกครั้ง
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาในครั้งนี้ นางมองเขาอย่างเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความโศกเศร้าผสมกัน
ความงดงามนี้ก็นับว่าเพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนคลั่งไคล้ แล้วคนอย่างซูอันจะอดกลั้นต่อไปได้อย่างไร? เขากระโจนเข้าหานางพร้อมกับคำรามราวกับเสือตัวหนึ่ง
…
ก่อนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น ฉู่ชูเหยียนก็พร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
นางออกไปทางประตูเล็ก ๆ ที่อยู่หลังคฤหาสน์โดยไม่มีการเลี้ยงส่งอย่างยิ่งใหญ่ พวกเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องนี้
ฉินหว่านหรูและฉู่ฮวนเจาออกมาส่งอย่างกังวลใจ
“พี่ใหญ่ ทำไมวันนี้ผิวท่านถึงดูดีจัง” ฉู่ฮวนเจาพูดขึ้นทันที น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงก่ำเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “บางที…เมื่อคืนข้าอาจจะหลับสบายก็ได้”
ฉู่ฮวนเจาต้องการซักถามต่อ แต่ฉินหว่านหรูหยุดนางเอาไว้
นางมองดูซูอันอย่างเงียบ ๆ สีหน้าของลูกเขยคนนี้ก็ดูไม่ค่อยดีเช่นกัน
ใบหน้าของซูอันมืดหม่นลง คำพูดของฮวนเจาทำให้ฉู่ชูเหยียนอับอายเกินกว่าจะโบกมือลาเขา
ขณะที่เขาดูร่างที่งดงามของฉู่ชูเหยียนค่อย ๆ หายไปในระยะไกล ซูอันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสูญเสีย
ในเช้านี้ ฉินหว่านหรูดูผอมและซีดเซียว เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้นางรู้สึกอ่อนล้าทางร่างกายและจิตใจอย่างมาก นางใช้เวลาทั้งคืนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกสาวคนโต และการต้องออกมาส่งในเช้าวันนี้มันทำให้นางมาถึงขีดจำกัดแล้ว “อาซู ช่วยพาฮวนเจาไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างด้วยนะ” นางเอ่ยบอก
เนื่องจากตระกูลฉู่เผชิญปัญหาใหญ่อย่างต่อเนื่อง สถาบันจันทร์กระจ่างจึงกลายเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัยมากกว่า
ท้ายที่สุด สถาบันจันทร์กระจ่างมีสถานะพิเศษต่อราชสำนัก ไม่มีฝ่ายใดเลือกที่จะสร้างปัญหาในสถาบันจันทร์กระจ่าง
และอีกอย่าง บรรดาอาจารย์ของสถาบันก็มีการบ่มเพาะในระดับสูง ขั้วอำนาจอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่กล้ายั่วยุหรือก่อกวนพวกเขา
ฉินหว่านหรูหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีที่พักอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่าง”
“ใช่” ซูอันพยักหน้า เขาไม่รู้ว่าทำไมนางถึงถามคำถามนี้กับเขา
ฉินหว่านหรูกล่าวว่า “ฮวนเจาควรจะพักอาศัยอยู่ที่นั่น เจ้าสองคนควรอยู่ที่นั่นจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ”
“อะไรนะ!?” ฉู่ฮวนเจาร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก หัวใจของนางเริ่มเต้นแรง นางแอบดูซูอัน จากนั้นรีบเบือนสายตาออกไป
ซูอันขมวดคิ้ว มีบางอย่างผิดปกติอย่างชัดเจน “ทำไมท่านแม่ยายถึงแนะนำอย่างนี้?”
“มันไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก แค่ก่อนหน้านี้เปลือกตาของข้ากระตุกถี่เกินไป จนข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล” ฉินหว่านหรูถูขมับของนาง “ตระกูลฉู่อาจจะกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่อีกระลอก ซึ่งข้าเกรงว่าข้าจะปกป้องเจ้าทั้งสองคนไม่ทันหากเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นข้าจึงต้องการให้เจ้าและฮวนเจา ไปพักพิงในสถาบันจันทร์กระจ่างก่อน อย่างน้อยที่สุด เจ้าทั้งสองจะได้ปลอดภัย”
“แต่…” จู่ ๆ ฉินหว่านหรูก็เปลี่ยนหัวข้อ พลางจ้องไปที่หัวของซูอันราวกับพยายามจะมองให้ทะลุ “อาซู เจ้าห้าม…รังแกฮวนเจาเด็ดขาด!”
“ข้าดูเหมือนคนแบบนั้นหรือไง?” ซูอันขนลุกทันทีเมื่อเขารู้สึกว่าศีลธรรมของตัวเองกำลังถูกตั้งคำถาม “อันที่จริง ก่อนหน้านี้ข้าสัญญากับชูเหยียนเอาไว้แล้วว่าข้าจะปกป้องพวกท่าน ดังนั้นข้าคงซ่อนตัวอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่างไม่ได้หรอก”
“เจ้าเนี่ยนะจะปกป้องข้า?” ฉินหว่านหรูเย้ยหยัน แม้ว่านางจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ แต่นัยยะของนางก็ชัดเจน
ซูอันไม่ได้สนใจที่จะปกป้องตัวเอง เขาไม่ได้รู้สึกอยากอวดตัวเองดังนั้นเขาจึงตัดสินใจปล่อยให้นางคิดในสิ่งที่นางต้องการ
ฉู่ฮวนเจาที่ตั้งสติได้รีบบอก “ท่านแม่ ข้าไม่อยากอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่าง ข้าอยากอยู่กับท่านที่นี่!”
แม้ว่าการอาศัยอยู่กับพี่เขยในบ้านพักอาจารย์จะน่าดึงดูดใจ แต่ท่านแม่ก็มีความสำคัญต่อนางเช่นกัน
“ก็ได้ ๆ เจ้าสองคนสามารถเลือกที่ที่เจ้าคิดว่าเหมาะที่สุดที่จะอยู่ได้ ข้าจะส่งทหารคุ้มกันไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างกับพวกเจ้า” ฉินหว่านหรูให้คำแนะนำบางอย่างต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นนางก็กลับเข้าไปด้านใน
ซูอันและฉู่ฮวนเจาจึงไปสถาบันจันทร์กระจ่างด้วยกัน
“พี่เขย ท่านคิดว่าพี่ใหญ่จะประสบความสำเร็จในครั้งนี้ไหม?”
“ไม่ต้องกังวล นางจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
“พี่เขย ท่านคิดว่าตระกูลฉู่จะรอดหรือไม่?”
“ต้องรอดสิ”
“พี่เขยจะอยู่กับพวกเราตลอดไปไหม?”
“แน่นอน”
…
ทหารคุ้มกันที่เดินอยู่ข้างหลังพวกเขาทุกคนต่างถอนหายใจ คุณหนูรองเริ่มผูกพันกับนายน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ
เฉิงโซวผิงยกเดิมพันของพวกเขาอีกครั้งอย่างอวดดี เขาเรียกร้องให้ทุกคนจ่ายเงิน “ฮูหยินได้อนุญาตให้คุณหนูรองอยู่กับนายน้อยที่สถาบันจันทร์กระจ่างแล้ว! นี่ยังไม่พออีกเหรอ?”
“นั่นไม่ได้มีความหมายอะไร! ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังมีปัญหา มันเป็นเรื่องเหมาะควรแล้วที่คุณหนูรองจะอาศัยอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่างชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของนางเอง” หนึ่งในผู้คุ้มกัน โจวหลูจวิ้น ตอบโต้
“พวกเจ้านี่มันไม่รู้อะไรบ้างเลย! พวกเจ้าคิดว่าคุณหนูรองจะไปอาศัยอยู่ที่ไหนในสถาบันจันทร์จ่างนอกจากบ้านพักของนายน้อย?” เฉิงโซวผิง หัวเราะคิกคัก “ข้าได้ยินมาว่าบ้านพักของสถาบันมีความเป็นส่วนตัวสูง เมื่อประตูบ้านพักถูกปิด หากไม่ใช่เจ้าของบ้าน ก็จะไม่มีใครสามารถเข้ามาจากด้านนอกได้อีก ทั้งสองคนจะอยู่เพียงลำพัง…”
เฟิงต้าหนิวรู้สึกลำบากใจ “เจ้าอาจจะพูดถูกจริง ๆ”
เจียวซานเหอตบหลังเขา “ถูกต้องก้นข้าสิ! ถ้ายังไม่ถึงวันแต่งงาน พวกเราจะไม่มีวันยอมรับความพ่ายแพ้เด็ดขาด”
“เฮ้ มันนานเกินไปหรือเปล่า?” เฉิงโซวผิงเริ่มไม่มีความสุข
เจียวซานเหอกัดฟันกรอด “ถ้างั้นแค่หมั้นก็ได้!”
เฉิงโซวผิงถามกลับ “ถ้าข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้วจะเป็นยังไง?” คนอื่น ๆ มองมาที่เขาด้วยท่าทางแปลก ๆ ไอ้เด็กคนนี้มีวาจาภัยจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจที่เขาถูกขับไล่ไปทำงานในครัว!
หลังจากเห็น ฉู่ฮวนเจาก็ไปที่ชั้นเรียน ซูอันก็ไปหาเจิ้งตาน
เขาไม่สนใจที่จะเสียเวลาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฉู่กับสมาชิกอาวุโสของสถาบัน
เขามาครั้งนี้เพราะเขาคิดหาวิธีอื่นที่จะช่วยตระกูลฉู่ให้พ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก
เขาไม่ต้องการให้ฉู่ชูเหยียนแบกรับภาระเพียงลำพัง
ในที่สุดชายหนุ่มก็มาถึงชั้นเรียนนภา มีนักศึกษาไม่กี่คนอยู่ในห้อง แต่ซูอันไม่ได้ใส่ใจพวกนักศึกษาที่กำลังนั่งอยู่ด้านใน เขาเดินไปหาเจิ้งตานและบอกให้นางตามเขาออกไปพูดคุยกับเขา
เจิ้งตานไม่แสดงอาการเคลื่อนไหวใด นางยิ้มและพูดว่า “อาจารย์ซู ข้าเป็นผู้หญิงที่หมั้นแล้ว แต่ท่านชอบมองหาข้าอยู่เสมอ บางครั้งข้าต้องปฏิเสธท่านเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยใช่ไหม?”
ซูอันไม่รู้สึกขบขัน
ผู้หญิงคนนี้ยังคงเล่นละครอยู่อีก?
อู๋ฉิงซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็เยาะเย้ยเขาเช่นกัน “โอ้โห นี่สามีของฉู่ชูเหยียนนี่นา? ทำไมเจ้าถึงวิ่งหาคู่หมั้นของคนอื่นทั้งวัน? เป็นไปได้ไหมที่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ไม่มีสายจูงที่ดี หรือตระกูลฉู่จะไม่ดีพอสำหรับเจ้าอีกต่อไปแล้ว?”