บทที่ 506 มารดาและบุตรสาว

บทที่ 506 มารดาและบุตรสาว

ลู่เหยาวิ่งกลับไปด้วยความตื่นตระหนก แม้แต่เวลาที่จะขอโทษผู้คนที่ตนชนบนถนนก็ยังไม่มี จนกระทั่งตู้เหิงที่ตามมาได้จับตัวนางไว้ นางจึงได้หยุดลง

“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงตื่นตระหนกจนแสดงท่าทางไม่สมกับเป็นกุลสตรีเช่นนี้”

ตู้เหิงจับแขนของลู่เหยาไว้ หญิงสาวขมวดคิ้วให้กับบุตรสาวที่ทำตัวไม่เหมาะสม

“ท่านแม่?” ลู่เหยาเงยหน้าขึ้นมา สบตาตู้เหิงอยู่พักหนึ่งถึงจะตอบกลับ “ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้าโดนผีไล่มาหรือ?”

ตู้เหิงมองลู่เหยาด้วยความสงสัย ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อยด้วยเพราะโดนลมพัดจากการที่วิ่งมาเมื่อสักครู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศษโคลนที่ติดบนด้านหลังเสื้อทำให้นางรู้สึกอับอายยิ่งนัก

ลู่เหยาเพียงจับมือของตู้เหิงไว้แน่น โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

ถึงตู้เหิงจะใจร้อนเป็นอย่างมาก แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของบุตรี นางจึงไม่ได้ถามอะไรออกมา

เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก จิตใจของลู่เหยาจึงสงบลง

“เจ้าไปไหนมา และพบเจอผู้ใด?” ตู้เหิงขมวดคิ้ว ลูบศีรษะของลู่เหยาและพลางเอ่ยถามขึ้น

ลู่เหยาสับสนอยู่สักพักหนึ่ง และตัดสินใจที่จะเอ่ยความจริง “ข้าได้พบกับองค์รัชทายาทแล้วเจ้าค่ะ”

ดวงตาตู้เหิงเป็นประกาย นางจับมือลู่เหยาไว้แน่น “จริงหรือ? เจ้าได้คุยกับองค์รัชทายาทหรือไม่? แล้วฝ่าบาทปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไรบ้าง?”

“ข้า…ข้าพูดกับองค์รัชทายาทไม่กี่คำ ฝ่าบาทเป็นคนดีมากเจ้าค่ะ” ลู่เหยากล่าวเบา ๆ

“อืม ๆ ” ตู้เหิงตื่นเต้นจนไม่สามารถเอ่ยเอื้อนอะไรออกมา นางลูบมือและเดินไปมาไม่กี่ก้าว และหันกลับมาลูบศีรษะลู่เหยาเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ “เหยาเอ๋อร์เก่งมาก ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถพบกับองค์รัชทายาทได้จริง ๆ”

ลู่เหยามีความสุขกับความอ่อนโยนของมารดาที่น้อยครั้งจะได้เห็น ภายในใจกำลังลังเลว่าจะเล่าเรื่องของหลินซือดีหรือไม่

ถ้าหากว่าไม่เอ่ยอะไรเลย แน่นอนว่าแม่ของตนจะปฏิบัติต่อตนดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ว่า…

“เหยาเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกว่าองค์รัชทายาทเป็นอย่างไรบ้าง”

สายตาที่ตู้เหิงจ้องมองไปที่ลู่เหยาเปี่ยมไปด้วยความหวัง “ฝ่าบาทอายุไล่เลี่ยกับเจ้า ได้ยินมาว่าเป็นคนที่มีความสามารถ และปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความอบอุ่น ช่างเข้ากันได้ดีเสียจริง”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากว่าไม่เอ่ยอะไรออกมา ท่านแม่จะต้องได้คืบจะเอาศอกเป็นแน่

“ท่านแม่” ลู่เหยากัดริมฝีปาก “ตอนนั้น จริง ๆ แล้วไม่ได้มีเพียงแค่ข้า”

“หืม?” ตู้เหิงมองไปการท่าทางของลู่เหยาที่ค่อย ๆ สงบลง “เกิดอะไรขึ้น”

“เวลานั้น จริง ๆ แล้วมีข้ากับหลินซือ พวกเขาทั้งสองมาพบกันก่อน ข้ากลัวว่าจะถูกฝ่าบาทพบเข้าก็เลยหลบเข้ามุมกำแพงบริเวณข้าง ๆ” จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงการหายใจของตู้เหิงที่เปลี่ยนจากฤดูร้อนที่อบอุ่นกลายเป็นฤดูหนาวที่แสนเยือกเย็น แต่เด็กหญิงยังตัดสินใจกล่าวต่อไป “หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันเสร็จ จริง ๆ แล้วข้าอยากจะออกมา แต่กลับถูกองค์รัชทายาทพบเข้าเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเอง แต่กลับถูกองค์รัชทายาทพบเข้า?” ตู้เหิงถามด้วยใบหน้าเย็นชา

ลู่เหยาพยักหน้าเบา ๆ รวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้น “นอกจากนี้ ท่านแม่ ข้ารู้สึกว่าองค์รัชทายาทชอบหลินซือ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นข้าเจ้าค่ะ”

กล่าวเสร็จ ลู่เหยาก็ก้มหน้าลงและรอคำตัดสินของผู้เป็นแม่อย่างใจจดใจจ่อ

ตู้เหิงจ้องมองลู่เหยาด้วยความเย็นชา กระทั่งผ่านไปสักครู่ก็ถอนหายใจออกมา นางไม่ได้กล่าวอะไรออกมาและหันหลังเดินจากไป

“ท่านแม่!” ลู่เหยาร้องเรียกด้วยความตื่นตระหนก และรีบวิ่งเข้าไปจับมือของตู้เหิง แต่กลับถูกสะบัดออก

“อย่ามาเรียกข้าว่าแม่!” น้ำเสียงของตู้เหิงเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกระงับเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด “ข้าไม่มีลูกที่น่าอับอายเช่นเจ้า”

แม้ตู้เหิงจะไม่พอใจลู่เหยาและดุด่านางอยู่บ่อยครั้ง แต่หญิงสาวไม่ได้พูดเช่นนั้นกับลู่เหยาในที่สาธารณะเช่นนี้ ทำให้ลู่เหยาตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง

ทั้งสองคนอยู่อีกมุม แต่เมื่อครู่เสียงของตู้เหิงไม่ได้ถูกข่มเอาไว้ ผู้คนมากมายที่อยู่รอบข้างต่างก็แอบฟังและหัวเราะหลังได้ยินเสียงการทะเลาะวิวาทจากมุมนี้

ตู้เหิงสังเกตเห็นสายตาจับจ้องจากผู้คนโดยรอบ แต่นางก็กลับตัวไม่ทันแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความเย็นชา “อย่าตามมา ตอนนี้ข้าแค่เห็นหน้าเจ้า ข้าก็รู้สึกโมโหแล้ว”

นางเป็นสตรีที่มาจากตระกูลมีชื่อเสียง เมื่อมองเห็นสายตาของผู้คน ก็เริ่มที่จะใจเย็นลง

ชาติก่อนเห็นได้ชัดว่าบุตรสาวของนางไม่ได้ขลาดเขลาเช่นนี้!

ลู่เหยายืนอยู่กับที่มองดูตู้เหิงค่อย ๆ จากไปจากตรอกที่คดเคี้ยว

ไม่ไกลนัก หลินซือถือโคมแกว่งไปแกว่งมาด้วยความเบื่อหน่อย เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบว่ามารดาของตนไม่ได้อยู่ข้าง ๆ แล้ว เด็กสาวจึงรีบกลับไปตามหา ก็พบว่าแม่ของตนนั้นตามมาจากด้านหลังไม่กี่ก้าว ขมวดคิ้วจ้องมองอะไรบางอย่างอยู่

“ท่านแม่ ท่านกำลังดูอะไรอยู่เจ้าค่ะ?” หลินซือพยายามชะเง้อดู แต่ก็มีผู้คนอยู่ทุกหนทุกแห่ง และนางไม่เห็นสิ่งใดที่ควรค่าแก่การมองเลย

เหยาซูหันกลับมายิ้มให้กับหลินซือ “เอ้อเป่า ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะออกจากวังแล้วหรือ?”

หลินซือประหลาดใจ “ท่านแม่ ท่านรู้ได้อย่างไร?”

วันนี้เด็กสาวมีนัดกับเจี่ยงเถิงไปแขวนโคมที่ถนนในเมือง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวยงามเท่ากับในวัง แต่ก็มีอิสระมากกว่า และยังสามารถเที่ยวเล่นได้สะดวกสบาย

“เรื่องของเจ้าเหตุใดข้าจะไม่รู้” เหยาซูแตะหน้าผากของหลินซือ และยิ้มอย่างลึกซึ้ง

หลินซือหัวเราะ และเหยาซือก็เอ่ยขึ้น “เจ้าเดินเล่นต่อก็ได้ ข้าจะพูดคุยกับฮองเฮาเสียหน่อย”

“ขอบคุณท่านแม่มากเจ้าค่ะ!” ท่าทางของหลินซือราวกับว่าได้ของขวัญชิ้นใหญ่ เด็กสาวยิ้มร่าและวิ่งออกไปทันที

เหยาซูมองดูหลินซือเดินจากไป ก่อนจะเดินไปสถานที่ที่เมื่อสักครู่ตนจ้องมอง

ตู้เหิงเดินไปที่มุมอับไม่ค่อยมีผู้คน หันซ้ายแลขวา เมื่อพบว่าไม่มีผู้ใดจึงวางมาดของนางลง ดุด่าว่ากล่าวออกมาไม่กี่ประโยค และขว้างก้อนหินเพื่อระบายอารมณ์ของตน

“ตู้เหิง ไม่ได้พบกันนาน สบายดีหรือไม่”

เสียงอันคุ้นเคยที่ตู้เหิงไม่มีวันลืมดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตู้เหิงหันกลับมาด้วยอารามตกใจ และเห็นเหยาซูเดินมาจากอีกมุมด้วยรอยยิ้มกว้าง

กล่าวอีกอย่างคือ กำลังมองตนอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ตู้เหิงรู้สึกเช่นนี้ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเหยาซู ราวกับว่าความคิดที่ไม่ดีทั้งหมดของนางถูกแสงแดดสาดส่อง และไม่มีสิ่งใดหลุดรอดสายตาของอีกฝ่ายไปได้

นางรู้ทุกอย่าง แต่นางแค่ไม่สนใจเท่านั้น

“นี่ไม่ใช่เหยาซูหรอกหรือ” ตู้เหิงยิ้มเหยียดหยาม “เหตุใดจึงมาแอบฟังผู้อื่นเล่า”

เหยาชูมองข้ามวาจาเสียดสีของอีกฝ่ายและกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เรื่องระหว่างเราทั้งสอง อย่าส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปเลย”

ตู้เหิงหัวเราะด้วยความประหลาดใจ “เหยาซู เจ้าคิดเช่นนี้ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็เป็นคนดีมาตลอด แต่ข้าอยากจะบอกไว้ นี่เป็นเรื่องของครอบครัวข้า เจ้าอย่ายื่นมือเข้ามายุ่ง!”

เหยาชูมองดูความหมกมุ่นของอีกฝ่าย ส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจ “อาซือไม่มีวันเป็นพระชายา มันไม่ผิดที่เจ้าจะดึงลูกเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เจ้าดูสิว่าภายในใจของนางมีความคิดอย่างไร”

“น่ารำคาญ!” ตู้เหิงยิ้มเยาะ “ลูกสาวของเจ้าไม่อยากจะเป็นพระชายาเช่นนั้นหรือ? ฮ่า ๆ น่าขันเสียจริง ไม่อยากจะเป็นพระชายาแต่ตามเจ้าเข้าวังมาตลอดเพราะเหตุใด? เจ้าพาลูกสาวของเจ้ามายั่วยวนองค์รัชทายาทอย่างไรเล่า!”

เหยาซูขมวดคิ้ว หญิงสาวต้องการจะแย้ง แต่ก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเอ่ยกับตู้เหิงที่เห็นได้ชัดว่าหมกมุ่นจนเสียสติ จึงได้แต่พูดว่า “เจ้าทำเพื่อตัวเจ้าเองทั้งนั้น”

กล่าวจบ เหยาซูก็เพิกเฉยต่อคำตำหนิของตู้เหิง หญิงสาวหันหลังกลับและเดินจากไป

………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น้องเหยาน่าสงสาร มีแม่ปสด.แบบนังตู้เสียได้

เจอกับเหยาซูทีไร แสดงความนางร้ายปลายแถวได้เสมอต้นเสมอปลายมากเลยนังตู้

ไหหม่า(海馬)