ตอนที่ 496 หวาดกลัว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 496 หวาดกลัว

“เจ้าปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน!” องค์หญิงนับสร้อยลูกประคำอีกครั้ง เอ่ยเสียงราบเรียบ “นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าจงจับตาดูฝูรั่วซีเอาไว้ หากเขามีความเคลื่อนไหวใดๆ ให้รีบมารายงานข้าทันที ให้คนที่ของเจ้าที่แฝงตัวอยู่ในวังหลวงจับตาดูฮองเฮาไว้ให้ดีว่านางมีความเคลื่อนไหวใดหรือไม่ กันนางทำเรื่องที่ยากจะแก้ไขในภายหลัง”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำ

เช้าวันที่ยี่สิบสาม เดือนเจ็ด รัชทายาทยังไม่กลับมาจากการเข้าร่วมว่าราชการตอนเช้า ฟางเหล่าไปรอรัชทายาทอยู่ที่โถงด้านหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เมื่อได้ยินเสียงรถม้า ฟางเหล่ารีบออกไปรอต้อนรับรัชทายาที่หน้าจวน

รัชทายาที่เพิ่งเดินเข้ามาในจวนเห็นฟางเหล่าวิ่งออกมาต้อนรับเขา เขาจึงหันไปกล่าวกับเฉวียนอวี๋

“เจ้าไปบอกพระชายาว่าเรามีธุระต้องทำ กลางวันเราค่อยไปทานอาหารกับนาง”

“พ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋รับคำ

รัชทายาทเดินตามฟางเหล่าไปยังมุมลับตาคน เอ่ยถาม “ฟางเหล่ามีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ”

“ทูลองค์ชาย ครอบครัวที่เด็กถูกลักพาตัวไปเข้ามาในเมืองหลวงทันทีที่ประตูเมืองเปิดพ่ะย่ะค่ะ อีกสักครู่คงไปตีกลองเติงเหวินร้องทุกข์กันแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าเวลานี้องค์ชายควรเข้าไปอยู่ในวังหลวงเพื่อสังเกตท่าทีของฝ่าบาทตอนรับรู้เรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ จะได้รู้ว่าเหลียงอ๋องปรุงยาวิเศษนี้ให้ตัวเองหรือให้ฝ่าบาทกันแน่ เช่นนี้เราจะได้ควบคุมทิศทางของเรานี้ได้ทันการ ไม่ให้เหลียงอ๋องมีโอกาสรอดตัวไปได้อีกพ่ะย่ะค่ะ!”

ฟางเหล่ากล่าวอย่างรวดเร็วและหนักแน่น “เมื่อวานหลังจากองค์ชายเข้าไปในวังหลวง ฝ่าบาททรงอนุญาตให้ส่งกองทัพใหม่ไปยังหนานเจียงแล้วไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ องค์ชายถือโอกาสนี้นำรายงานจำนวนทหารทั้งหมดไปให้ฝ่าบาททรงพิจารณา ให้ฝ่าบาทรีบตัดสินพระทัยโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ”

ฟางเหล่าหยิบรายงานการเกณฑ์ทหารอย่างละเอียดออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้รัชทายาทอย่างนอบน้อม

รัชทายาทพยักหน้าพลางรับมา “เราโชคดีที่มีฟางเหล่าคอยวางแผนให้เราเช่นนี้!”

“เป็นวาสนาของกระหม่อมที่ได้พบกับองค์ชายต่างหากพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายจงจำไว้นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าครั้งนี้เหลียงอ๋องจะปรุงยาเพื่อฝ่าบาทหรือเพื่อตัวเอง องค์ชายต้องยืนกรานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มิเช่นนั้นฝ่าบาทอาจทรงคิดว่าองค์ชายใช้วิธีการเดียวกับที่ไป๋ชิงเหยียนใช้บีบให้ฝ่าบาทจัดการกับซิ่นอ๋องบีบให้พระองค์จัดการกับเหลียงอ๋องได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“เรารู้ดี!”

รัชทายาทถือรายงานการเกณฑ์ทหารเดินกลับขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันทีโดยไม่ได้เข้าไปในจวนรัชทายาทก่อนแม้แต่น้อย

เมื่อว่าราชการเสร็จ ฮ่องเต้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสบายๆ เอนกายพิงหมอนกลมลายมังกรบินซึ่งปักด้วยด้ายสีทองพลางอ่านฎีกาอยู่บนเตียงไม้ซึ่งปูด้วยแผ่นรองเย็นสบาย

น้ำแข็งถูกแขวนอยู่บริเวณสี่มุมของตำหนัก ปลายเท้าฮ่องเต้มีภาชนะทองแดงใส่น้ำแข็งวางเอาไว้เช่นเดียวกัน นางกำนัลใช้พัดพัดไอเย็นไปทางฮ่องเต้ ให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก

เกาเต๋อเม่าเดินเข้ามาด้านในตำหนัก กระซิบฮ่องเต้เสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม!” ฮ่องเต้รับคำอย่างอารมณ์ดี “มาพอดี ให้เขามาดูฎีกาเหล่านี้ไว้บ้าง ภายภาคหน้าหน้าที่เหล่านี้จะตกเป็นของเขา เขาควรเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ”

บัดนี้ฮ่องเต้รู้สึกเบื่อหน่ายกับฎีกาเหล่านี้เป็นที่สุด ไม่สู้ไปหาชิวกุ้ยเหรินซึ่งมีลูกไม้สารพัดมาเอาใจเขาที่วังหลังดีกว่า

เขาคิดได้แล้ว บัดนี้แคว้นต้าจิ้นแข็งแกร่ง เหตุใดเขาต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อนนี้ด้วย ไม่สู้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัชทายาดีกว่า ที่สำคัญ ผู้ปรุงยาวิเศษกล่าวไว้ว่าเมื่อเขาทานยาวิเศษเข้าไป เขาควรพักผ่อนให้เต็มที่

ห้ามหักโหมร่างกายเป็นอันขาด

เกาเต๋อเม่ายิ้มจนเห็นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า “ฝ่าบาททรงเอ็นดูโอรสมากพะย่ะค่ะถึงได้ลงมือสอนให้เขาเป็นงานด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนนี้!”

กล่าวจบ เกาเต๋อเม่าเดินออกไปเชิญรัชทายาทเข้ามาในตำหนักด้วยตัวเอง

รัชทายาทเข้ามาในตำหนัก ทำความเคารพฮ่องเต้ จากนั้นวางรายงานการเกณฑ์ทหารลงบนโต๊ะตรงหน้าฮ่องเต้

“เสด็จพ่อ นี่คือรายงานการเกณฑ์ทหารอย่างละเอียดพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้รวบรวมทหารใหม่ได้ทั้งสิ้นสองหมื่นนาย สามารถส่งไปหนานเจียงก่อนได้พ่ะย่ะค่ะ หากเสด็จพ่อทรงรู้สึกว่าน้อยเกินไป สามารถโยกย้ายทหารใหม่หนึ่งหมื่นนายซึ่งเฝ้าระวังชายแดนทางเหนือไปที่หนานเจียงก่อนได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“โยกย้ายทหารหนึ่งหมื่นนายอย่างนั้นหรือ…” ฮ่องเต้ใช้ความคิด

“ครั้งนี้ต้าเหลียงถูกพวกเรารบเสียจนย่อยยับ แม้แต่สวินเทียนจางยังเสียชีวิต ต่อให้พวกเราดึงทหารหนึ่งหมื่นนายไปยังหนานเจียง ต้าเหลียงก็คงไม่กล้าลองดีกับพวกเราอีกพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อลองดูสิพ่ะย่ะค่ะ ขนาดหนานตูจวิ้นจู่ไม่แต่งงานเชื่อมไมตรีไปต้าเหลียงแล้ว พวกเขายังไม่กล้ามีปากเสียงเลยพ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทกล่าวยิ้มๆ

ที่ครั้งนี้คณะทูตของต้าเหลียงปล่อยผ่านเรื่องที่หนานตูจวิ้นจู่ไม่ยอมแต่งงานเชื่อไมตรีกับองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงเป็นเพราะก่อนเดินทางมาที่ต้าจิ้นองค์ชายสี่ของพวกเรายืนกรานหนักแน่นว่าต่อให้ตายก็ไม่มีทางแต่งงานกับหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟู

นึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะมีการเปลี่ยนแปลง หนานตูจวิ้นจู่ได้ลงเอยกับองค์ชายของแคว้นต้าจิ้นเองเช่นนี้ พวกเขาจึงปล่อยเรื่องนี้เลยตามเลย ไม่กล่าวถึงอีก พวกเขากลัวว่าหากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นจะอ้างว่าเรื่องที่ได้ยินเป็นเพียงข่าวลือ จะให้หลิ่วรั่วฟูแต่งงานกับองค์ชายสี่ตามเดิม เช่นนั้นองค์ชายสี่ได้ถลกหนังของพวกเขาแน่

คณะทูตของต้าเหลียงก็ลำบากใจเช่นเดียวกัน

ฮ่องเต้ยกน้ำเชื่อมดอกลิลลี่วังหลังส่งมาให้ขึ้นจิบ พยักหน้าเล็กน้อย

“เจ้าคือรัชทายาท หากเจ้าคิดว่าดีก็ทำตามนั้น ตรงนี้มีฎีกาอยู่ เจ้ามานำไปอ่านด้วย ฝึกฝนไว้ หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจมาถามเราได้ตลอดเวลา!”

รัชทายาทได้ยินจึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างตกใจ “เสด็จพ่อทรงหมายความเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทคิดว่าตนเองกล่าวสิ่งใดผิดไป ฮ่องเต้กำลังกล่าวเป็นนัยว่าเขายุ่งมากเกินไปแล้ว

ฮ่องเต้ “…”

ฮ่องเต้มองดูรัชทายาทที่มีสีหน้าหวาดกลัว ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองเข้มงวดกับรัชทายาทมากเกินไปหรือไม่ โอรสของเขาถึงได้หวาดกลัวเขาถึงเพียงนี้

“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน เรามิได้ว่าอันใดเจ้า แค่คิดว่าบัดนี้เจ้าเป็นถึงรัชทายาท ควรเริ่มช่วยแบ่งเบาภาระดูแลปกครองบ้านเมืองแทนเราได้แล้ว! อีกอย่างเราจะเชิญท่านผู้เฒ่าชุยสือเหลียนเซียนเซิงมาช่วยอบรมสั่งสอนเจ้า คิดมีความเห็นเช่นไร”

ได้ยินฮ่องเต้กล่าวเช่นนี้ รัชทายาทจึงวางใจลง จากนั้นรีบแสดงความจงรักภักดีอย่างจริงใจ

“เสด็จพ่อยังมีพลานามัยแข็งแรง อยู่กับลูกไปได้อีกนาน ค่อยๆ สอนลูกก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เหตุใดถึงอยากให้ลูกเรียนรู้งานบ้านงานเมืองเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก หากเสด็จพ่อทรงรู้สึกไม่ค่อยสบายต้องรีบบอกให้ลูกทราบนะพ่ะย่ะค่ะ!”

“ลุกขึ้นเถิด! เจ้าทำงานที่เรามอบหมายให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ได้ดีมาก เราไว้ใจเจ้า ลุกขึ้น! จงจำไว้ว่าเจ้าคือรัชทายาท จะแสดงท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้ออกมาไม่ไดเป็นอันขาด!”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น ยกน้ำเชื่อมดอกลิลลี่ขึ้นจิบเพื่อดับโทสะที่มีอยู่ในใจ ทว่า ยังไม่ทันจิบ จู่ๆ เสียงกลองเติงเหวินที่ประตูอู่เต๋อก็ดังขึ้นเสียก่อน

มือของฮ่องเต้สั่นเล็กน้อย น้ำเชื่อมเกือบสาดออกมาจากถ้วย

เสียงกลองเติงเหวินอีกแล้ว นี่มันอันใดกัน!

ฮ่องเต้โมโหจนแทบอยากเขวี้ยงถ้วยในมือทิ้ง เขาเพิ่งโยนฎีกาทั้งหมดให้รัชทายาทรับผิดชอบเขาจะได้มีเวลาพักผ่อน เสียงกลองเติงเหวินกลับดังขึ้นอีกแล้ว!

ตั้งแต่ไป๋ชิงเหยียนตีกลองเติงเหวิน กลองนี้จึงกลายเป็นของเล่นที่ทุกคนมาตีได้ทุกเมื่อที่อยากทำ

ฮ่องเต้กระแทกถ้วยลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง ตะคอกเสียงดังลั่น “เกาเต๋อเม่า!”

รัชทายาทรีบลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านข้างฮ่องเต้ เขารู้ดีแก่ใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ทว่า ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี กระชับมือที่อยู่ในแขนเสื้อแน่นแล้วคลายออก ฟางเหล่ากำชับว่าครั้งนี้ห้ามสารภาพความจริงกับเสด็จพ่อเด็ดขาด!