ตอนที่ 495 ไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 495 ไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้

ชุยซื่อมาครั้งนี้ไม่ได้มอบของขวัญให้ต่งซื่อและไป๋ชิงเหยียนแค่สองคนเท่านั้น ทว่า ยังเตรียมของขวัญมาให้บรรดาฮูหยินและคุณหนูตระกูลไป๋ด้วย แม้ไม่ใช่ของที่มีราคามากนัก ทว่า เห็นได้ชัดว่าผู้ให้ตั้งใจคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ไม่ใช่คนตระหนี่ หญิงสาวเหมาะสมที่จะเป็นนายหญิงของตระกูล

“ท่านย่าเป็นห่วงสุขภาพของพี่หญิง ข้าคิดว่ามีเพียงให้พี่หญิงไปอยู่ข้างกายท่าน ท่านจึงจะวางใจเจ้าค่ะ…” ชุยซื่อมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “หากพี่หญิงมีเวลา เดินทางไปพักผ่อนที่เติงโจวบ้างนะเจ้าคะ ท่านย่าจะได้วางใจ!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ได้!”

ตอนกลางวันคือช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวัน ทว่า เรือนเสาหวามีลมพัดเย็นสบาย มีต้นไม้ใหญ่สูงสง่า ดอกไม้ใบหญ้าละลานตาเต็มสวน อีกทั้งยังมีน้ำตกไหลริน ยิ่งทำให้เรือนเสาหวาเต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียว แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบลงบนต้นไม้สีเขียวทึบเป็นระยะ สะท้อนเป็นแสงสีทองอ่อนๆ ผ้าม่านบางสีขาวปลิวสยายตามแรงลม กระดิ่งทองแดงดังขึ้นเป็นพักๆ มองจากที่ไกลๆ เรือนเสาหวางดงามราวกับภาพวาดในจินตนาการ

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ทุกคนไปรับประทานของว่างต่อที่ชั้นสองของเรือนเสาหวา เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าเก็บกวาดเรือนจวินจื่อเซวียนให้ต่งฉางหลานและชุยซื่อเรียบร้อยแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนจึงขอตัวกลับ

ต่งฉางหลานและไป๋ชิงผิงเดินไปส่งเซียวหรงเหยี่ยนถึงหน้าประตู มองส่งเซียวหรงเหยี่ยนเดินจากไป ไป๋ชิงผิงจึงเดินกลับมาอำลาไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนเห็นไป๋ชิงผิงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขอบตาดำคล้ำ จึงเอ่ยถาม “เรื่องพ่อแม่ของเจ้าส่งผลกระทบต่อเจ้าอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงผิงกำหมัดซึ่งแนบอยู่ข้างลำตัวแน่น อึกอึกลังเล เขาไม่กล้าบอกไป๋ชิงเหยียนว่าท่านแม่ของเขาไปอาละวาดที่หน้าค่ายฝึก ด่าทอว่าเขาเป็นคนเนรคุณ แม้แต่ท่านลุงของเขายังกล่าวหาว่าเขาอกตัญญู

เขาเป็นบุตรชายจะกล้าสั่งให้คนจับตัวมารดาและลุงของตัวเองกลับไปได้อย่างไรกัน จนถึงตอนนี้มารดาของเขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าเหตุใดบิดาของเขาถึงได้โมโหมากถึงขั้นจะหย่าร้างกับนางเช่นนี้ เอาแต่ด่าทอว่าเขาและบิดาเป็นคนเนรคุณ

เมื่อคืนไป๋ชิงผิงไปพบบิดาของตนมาแล้ว ท่านพ่อกล่าวว่าท่านแม่ของเขายังไม่ยอมรับความเป็นจริง ตอนนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วยังเห็นแก่หน้าท่านพ่อที่เป็นประมุขตระกูลไป๋จึงไม่ถือสาท่านแม่ของเขา ทว่า หากปล่อยให้ท่านแม่ทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าภายภาคหน้านางจะก่อเรื่องร้ายแรงอันใดขึ้นบ้าง

บัดนี้ท่านแม่ของเขากล้ามีความคิดอยากให้หลานชายของตนแต่งเข้าตระกูลไป๋ ไม่รู้ว่าภายภาคหน้านางจะมีแผนการเลวร้ายอันใดอีก หากท่านแม่ของเขาทำเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ เมื่อนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลบรรพบุรุษและตระกูลไป๋คงถูกตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง ตระกูลบรรพบุรุษไป๋จะไม่มีที่พึ่งพาอีกต่อไป จุดจบของบรรดาคนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลจะกลายเป็นจุดจบของพวกเขาทันที

ไป๋ชิงผิงเข้าใจความหมายของบิดาดี คนที่ไม่เข้าใจคือมารดาของไป๋ชิงผิง

ไป๋ชิงผิงถึงขนาดคิดว่าปล่อยให้มารดาอยู่ที่ตระกูลไป๋ต่อคือเรื่องดีหรือร้ายกันแน่ หากท่านแม่กลับไปอยู่ตระกูลมารดาของตัวเอง…เมื่อนางไม่มีที่พึ่ง นางย่อมไม่มีโอกาสและความกล้าทำเรื่องที่ยากจะแก้ไขได้

ทว่า ในฐานะบุตรชาย เขาอยากเห็นบิดามารดารักใคร่ปรองดองกัน

“พี่ว่าท่านพ่อของเจ้าไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหย่ากับนาง อย่างมากก็แค่ให้ท่านแม่ของเจ้ากลับไปคิดทบทวนที่ตระกูลฝ่ายมารดาของนาง มันเป็นผลดีต่อตัวนางเอง” ไป๋ชิงเหยียนเกลี้ยกล่อมไป๋ชิงผิง

ไป๋ชิงผิงพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้นขอรับ”

“กลับไปพักผ่อนสักวัน ที่สนามฝึกซ้อมยังต้องการเจ้า ไม่มีคนของเราคอยจับตาดู พี่ไม่วางใจ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ไป๋ชิงผิงพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ท่านพี่ ข้าคิดว่าตระกูลบรรพบุรุษยังพอมีคนที่ใช้งานได้ ท่านพี่อยากลองใช้งานพวกเขาหรือไม่ขอรับ”

“เจ้าจัดการเรื่องนี้เองได้เลย หากเจ้าคิดว่ามีคนในตระกูลที่พอใช้งานได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องรายงานพี่ ตัดสินใจด้วยตัวเองได้เลย” ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ มอบอำนาจให้ไป๋ชิงผิง “เจ้าคงรู้แล้วว่าควรจะใช้เสิ่นเยี่ยนฉงเช่นไร เจ้าจัดการเองได้เลย”

ไป๋ชิงผิงรู้สึกว่าภาระที่ตนแบกอยู่หนักอึ้ง ทว่า รู้สึกดีใจที่ไป๋ชิงเหยียนไว้ใจเขา เขาโค้งคำนับ “ท่านพี่ไม่ต้องห่วงขอรับ ชิงผิงรู้ขอบเขตดีขอรับ”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงผิง พ่อบ้านเหาเดินเร่งฝีเท้าเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังไป๋ชิงผิง เหมือนมีเรื่องจะกล่าว ทว่า ลังเลเพราะไป๋ชิงผิงยังอยู่ ไป๋ชิงผิงอำลาไป๋ชิงเหยียนอย่างรู้งาน

“กลุ่มคนที่อยู่ในซอยนั้นมาจากเมืองหลวงจริงๆ ขอรับ บ่าวให้คนจับตาดูอยู่ตลอดเวลา วันนี้มีคนขี่ม้าเร็วมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง บ่าวจึงให้คนลอบติดตามไปสืบให้แน่ชัดว่าเป็นคนของจวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจริงหรือไม่ขอรับ” สีหน้าของพ่อบ้านเหามีแววกังวล “คุณหนูใหญ่ ตอนอยู่ที่เมืองหลวงตระกูลไป๋ของเราล่วงเกินอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายไว้มาก บัดนี้คนเหล่านั้นสมคบคิดกับคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ เกรงว่าคนพวกนั้นคงพุ่งเป้ามาที่ตระกูลไป๋แน่นอนขอรับ!”

“จับตาดูไว้ก่อนว่าพวกเขาไปมาหาสู่กับผู้ใดบ้าง ที่นี่คือซั่วหยาง การจัดการกับพวกเขาเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว หากคนกลุ่มนี้เป็นพวกของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าจริง ก็คงถึงเวลามอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้หลี่เม่าแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กังวลว่าคนของหลี่เม่าจะสมคบคิดกับคนตระกูลไป๋ซึ่งถูกขับไล่ออกจากตระกูลแล้วสร้างปัญหาร้ายแรงอันใดขึ้นได้

ไป๋ชิงผิงเดินไปตามระเบียงทางเดินที่คดเคี้ยว เขาหันกลับไปมองด้านหลังแวบหนึ่ง เห็นพ่อบ้านเหายืนรายงานบางอย่างกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบาหวิวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวล

ไป๋ชิงผิงไม่กล้ามองนาน รีบเดินตามหลังบ่าวรับใช้ออกไปจากจวนไป๋

ไป๋ชิงผิงรู้สึกนับถือญาติผู้พี่ตระกูลไป๋ผู้นี้จากใจจริง แม้เจ็ดเดือนที่แล้วตัวเขาจะอยู่ที่ซั่วหยาง ทว่า ทุกครั้งที่ข่าวจากเมืองหลวงส่งมาถึงซั่วหยาง เขารู้สึกทึ่งทุกครั้ง

บุรุษตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงเสียชีวิตลงทั้งหมด ทว่า ญาติผู้พี่ของเขาคนนี้กลับทำได้ดีกว่าบุรุษทุกคน หญิงสาวขอยืมโลงศพจากชาวบ้าน ตีกลองเติงเหวินปลุกระดมชาวบ้าน ให้ชาวบ้านช่วยปกป้องคุ้มครองตระกูลไป๋ เดินทางไปทำสงครามที่หนานเจียงและเป่ยเจียง รักษาเกียรติยศของตระกูลไป๋ให้คงอยู่ต่อไปราวกับไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้ ทั่วทั้งแคว้นต้าจิ้น ต่อให้เป็นบุรุษที่โดดเด่นสักเพียงใดก็คงไม่มีทางทำได้เทียบเท่ากับญาติผู้พี่ของเขาคนนี้

ส่วนเขาที่เป็นบุรุษแท้ๆ แม้แต่ทำให้ครอบครัวของตนเองสงบสุข เขายังทำไม่ได้เลย

เขานับถือไป๋ชิงเหยียน ขณะเดียวกันก็อิจฉาในความสามารถของหญิงสาว เขาหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นบุคคลเช่นเดียวกันกับไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงผิงหันกลับไปมองป้ายชื่อสีดำเคลือบน้ำมันของจวนไป๋ กำหมัดแน่น ก้าวขึ้นหลังม้าแล้วควบจากไปทันที

เช้าวันที่ยี่สิบสอง เดือนเจ็ด เมื่อหลูหนิงฮว่าและไป๋จิ่นเซ่อนั่งรถม้ากลับไปถึงวัดชิงอัน หลูหนิงฮว่ารีบเล่าเรื่องที่ตนบังเอิญเห็นฮองเฮาลอบนัดพบกับฝูรั่วซีในวังหลวงให้องค์หญิงใหญ่ฟังทันที

เมื่อองค์หญิงใหญ่ได้ยิน นางหยุดชะงักมือที่นับลูกประคำอยู่ทันที แสยะยิ้มเย็นออกมา “ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะเริ่มสำแดงฤทธิ์ออกมาแล้วเช่นเดียวกัน”

หลูหนิงฮว่าและไป๋จิ่นเซ่อไม่เข้าใจ

“เจ้าทำได้ดีมากหนิงฮว่า!” องค์หญิงใหญ่ยิ้มให้หลูหนิงฮว่า “ไปพักผ่อนเถิด!”

เมื่อไป๋จิ่นเซ่อและหลูหนิงฮว่าจากไป องค์หญิงใหญ่ให้เจี่ยงหมัวมัวไปตามเว่ยจงมาพบ เอ่ยถามเว่ยจง “เรื่องที่อาเป่าให้เจ้าสืบเป็นอย่างไรบ้าง”

“ทูลองค์หญิงใหญ่ บ่าวสืบพบว่าผู้ที่ทำลายความบริสุทธิ์ของหนานตูจวิ้นจู่คือองครักษ์ลับของจวนองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ทว่า องครักษ์ลับผู้นั้นถูกยั่วยุจากผู้อื่นจึงเกิดตัณหาขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ บ่าวกำลังสืบว่าผู้ใดยั่วยุเขา คุณหนูใหญ่สั่งให้บ่าวแอบสืบ บ่าวจึงต้องระวังตัวให้มากพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงกล่าว