บทที่ 482 จุดจบของขงเบ้ง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เพราะเป็นธุรกิจของแม่ ดังนั้นก็จึงไม่ได้ถูกควบรวมเข้ามาอยู่ในเครือของบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ป อีกอย่างบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปก็ทำเกี่ยวกับพวกแบรนด์หรู ในเครือก็ไม่มีอะไรที่ทำเกี่ยวกับพวกอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นวันเฮิร์ทก็จึงมีแม่ดูแลจัดการเพียงคนเดียว หลังจากที่แม่ประสบอุบัติเหตุ วันเฮิร์ทก็ถูกบริหารดูแลโดยผู้จัดการอาชีพ เขาก็เพียงแค่ถามไถ่เป็นครั้งคราวเท่านั้น

เพราะฉะนั้นบุคคลภายนอกก็จึงไม่รู้ ว่าวันเฮิร์ทเมื่อก่อนก็เป็นของตระกูลไชยรัตน์มาก่อน

เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นแม่ก็ยกมอบวันเฮิร์ทให้กับคนอื่น วันเฮิร์ทก็จึงได้พ้นออกจากตระกูลไชยรัตน์ไป

“ท่านประธาน ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อก่อนตอนคุณไปรับช่วงต่อวันเฮิร์ท ผู้จัดการคนนั้นถึงได้พูดว่าวันเฮิร์ทไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณผู้หญิงยกหุ้นวันเฮิร์ทครึ่งหนึ่งให้กับคนอื่น ตอนนั้นเรายังสงสัยกันเลยว่าคนคนนั้นเป็นใคร ไม่คิดว่าจะเป็นนิรุตติ์” มารุตพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

นัทธีหลุบตาลงและไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจ กลับเหมือนมีคลื่นที่โหมกระหน่ำ

เขามองออก ว่าลายเซ็นบนหนังสือโอนนี้ คือลายมือที่เซ็นโดยแม่ของเขา

เพราะแม่มีนิสัยอย่างหนึ่ง ชอบวาดเส้นโค้งตรงตัวอักษรสุดท้าย ให้เป็นรูปทรงกลม และไม่มีใครที่จะเลียนแบบมันได้

และตัวหนังสือที่ทรงพลังนี้ ก็ชี้ให้เห็นชัดว่าไม่ได้มีการถูกบีบบังคับให้เซ็นแต่อย่างใด

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หนังสือโอนฉบับนี้แม่ลงนามเซ็นให้ด้วยความเต็มใจ และเต็มใจที่จะมอบวันเฮิร์ทให้กับนิรุตติ์

นี่มันเพราะอะไรกัน ?

นัทธีขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้

เขายังคิดไม่ออกเลย แล้วนับประสาอะไรกับมารุต

มารุตดูไปที่ตรงลายเซ็น“คุณผู้หญิงได้เซ็นชื่อลงนามไปแล้ว แต่นิรุตติ์ยังไม่ได้เซ็นรับ นั้นก็หมายความว่า หุ้นของวันเฮิร์ทยังไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของนิรุตติ์ ”

“แต่คนภายนอกไม่รู้ ผู้จัดการคนนั้นก็ไม่รู้ ต่างก็คิดว่าหุ้นของวันเฮิร์ทได้ตกไปอยู่ในมือของประธานคนใหม่แล้ว”นัทธีเม้มปากแล้วพูดตอบ

มารุตดันไปที่กรอบแว่น“ไม่แปลกใจเลยที่คนภายนอกต่างก็อยากรู้ว่าประธานคนใหม่เป็นใคร และทำไมถึงไม่ยอมเปิดเผยตัวตน นิรุตติ์ไม่ได้รับหุ้น แล้วจะเผยตัวได้ยังไง บางทีตัวเขาเองก็คงไม่รู้ ว่าเขาเป็นประธานของวันเฮิร์ท ”

“ไม่ เขารู้ ”นัทธีหรี่ตามอง

มารุตมองไปที่ชายหนุ่ม “เขารู้?”

“ใช่”นัทธีพยักหน้าให้“ก่อนหน้านั้นเขาอยากที่จะได้พินัยกรรม พวกเราก็จึงคิดว่าเขาต้องการทำลายหลักฐานของขงเบ้ง แต่ต่อมาเราก็พบว่าเขาเกลียดขงเบ้ง ดังนั้นเขาจะไปช่วยขงเบ้งได้ยังไง เพราะเราใช้ขงเบ้งมาข่มขู่เขา เขาก็ยังไม่ปรากฏตัวเลย”

“ดังนั้นคุณหมายความว่า ที่นิรุตติ์ต้องการพินัยกรรม ไม่ใช่เพื่อขงเบ้ง แต่เพื่อหุ้นของวันเฮิร์ท? ” มารุตดวงตาเบิกกว้าง

“นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ฉันคิดว่าคงไม่มีเหตุผลอื่นอีก บางทีเขาอาจจะรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าหนังสือโอนหุ้นอยู่กับคุณปู่ แต่แล้วก็ถูกคุณปู่เก็บรวมมันไว้กับพินัยกรรม”นัทธีกล่าว

“คุณพูดแบบนี้ จู่ๆผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้” จู่ๆมารุตก็ตบเข้าที่หน้าขา

นัทธีมองมาที่เขา “นึกอะไรขึ้นได้?”

“เมื่อเจ็ดปีก่อน ผมเคยเห็นนิรุตติ์พูดคุยกับคุณท่าน วันนั้นผมไปที่คฤหาสน์ไชยรัตน์เพื่อเอาเอกสารให้คุณ ตอนที่ออกมา เห็นคุณท่านกับนิรุตติ์อยู่ในสวน และนิรุตติ์ก็กำลังถามคุณท่านเรื่องหนังสือโอนหุ้นว่าเก็บเอาไว้ที่ไหน ให้คุณท่านนำมันออกมา”

มารุตพูดไปก็เกาหัวไป“ไม่รู้ว่าหนังสือโอนหุ้นที่นิรุตติ์พูดถึงในตอนนั้น ใช่วันเฮิร์ทหรือเปล่า ”

“จากนั้นล่ะ?”นัทธีถามต่อ

“จากนั้นผมก็ได้ยินคุณท่านพูดตำหนินิรุตติ์ด้วยความโกรธ พูดว่าครอบครัวของเขาเป็นหนี้คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ยังมีหน้าจะถามถึงเรื่องหุ้นอีก ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมาก พอเอามาคิดในตอนนี้ คำพูดของคุณท่านกับนิรุตติ์ มีนัยแอบแฝงมากมาย” มารุตถอนหายใจ

จะไม่ใช่ได้ยังไง คุณท่านบอกว่านิรุตติ์และครอบครัวเป็นหนี้คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง เพราะขงเบ้งฆ่าคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง จะไม่เป็นหนี้ได้ยังไง ?

แต่ตอนนั้นคุณท่านพูดคลุมเครือเกินไป ไม่มีใครเก็บมาคิด หากตรึกตรองดีๆ ไม่แน่ว่าท่านประธานก็อาจจะรู้ไปนานแล้วว่าใครเป็นคนฆ่าคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง

นัทธีหลุบตาลงไม่ได้พูดอะไร และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

มารุตมองดูเขา “ท่านประธาน หนังสือโอนหุ้นนี้คุณคิดไว้แล้วหรือยังครับว่าจะทำยังไงกับมัน ?”

“เก็บไว้ก่อน”นัทธีวางหนังสือโอนหุ้นลง

มารุตกะพริบตาปริบๆ พูดด้วยความประหลาดใจว่า“คุณไม่ฉีกมันทิ้งเหรอครับ ? หากนิรุตติ์เอามันไปได้……”

“นี่เป็นของที่แม่ให้เขา เขาได้มันไปก็ไม่เป็นไร”นัทธีกล่าว

มารุตรู้สึกประหลาดใจ“ ดังนั้นคุณกะจะยกวันเฮิร์ทให้เขา ?”

“ก็แค่วันเฮิร์ท ฉันไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจหรอก” นัทธีหลุบตาแล้วพูดเสียงเบา “เมื่อเทียบกับการได้ถือครองวันเฮิร์ทแล้ว ฉันอยากจะรู้มากกว่าว่าทำไมแม่ต้องยกวันเฮิร์ทให้กับนิรุตติ์ด้วย”

และคำตอบนี้ ก็ต้องเจอกับตัวนิรุตติ์เท่านั้นถึงจะรู้

บางทีอาจมีบางอย่างที่เขาไม่รู้ เรื่องระหว่างแม่ของเขากับนิรุตติ์ว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ไม่ว่าจะคืออะไร เขาต้องรู้มันให้ได้

มารุตไม่ได้พูดกล่อมให้นัทธีทำลายหนังสือโอนนั้น เขาหยิบหลักฐานเอาผิดของขงเบ้งแล้วเดินออกไป

ในเที่ยงของวันนั้น ขงเบ้งก็ถูกควบคุมตัว ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คนภายนอกเมื่อรู้ว่าขงเบ้งที่ต้องการบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ป ถึงกับต้องฆ่าน้องชายแท้ๆของตัวเองและน้องสะใภ้ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างน่าตกใจ บนโลกออนไลน์ก็พูดถึงเรื่องนี้กันไม่หยุด

ผู้ถือหุ้นจำนวนมาก ต่างก็ตำหนินัทธีที่ไม่ควรทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นของบริษัทได้

และที่คิดไม่ถึงก็คือ หุ้นของบริษัทกลับดีดตัวสูงขึ้น เพราะทุกคนรู้สึกว่านัทธีน่าสงสาร สูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุยังเล็ก และยังถูกคนเป็นลุงผู้ใจดำอำมหิตวางยาอีกด้วย ดังนั้นก็จึงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์บริษัทไชยรัตน์กรุ๊ป และโจมตีแค่ขงเบ้งสองสามีภรรยาเท่านั้น

เพราะพฤติกรรมของขงเบ้งนั้นโหดเหี้ยมมาก ประกอบกับหลักฐานที่แน่นหนาของนัทธี ต่อให้ขงเบ้งจะเป็นอัมพาตไปแล้ว ก็ยังถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขัง

สำหรับผลการพิจารณาคดี ยังไม่ออกมาในเร็วๆนี้ คงต้องรอไปอีกสักพัก แต่ทนายความบอกกับนัทธีว่า ยังไงขงเบ้งก็หนีโทษประหารไม่พ้น

ดังนั้นนัทธีก็จึงไม่ขัดหากขงเบ้งจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหน่อย

คฤหาสน์ตระกูลแก้วสุทธิ นวิยาก็รู้จุดจบของขงเบ้งจากสื่อออนไลน์ ร่างทั้งร่างก็ถึงกับตกใจกลัวจนทำโทรศัพท์ร่วงหลุดมือ

นัทธีเจอพินัยกรรมแล้ว และจับตัวขงเบ้งเข้าคุก

แล้วเธอล่ะ ?

ในพินัยกรรมมีเบาะแสอะไรที่โยงมาถึงตัวเธอไหม ?

ร่างกายของนวิยาชาวาบ ไม่รู้ว่าในพินัยกรรมมีเบาะแสอะไรที่จะโยงมาถึงเธอหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีก็ตาม เธอไม่สามารถจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว

เธอต้องไปจากที่นี่ ต้องไปจากที่นี่จริงๆ!

หากนัทธีสืบแล้วสาวมาถึงตัวเธอได้ เธอจบเห่แน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น นวิยาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความกล้าๆกลัวๆ กดโทรไปหาพิชิต “พิชิต……”

“นวิยา”พิชิตที่เพิ่งจะเสร็จจากการผ่าตัด และเดินออกมาจากห้องผ่าตัด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า“ โทรหาผมมีอะไรหรือเปล่า ?” “พิชิต เรื่องที่เราคุยกันเมื่อครั้งที่แล้ว คุณเก็บไปคิดแล้วตัดสินใจยังไง?” นวิยากำโทรศัพท์ในมือแน่นแล้วถามออกไป

พิชิตหลุบตาลง “ขอโทษด้วยนวิยา ผมตอบตกลงไม่ได้ ……”

“ไม่ คุณต้องตอบตกลง ยังไงคุณก็ต้องตอบตกลง!”นวิยาไม่รอให้เขาได้พูดจบ พูดขัดเขาขึ้นมาทันที น้ำเสียงแหลมคมและบาดแก้วหู

แม้พิชิตจะมองไม่เห็น แต่ก็จินตนาการได้ สภาพเธอในตอนนี้ จะบ้าคลั่งและน่ากลัวมากแค่ไหน

“นวิยา ตอนนี้คุณอยู่ที่คฤหาสน์ ใช้สติคิดไตร่ตรองยอมรับความผิด บางทีนัทธีอาจจะใจอ่อนยอมปล่อยคุณไปสักครั้ง หากจู่ๆคุณหนีไป มีแต่จะทำให้นัทธีโกรธมากยิ่งขึ้นก็เท่านั้น”พิชิตถอนหายใจ พูดเกลี้ยกล่อมด้วยความเหนื่อยล้า

นวิยาโกรธจนตัวสั่น“อะไรคือการทำให้นัทธีโกรธมากขึ้น คุณเองหรือเปล่าที่กลัวจะทำให้นัทธีต้องโมโห คุณมันคนขี้ขลาด ขี้ขลาดตาขาว!”

สีหน้าของพิชิตดำดิ่ง“คุณเห็นผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ ?”

“หรือไม่ใช่ ? คุณบอกว่าคุณชอบฉัน คุณรักฉัน แล้วทำไมคุณถึงไม่เคยสารภาพกับฉัน ถ้าไม่ใช่ขี้ขลาดแล้วมันคืออะไร ตอนนี้ฉันถูกขังอยู่ที่คฤหาสน์ ให้คุณมาช่วยฉัน คุณก็ไม่ยอมมา ไม่ใช่ขี้ขลาดแล้วมันคืออะไร?”นวิยาตวาดเสียงดัง

พิชิตยิ้มอย่างขมขื่น ในใจราวกับมีมีดทิ่มแทง เลือดไหลออกอย่างเจ็บปวด“คงใช่ ขอโทษด้วยนวิยา ที่คนขี้ขลาดแบบผมช่วยอะไรคุณไม่ได้”