War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1882
ตอนที่ 1,882 : อดีตจ้าววังนภา!
“เทียนเอ๋อ ลูกจงระวังให้มาก…แม้เค่อเอ๋อกับหลานสาวจำเป็นต้องช่วย! แต่แม่ก็มิอยากให้เจ้าต้องพลอยเกิดเรื่องไปด้วยอีกคน!!”
เมื่อรู้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดเดินทางออกจากตำหนักเมฆาครามไปยังภูมิภาคเบื้องบนเพื่อช่วยเค่อเอ๋อแม่ลูก ลี่หลัวก็ไม่คิดกล่าวห้าม หากแต่กำชับให้ต้วนหลิงเทียนระวังตัวให้มาก
“ข้าทราบดี ท่านแม่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
เช่นนั้นแล้วนับได้ว่าเขาได้บอกกล่าวร่ำลาบิดามารดาเรียบร้อย…
ต่อไปก็คือกล่าวบอกลี่เฟย คู่หมั้นที่เขายึดถือว่าเป็นภรรยาเขามานาน
“ไปเถอะ! ตัวเลวร้าย…เจ้ารีบไปช่วยน้องหญิงเค่อเอ๋อกับลูกให้ได้โดยเร็ว! แต่เจ้าต้องระวังให้มากอย่าได้หุนหันรู้หรือไม่?”
เมื่อทราบว่าเค่อเอ๋อถูกจับขังอยู่ในหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ ชะตากรรมยังตกอยู่กับจ้าวลัทธิที่กำลังจะออกจากการกักตัวฝึกตน ลี่เฟยก็ตระหนักได้ถึงอันตรายใหญ่หลวง
“ข้าจะทำให้สำเร็จ เจ้าไม่ต้องกังวล”
หลังกอดลี่เฟยอีกพักหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็คลายวงแขน ก่อนที่จะหันหลังจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เขาไม่กล้าหันกลับมา เพราะกลัวว่าหากหันกลับไปแล้วอาจจะหักใจออกเดินทางไม่ได้
ถึงแม้เขาจะมาอยู่ตำหนักเมฆาครามได้พักหนึ่งแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เพราะต้องไปประลองตามสัญญา 5 ปี เขาก็มักใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะฝึกฝน ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับลี่เฟยและลูกชายตัวน้อยเท่าไหร่
สำหรับเรื่องนี้เขาเองก็รู้ตัวดี ว่าเป็นสามีและพ่อที่แย่นัก!
เมื่อแยกกับลี่เฟยแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไปหาเซี่ยวหลันกับปี้เหยา
“เจ้าต้องเร่งรีบเดินทางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
เมื่อทราบว่าต้วนหลิงเทียนต้องไปแล้ว เซี่ยวหลันกับปี้เหยาก็ตกใจไม่น้อย ในแววตาดั่งสารทฤดูเผยความลังเลไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“ข้าต้องเร่งรุดไปยังลัทธิบูชาไฟให้เร็วที่สุดเพื่อหาทางช่วยเค่อเอ๋อแม่ลูก…หาไม่แล้วข้ากลัวว่าพวกนางจะเกิดเรื่อง!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยใจกังวล
“จริงสิ ชิ่งหรูยังไม่กลับมาหรือ?”
หลังจากที่กล่าวลาเซี่ยวหลันกับปี้เหยาและเตรียมตัวจากไป ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึง ชิ่งหรู ขึ้นมาได้ จึงกล่าวถามออกไป
ชิ่งหรูนั้นเป็นคนที่เขาว่าจ้างให้มาดูแลบ้าน ตอนที่เขาซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่อง และตอนที่บิดาพาทุกคนมาตำหนักเมฆาคราม นางก็ติดตามมาคอยดูแลรับใช้มารดาเขาเช่นกัน…
เขาเองก็มาอยู่ตำหนักเมฆาครามได้สักพักแล้ว แต่กลับไม่เคยเห็นชิ่งหรูเลย
เช่นเดียวกับปี้เหยาและเซี่ยวหลัน ชิ่งหรูเองก็ออกไปหาประสบการณ์ด้านนอกด้วยเช่นกัน แต่แม้พวกนาง 3 คนจะออกไปหาประสบการณ์ที่โลกภายนอกพร้อมๆกัน แต่มีแค่เซี่ยวหลันกับปี้เหยาที่เดินทางไปด้วยกัน
ส่วนชิ่งหรูเลือกที่จะพเนจรไปเพียงลำพัง จนตอนนี้นางยังไม่ส่งข่าวว่าจะกลับมาแต่อย่างใด
“ยังไม่”
เซี่ยวหลันกับปี้เหยาส่ายหัวออกมาพร้อมกัน
“หากนางกลับมาแล้ว ฝากพวกเจ้าทักทายนางแทนข้าด้วย…เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว ถนอมตัวด้วย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำลาเสร็จก็หันหลังเหินร่างจากไปทันที
เซี่ยวหลันกับปี้เหยาได้แต่เหม่อมองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนห่างไกลออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความอื้ออึง…
กระทั่งแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนหายลับไปจากสายตาพวกนางสักพัก ทั้งคู่จึงค่อยดึงสติความคิดให้กลับคืนมาได้ หากแต่แววตายังเต็มไปด้วยความเศร้านัก…
“หากชีวิตนี้มีสักวันที่เขาปฏิบัติกับข้าได้สักครึ่งเหมือนที่ทำกับเค่อเอ๋อ ให้ข้าตายก็ไม่เสียดายแล้ว…”
เซี่ยวหลันกล่าวรำพันออกมาเบาๆ
“ข้าด้วย”
ปี้เหยาพยักหน้าเห็นด้วย
วาจารำพันปานเสียงกระซิบของสายลมจากสตรีทั้ง 2 แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้ยิน
หลังผละจากเซี่ยวหลันกับปี้เหยาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างไปยังเขตแท่นเมฆาครามทันทีเพื่อหาตัวกู่ลี่ เขาไม่เคยลืมสัญญาที่ให้ไว้กับกู่ลี่ว่าจะขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนด้วยกัน…
แท่นเมฆาครามก็เป็นสถานที่บ่มเพาะ ที่เหล่าศิษย์หัวกะทิของตำหนักเมฆาครามมาช่วงชิงกัน
หากเป็นก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนอาจมีความสนใจในการต่อสู้ไต่อันดับชิงแท่นเมฆาครามอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้พลังฝีมือของเขาก้าวข้ามเหล่าศิษย์ตำหนักเมฆาครามเหล่านี้ไปไกลแล้ว แท่นเมฆาครามแห่งนี้จึงไร้ความท้าทายให้เขาสนใจอะไรอีกต่อไป
“อ้าว น้องหลิงเทียน”
กู่ลี่ประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นต้วนหลิงเทียนมาถึงที่นี่แบบนี้ “เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนมาหามันด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่พ้นต้องมีเรื่องบางอย่างแน่!
แค่มันไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเท่านั้น…
“พี่กู่ท่านเตรียมตัวออกเดินทางเถอะ อีกราวๆครึ่งชั่วยามข้าจะมาหาท่าน…พวกเราจะออกจากภูมิภาคเบื้องล่างและไปยังภูมิภาคเบื้องบนกันเลย! ส่วนตอนนี้ข้าจะไปร่ำลาสหายของข้าก่อน เสร็จแล้วจะย้อนกลับมาหาท่าน”
ต้วนหลิงเทียนมาถึงก็กล่าวบอกเรื่องราวออกมาตรงๆ กล่าวจบก็รีบร้อนจากไปทันที ไม่รอให้กู่ลี่ที่ทำตาปริบๆตอบคำอะไร
เขาต้องรีบไปกล่าวคำลากับป๋ายลี่หง ลุงเฟิ่งและคนอื่นๆอีก
“จริงสิพี่กู่ เอาแบบนี้ดีกว่า…อีกครึ่งชั่วยาม ท่านไปพบข้าที่ห้องโถงหลักเลยก็ได้!”
ในขณะที่กู่ลี่กำลังอึ้งๆกับต้วนหลิงเทียนที่มาไวไปไว ในหูพลันได้ยินเสียงต้วนหลิงเทียนส่งมาถึงอีกครั้ง
“ไฉนน้องหลิงเทียนถึงได้แลดูรีบร้อนผิดปกตินัก…ช่างเถอะ อีกครึ่งชั่วยามค่อยไปถามดู”
กู่ลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวพึมพำออกมาด้วยความสงสัย
“ศิษย์น้อง เจ้าจะไปวันนี้แล้ว?”
ไม่เพียงแต่ป๋ายลี่หงจะอึ้ง เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆเองก็อึ้งไปเช่นกัน เมื่อได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนจะออกจากตำหนักเมฆาครามและไปภูมิภาคเบื้องบนวันนี้!
ต้องทราบด้วยว่าขณะที่ต้วนหลิงเทียนไปรับตัวพวกมัน ตอนเดินทางมายังตำหนักเมฆาคราม อีกฝ่ายก็บอกกล่าวไว้แล้วว่าจะอยู่ตำหนักเมฆาครามอีกสิบวันครึ่งเดือนถึงจะออกเดินทาง…
แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคล้ายลืมเลือนคำพูดก่อนหน้าไปอย่างสิ้นเชิง
“สถานการณ์เกิดความเปลี่ยนแปลง…”
เผชิญหน้ากับความสงสัยของป๋ายลี่หงและทุกคน ต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวอธิบายออกไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี “ข้าพึ่งได้ข่าวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของเค่อเอ๋อ…ตอนนี้ข้าเลยต้องรีบไปหานางที่ภูมิภาคเบื้องบนให้เร็วที่สุด”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงกับคนอื่นๆก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที
หากเป็นเพราะสาเหตุนี้เรื่องราวก็เข้าใจได้ไม่ยาก
เมื่อกล่าวคำอำลากับป๋ายลี่หงและคนอื่นๆดีแล้ว ครบกำหนดครึ่งชั่วยามต้วนหลิงเทียนที่จัดเตรียมของลงแหวนพื้นที่พร้อมสรรพ ก็ไปรวมตัวกับกู่ลี่ที่ห้องโถงหลัก
“น้องหลิงเทียน อยู่ๆเจ้ารีบร้อนจะไปภูมิภาคเบื้องบนแบบนี้ ใช่เกิดเรื่องอันใดหรือไม่?”
มีอะไรผิดแปลกไปสมควรมีปีศาจ!
กู่ลี่รู้สึกว่าการที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนกำหนดการณ์และเร่งรีบจะไปอย่างกะทันหัน สมควรมีเรื่อง้รายๆอะไรบางอย่างแน่!
และมันก็ได้รับฟังคำตอบจากต้วนหลิงเทียนทันที
พอได้รับทราบคำตอบหว่างคิ้วกู่ลี่ก็ย่นยู่เป็นปม กล่าวออกเสียงเครียด “เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันเลยเถอะน้องหลิงเทียน!”
และแล้วต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่ก็เร่งรุดออกจากตำหนักเมฆาครามไปด้วยกัน เหินร่างมุ่งหน้าขึ้นเหนือด้วยความเร็วสูง
หนทางไปยังภูมิภาคเบื้องบนอยู่ทิศทางนี้
“ตรงนั้นเป็นสถานที่ตั้งสาขาหลักของตลาดมืดหยินชาน…”
ไม่ทราบเหินร่างกันมาเนิ่นนานเท่าไหร่ กู่ลี่พลันชี้ไปเบื้องหน้าเยื้องไปทางซ้ายให้ต้วนหลิงเทียนว่ายตามองไป
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็หันไปมองทันที แต่เขาพบว่ามองไปก็เห็นเป็นเพียงม่านหมอกหนาทึบปกคลุมไปถึงท้องฟ้า ยากจะแลเห็นสิ่งใดที่อยู่เบื้องหลัง
กู่ลี่เองก็ไม่ได้รู้อะไรชัดเจน เพียงรู้สถานที่ตั้งของตลาดมืดหยินชานคร่าวๆเท่านั้น
ปง! ปง! ปง!
…
ทว่าทันใดนั้นเอง จากสถานที่ๆกู่ลี่ชี้ให้ต้วนหลิงเทียนมองไป คล้ายจะมีเสียงระเบิดดังสนั่นออกมาจากม่านหมอก
ยิ่งทั้งคู่เหินร่างมุ่งหน้าไปต่อเท่าไหร่ เสียงระเบิดนั่นก็ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ
“มีคนสู้กันอยู่…”
ต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่หันมามองสบตากันทันที…
“น้องหลิงเทียน พวกเราจะอ้อมไปเพื่อเลี่ยงพวกมันดี หรือจะตรงไปต่อโดยไม่ต้องสนใจพวกมัน?”
กู่ลี่มองถามต้วนหลิงเทียน
“อ้อมไปเถอะ…ข้าสัมผัสได้ว่าพลังฝีมือของพวกที่ตีกันอยู่ไม่ธรรมดา”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรีบร้อนไปยังภูมิภาคเบื้องบนนัก มีคำกล่าวที่ว่า ‘เพิ่มเรื่องหนึ่งไม่สู้ลดไปอีกเรื่องหนึ่ง’
(ยิ่งเรื่องน้อยยิ่งดี ไม่ต้องไปแกว่งเท้าหาเสี้ยน…)
นอกจากนี้จากเสียงระเบิดของพลัง และคลื่นพลังปั่นป่วนที่โชยมาในบรรยากาศยังบอกเรื่องราวได้ประการหนึ่ง…
อาศัยพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เขาบอกได้ทันทีว่าผู้ที่กำลังปะทะกันอยู่นั้นเป็นตัวตนที่อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพี ทั้งยังไม่ใช่แค่เซียนปฐพีขั้นต้นธรรมดาๆ!
“ได้!”
ในเมื่อต้วนหลิงเทียนบอกอ้อม กู่ลี่ก็เห็นดีเรื่องอ้อมไป เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเสมือนผู้นำ!
อย่างไรก็ตามในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่กำลังจะเลี้ยวอ้อมไปนั้น เสียงหัวเราะหนึ่งพลันดังก้องฟ้ามาให้ได้ยิน “เฝิงปู่อี้…วันที่เจ้าหยามข้าให้อัปยศ เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าตัวเจ้าจักมีวันนี้!?”
“จูลู่ฉีต่อให้วันนี้เจ้าฆ่าข้าได้ แต่เจ้าก็ไม่มีวันหนีความตายได้พ้น! ผู้ที่ฝึก ‘มารกลืนหยิน’ ล้วนถูกฟ้ากำหนดไว้แล้วว่าจักมิมีวันได้ตายดี!”
จากนั้นก็มีอีกเสียงดังขึ้น
อย่างไรก็ตามหากเทียบกับเสียงแรกแล้ว เสียงหลังนั้นค่อนข้างหดหู่ไม่น้อย
ได้ยินเสียงที่ดังก้องมาจากข้างหน้า กู่ลี่กับต้วนหลิงเทียนถึงกับหันมามองหน้ากันทันที ต่างเห็นถึงความตะลึงในแววตาอีกฝ่าย
เพราะเสียงแรกที่หัวเราะกล่าวนั้น…ไม่ใช่เสียงที่ไม่คุ้นหูทั้งคู่แต่อย่างไร!
“จูลู่ฉี!”
กู่ลี่สูดอากาศเข้าดังเฮือก!
“อ่า…เป็นเสียงจ้าววังจูจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็คุ้นเสียงนั่นดี มันเป็นเสียงของอดีตจ้าววังนภาของตำหนักฟ้าลี้ลับ จูลู่ฉี!
และฟังจากวาจาที่อีกฝ่ายกล่าว ตอนนี้คล้ายกำลังจะสู้อยู่กับเฝิงปู่อี้!
ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากเสียงตอบ ดูท่าเฝิงปู่อี้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจูลู่ฉีอีกต่อไป!
“พวกเราไปกันต่อเถอะพี่กู่”
ถึงแม้จะรู้แล้วว่าสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่เป็นใคร ต้วนหลิงเทียนก็ยังคิดจะอ้อมไปอยู่ดี
เพราะท้ายที่สุดแล้ว จูลู่ฉี ก็หาใช่จ้าววังจูในวันวานครั้งยังอยู่ตำหนักฟ้าลี้ลับอีกต่อไปไม่! อีกฝ่ายได้ก้าวเข้าสู่หนทางมาร แถมยังบ่มเพาะด้วยอวิชชาชั่วร้ายอย่างเคล็ด ‘มารกลืนหยิน’ ไปแล้ว! ใครจะไปรู้ว่าจะคุ้มดีคุ้มร้ายจนหันมาลงมือกับเขาและกู่ลี่หรือไม่?!
และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าพลังฝีมือของจูลู่ฉีตอนนี้แข็งแกร่งถึงระดับไหนแล้ว จึงไม่คิดจะเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
“เอาล่ะ”
กู่ลี่ที่ยกให้ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ตัดสินใจก็เห็นดีด้วยทันที
ปง! ปง! ปง!
……
เสียงระเบิดที่หยุดไปก่อนหน้า พลันดังก้องเข้าหูต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่อีกครั้ง
และหลังจากนั้นมันก็เงียบลงไปอย่างสมบูรณ์…
“สู้กันจบแล้วงั้นหรือ?”
กู่ลี่กล่าวถาม
“คงใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคำ
“ฟังจากเสียงคุยกันระหว่างจูลู่ฉีกับเฝิงปู่อี้ก่อนหน้า ดูท่าตอนนี้เฝิงปู่อี้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจูลู่ฉีอีกต่อไป…”
กู่ลี่กล่าวออกมาอีกครั้ง
“พี่กู่ หากจูลู่ฉีไม่มั่นใจว่าพลังฝีมือเหนือกว่าเฝิงปู่อี้ มันจะยังบุกมาเล่นงานเฝิงปู่อี้อีกหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้มแหย รู้สึกว่าวาจานี้ของกู่ลี่กล่าวซ้ำซ้อนเกินไปอยู่บ้าง
กู่ลี่ที่ได้ฟัง ก็หน้าม้านไปเล็กน้อย ค่อยคิดได้ว่าวาจานี้ของมันกล่าวมากความไปแล้วจริงๆ
ฟุ่บ!
ทว่าทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลมบางเบาแว่วมาทางนี้
อีกทั้งเสียงแหวกฝ่าสายลมยิ่งมาก็ยิ่งดังขึ้น!
“แย่แล้ว!”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที
ขณะเดียวกันกับที่สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไป กู่ลี่ก็พึ่งตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งกำลังพุ่งร่างไล่ตามมาจากด้านหลังด้วยความเร็วสูง พาลให้หน้ามันถอดสีไปเช่นกัน!
“ต้วนหลิงเทียน? กู่ลี่?”
ดั่งสายลมหอบหนึ่งพัดกรรโชกผ่านหน้าต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่ไป
ครู่ต่อมา เบื้องหน้าทั้ง 2 ก็ปรากฏร่างชายชราคนหนึ่งเหินลอยขวางอยู่!
ชายชราคนนี้สำหรับต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่แล้วนับว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าอันใด อดีตจ้าววังนภาตำหนักฟ้าลี้ลับ จูลู่ฉี!
จูลู่ฉีที่เหินมาดักหน้าต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่เอาไว้ ก็ชักสายตาไร้อารมณ์มองมา
“จ้าววังจู…นานแล้วไม่พบกัน”
ต่างจากหน้าที่เปลี่ยนสีสลับกลับกลายไปมาด้วยหวาดกลัวของกู่ลี่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนได้หวนคืนสู่ความสงบ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นฝ่ายริเริ่มกล่าวคำทักทายจูลู่ฉีก่อน…