War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1883
ตอนที่ 1,883 : กลับใจ…

เจอต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง จูลู่ฉีเลือกที่จะเรียกหาเขาว่าต้วนหลิงเทียนหาใช่หลิงเทียนอีกต่อไป…

เพราะในปีนั้นตอนที่ข่าวลือเรื่องต้วนหลิงเทียนครอบครองตราผนึกมารแพร่กระจายออกมา จูลู่ฉีเองก็ได้รับภาพเหมือนต้วนหลิงเทียนมาด้วย จูลู่ฉีจึงจดจำได้ทันทีว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าก็คือต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาคราม!

และอีกฝ่ายยังเป็นอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับ ‘หลิงเทียน’ อีกด้วย!

เพราะตอนที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางไปประลองตามสัญญา 5 ปีที่เผ่าพันธุ์มังกร การที่กู่ลี่กลับไปปรากฏตัวข้างๆจ้าวตำหนักเมฆาครามได้ ทำให้เรื่องการปลอมตัวของต้วนหลิงเทียนในอีตเปิดเผยออกมาทันที!

อัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของตำหนักฟ้าลี้ลับ!

อัจฉริยะที่เคยเป็นที่ตกตะลึงไปทุกขุมพลังกึ่งชั้น 3 ในอดีต ที่แท้เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม!

ด้วยมีข้อสรุปนี้พ่วงมา ทำให้เรื่องสัญญาประลอง 5 ปี แพร่กระจายไปฉับไวดั่งไฟลามทุ่ง!

คนอื่นๆพอได้ยินข่าวนี้อาจจะแค่ประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ทันทีที่จูลู่ฉีได้ยินข่าวนี้ เรื่องราวกลับแตกต่างออกไปแล้ว

เนื่องเพราะในอดีตมันก็คือจ้าววังนภาของตำหนักฟ้าลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นศิษย์วังนภา เช่นนั้นกล่าวได้ว่ามันกับต้วนหลิงเทียนก็เกี่ยวข้องกันในระดับหนึ่ง!

อย่างไรก็ตามมันไม่เคยคิดกระทั่งหลับยังไม่เคยฝันถึง ว่าอัจฉริยะดั่งสัตว์ประหลาดอย่างต้วนหลิงเทียน ที่แท้กลับเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามไปได้!

“อะไร? เจ้ามิกลัวข้างั้นหรือ?”

เห็นต้วนหลิงเทียนยังคงมีสีหน้าสงบทั้งกล้าริเริ่มกล่าวทัก จูลู่ฉีที่มือข้างหนึ่งหอบหิ้วศีรษะโชกเลือดพลันกล่าวถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

แม้ศีรษะในมือจะชุ่มโชกไปด้วยเลือด แต่ต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่ก็จดจำได้ดีว่านั่นเป็นหัวของเฝิงปู่อี้ รองผู้นำตลาดมืดหยินชาน!

เฝิงปู่อี้ไม่เพียงถูกจูลู่ฉีฆ่า ยังถูกตัดหัวด้วย!

“ทำไมข้าต้องกลัวด้วยเล่า?”

ต้วนหลิงเทียนตอบคำถามจูลู่ฉีด้วยคำถาม

ครู่ต่อมาจูลู่ฉีกับต้วนหลิงเทียนก็เงียบไปไม่พูดคำ เพียงลอยร่างมองหน้ากันอย่างเงียบงัน

ทั้งคู่ไม่ทุกข์ร้อน หากแต่กู่ลี่ไม่อาจไม่ร้อนรน มันส่งเสียงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความกังวล “น้องหลิงเทียน จะอย่างไรจูลู่ฉีตอนนี้ก็หาใช่จ้าววังจูของตำหนักฟ้าลี้ลับในวันวานอีกต่อไป…มันบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดมารกลืนหยินแล้ว…ตอนนี้มันคือมารร้าย!!”

“เจ้าอย่าได้ประมาทเด็ดขาด…ให้ไม่แล้วเกิดไปยั่วโทสะอันใดมัน พวกเราซวยแน่!”

ตอนนี้กู่ลี่กลัวใจเหลือเกิน ว่าต้วนหลิงเทียนจะทำให้จูลู่ฉีมีโมโห!

จูลู่ฉีนั้น เมื่อสามารถสังหารรองผู้นำตลาดมืดหยินชานอย่างเฝิงปู่อี้ได้ นั่นหมายความว่าพลังฝึกปรือสมควรบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญไปแล้ว ไม่แน่เผลอๆก็อาจจะบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุด!!

ยอดฝีมือระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่มันจะตอแยด้วยได้!!

สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้น ถึงแม้จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดใช้ออกด้วยทุกสิ่ง แต่น่ากลัวว่ายังทำได้แค่ทัดเทียมกับยอดฝีมือชนชั้นเซียนปฐพีขั้นกลางเท่านั้น

ยอดฝีมือระดับนี้ หาได้นับเป็นตัวอะไรในสายตาจูลู่ฉีไม่!

เรื่องนี้กู่ลี่อนุมานเอาจากการประลองตามสัญญา 5 ปีที่พึ่งจบไป เพราะวันนั้นต้วนหลิงเทียนก็ทำได้แค่หลีกหลบตี้จิ่วไม่อาจปะทะด้วยตรงๆได้

ดังนั้นกู่ลี่จึงไม่คิดว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจพอจะสู้กับจูลู่ฉี!

จูลู่ฉีนั้นไม่ได้เหมือนกันกับตี้จิ่วที่เป็นเพียงเซียนปฐพีขั้นกลางชั่วคราวเพราะใช้เวทย์พลัง แต่เป็นยอดฝีมือที่พลังฝึกปรืออย่างต่ำๆก็ต้องเหนือกว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางขึ้นไป! หาไม่แล้วคงไม่อาจฆ่าเฝิงปู่อี้ที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางได้!!

“จ้าววังจู ที่ท่านตัดหัวเฝิงปู่อี้มาด้วยแบบนี้ คิดใช้มันประกาศให้ทุกคนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าล่วงรู้งั้นหรือ ว่าท่านเป็นคนฆ่ามัน?”

สุดท้ายเป็นต้วนหลิงเทียนที่กล่าวทำลายความเงียบออกมาก่อน

“มิผิด!”

จูลู่ฉีพยักหน้า “ต้วนหลิงเทียนเจ้านับว่าเฉลียวฉลาดนัก อย่างไรก็ตามนี่เจ้ามิได้กังวลจริงๆรึ ว่าข้าจะไม่ลงมือฆ่าเจ้า?”

ครู่ต่อมาลูกตาของจูลู่ฉีก็เผยประกายดุร้ายวูบวาบขึ้นมา

“อ้อ…แล้วท่านคิดทำแบบนั้นด้วยหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม

คราวนี้จูลี่ฉีถึงกับอึ้งไปจนไร้คำจะกล่าวแล้วจริงๆ มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะยังสงบอยู่ได้แม้กระทั่งตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

หลังมองสบตาต้วนหลิงเทียนเงียบๆไปอีกพักหนึ่ง จูลู่ฉีค่อยกล่าวออกมา “ย่อมไม่…”

“เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา”

ต้วนหลิงเทียนแย้มยิ้มออกมาอย่างไม่ยี่หระ

“เสี่ยวเฟยเซวียนกับศิษย์คนอื่นๆของข้า…ทุกคนเป็นอย่างไรแล้ว?”

สูดอากาศเข้าลึกๆคราหนึ่ง จูลู่ฉีพลันกล่าวถามออกมาเสียงอ่อน

“ตอนนี้ทุกคนสบายดี ไม่มีปัญหาอะไร”

ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้กล่าวตอบ เป็นกู่ลี่ที่กล่าวตอบออกมาเสียก่อน “หลังจากที่ท่านออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับไปได้พักหนึ่ง คนของสกุลจ้าวคิดสร้างปัญหาให้นางกับศิษย์คนอื่นๆ แต่ยังดีที่ได้ศิษย์น้องหลิงเทียนออกหน้าช่วยเหลือ ทุกคนจึงปลอดภัยดี แถมสุดท้ายน้องหลิงเทียนยังลงนามในสัญญาเป็นตาย กระทั่งฆ่าคนสกุลจ้าวที่มาระราน!”

“ตั้งแต่วันนั้นทุกคนจึงรับทราบกันดีว่าต่อให้มิมีอาจารย์เช่นท่าน ก็ไม่อาจรังแกพวกนางได้ง่ายๆ และมิมีใครกล้าสร้างปัญหาให้นางกับคนอื่นๆอีกเลย…”

กู่ลี่กล่าวตอบออกมาแบบนี้คล้ายมีเจตนา จะ‘ยกอ้างบุญคุณ’ ก็ไม่ปาน

และเป็นมันที่ต้องการกระทำแบบนั้นจริงๆ

ในสายตาของมันหากจูลู่ฉีรู้สึกติดค้างบุญคุณต้วนหลิงเทียนล่ะก็ บางทีอีกฝ่ายจะไม่ลงมือกับพวกมัน!

ถึงแม้ตอนนี้จูลู่ฉีจะไม่เผยเจตนาลงมืออะไรเลยก็ตาม…

แต่มันไม่อาจไม่ระวัง!

สุดท้ายมีเพียงระวังจึงแจวเรือข้ามฟากได้นับหมื่นปี!

“ขอบคุณเจ้า…”

ได้ยินคำของกู่ลี่ สีหน้าที่คล้ายมีกังวลก่อนหน้าของจูลู่ฉีพลันหวนกลับมากระจ่างแจ่มใส จากนั้นสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนยังคล้ายสำนึกบุญคุณอยู่หลายส่วน

“จ้าววังจูไม่ต้องเกรงใจไป…อย่างไรหวางเฟยเซวียนก็เป็นสหายของข้า แม้จะไม่ใช่ศิษย์ท่านข้าก็ไม่คิดนิ่งดูดายมองใครรังแกนางแต่แรก”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกพร้อมโบกมือปัดๆ

“มิว่าจะอย่างไรข้าก็ยังต้องขอบคุณเจ้า ข้าจูลู่ฉีรู้แยกแยะบุญคุณความแค้น!”

จูลี่ฉีกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าเองก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้น”

เหลือบมองไปยังศีรษะชุ่มเลือดในมือจูลู่ฉี ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับอย่างจริงจัง

หากไม่ใช่คนที่ยึดติดกับบุญคุณความแค้น ไหนเลยจูลู่ฉีจะยินดีตกต่ำลงถึงขนาดนี้เพื่อฆ่าเฝิงปู่อี้ มีหรือจะยอมฝึกเคล็ดมารกลืนหยินที่ใต้หล้าล้วนชิงชังรังเกียจจนใครเห็นก็อยากทุบตีราวกับมุกสิกข้ามถนน

“อย่างไรก็ตามแต่ ข้ามิคาดเลยจริงๆว่าที่แท้เจ้าจะเป็นถึงนายน้อยตำหนักเมฆาคราม…ต้วนหลิงเทียนเจ้าร้ายกาจยิ่ง! สามารถหลอกทุกคนกระทั่งข้าได้!!”

ทันใดนั้นคล้ายจูลู่ฉีนึกอะไรได้ มันมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงเปี่ยมอารมณ์ซับซ้อน สายตายังมองจี้ต้วนหลิงเทียนราวกับจะมองให้ทะลุ

แต่ถึงแม้จะมองจี้ทั้งกล่าวออกแบบนั้น จากทีท่าแววตาที่จูลู่ฉีเผยออก มันก็หาได้ตำหนิอะไรต้วนหลิงเทียนในเรื่องนี้ไม่

“จ้าววังจูท่านผิดแล้ว…ข้าไม่เคยคิดหลอกท่าน!”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ตอนที่ข้าไปยังตำหนักฟ้าลี้ลับ แม้ข้าจะรู้ว่าบิดาอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่ข้าไม่เคยรู้เลยว่าบิดาข้าเป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาคราม…ต่อมาหลังจากที่ข้ารู้ว่าข้าคือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ข้าก็รีบออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับเพื่อเดินทางไปหาครอบครัวข้าที่ตำหนักเมฆาครามทันที”

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ!”

กู่ลี่พลันพยักหน้ากล่าวออกเสียงเข้ม เพื่อยืนยันให้ต้วนหลิงเทียน

“ที่แท้เป็นเช่นนี้…”

จูลู่ฉีฟังแล้วก็ยอมรับ “เป็นข้ากล่าวโทษเจ้าผิดไป…”

เห็นได้ชัดว่าจูลู่ฉีไม่คิดสงสัยคำของต้วนหลิงเทียน เพราะต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องหลอกมันเลย

“จ้าววังจู ที่ท่านฝึกมารกลืนหยิน ทั้งหมดเพียงเพื่อแก้แค้นเฝิงปู่อี้?”

ต้วนหลิงเทียนมองถามจูลู่ฉีด้วยแววตาคมกล้า

ไม่คาดอยู่ๆต้วนหลิงเทียนจะกล่าวถามเรื่องนี้ออกมา พาลให้แววตาของจูลู่ฉีเปลี่ยนไปทันที ลูกตายังหดหยีลง!

“น้องหลิงเทียน!”

กู่ลี่ถึงกับใจร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันใด เร่งส่งเสียงถึงต้วนหลิงเทียนด้วยความกังวล “เจ้าจะถามเรื่องนี้ทำเพื่อ!?”

ในสายตาของกู่ลี่ เคล็ดมารกลืนหยินเสมือนแผลเป็นของจูลู่ฉี หากไม่มีใครไปแขวะเปิดก็ไม่เป็นไร แต่หากมีคนไปแขวะขึ้นมาน่ากลัวเก้าในสิบส่วนล้วนทำให้จูลู่ฉีมีโมโหแน่!

และตอนนี้คำถามของต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ต่างอะไรจากคว้านแขวะแผลเป็นของจูลู่ฉีให้เปิดเลย

“ใช่!”

อย่างไรก็ตาม นับว่าสร้างความประหลาดใจให้กู่ลี่นัก เผชิญหน้ากับคำถามจี้นี้ของต้วนหลิงเทียน จูลู่ฉีเพียงนิ่งคิดไปพักหนึ่งค่อยกล่าวตอบ

“เสียใจหรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอีกครั้ง

“ตอนแรกไม่…แต่หลังจากข้ามัน ยามนี้ข้าเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว…”

จูลู่ฉีระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน มองศีรษะเฝิงปู่อี้ในมืออีกครั้ง แววตายังกลายเป็นสั่นพร่า…

“ตอนนี้ท่านเสียใจแล้วจะทำอะไรได้ หรือท่านจะบอกว่าต่อไปสามารถเลิกกลืนกินพลังหยินและแก่นแท้โลหิตของสตรีได้?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามพร้อมส่ายหัวไปมา

“ย่อมได้”

อย่างไรก็ตามเหนือความคาดหมายของต้วนหลิงเทียนนัก จูลู่ฉีกลับพยักหน้าตอบคำเสียอย่างนั้น “เคล็ดมารกลืนหยินนั้น เดิมทีหาได้ใช้การกลืนกินพลังหยินและแก่นแท้โลหิตของสตรีเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะพลังไม่ มันใช้การดูดซับพลังหยินจากไอจันทรายามค่ำคืน กล่าวได้ว่าเป็นเคล็ดบำเพ็ญเต๋าแห่งมารขั้นสูงสุด! ทว่ากลับมีผู้คนปรับเปลี่ยนเคล็ดความดั้งเดิมของมัน เลือกจะใช้ทางลัดโดยการดูดกลืนพลังหยินจากอิสตรีและแก่นแท้โลหิต ซึ่งทำให้พลังฝึกปรือก้าวหน้ารวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าแทน…”

“ตอนนี้ในเมื่อข้าได้ล้างแค้นแล้ว…ต่อไปข้าก็ไม่คิดจะหวนไปเดินบนเส้นทางลัดนั้นอีก!”

จูลู่ฉีกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะมองไปยังศีรษะชุ่มเลือดในมือ

“ข้าหวังว้าจ้าววังจูจะสามารถทำตามที่กล่าวได้…”

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับจูลู่ฉีอีกครั้ง ก็หันไปพยักหน้าให้กู่ลี่ ก่อนที่จะเหินร่างจากไปโดยไม่คิดจะกล่าวลาจูลู่ฉี

และคราวนี้แทนที่จะอ้อม ต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะมุ่งหน้าขึ้นเหนือตรงๆแทน

ลอยร่างนิ่งค้าง มองส่งจนแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายไปลับไปยังขอบฟ้าไกลตา ในที่สุดจูลู่ฉีก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

มันหิ้วหัวเฝิงปู่อี้ไปยังสาขาหลักของตลาดมืดหยินชาน!

ตึงงง!!

ด้วยมีเสียงสนั่นที่ดังขึ้นบริเวณประตูหน้า อันเป็นทางเข้าของตลาดมืดหยินชานสาขาหลักแบบนี้ ทำให้คนของตลาดมืดหยินชานแทบทั้งหมดตื่นตัวทันที “เกิดอันใดขึ้น!?”

เมื่อมันพวกมันหันมองไปตามเสียง พวกมันก็พบสิ่งหนึ่งพุ่งลงมากระแทกพื้นหน้าประตูทางเข้าอย่างแรง…สิ่งนั้นกลับเป็นศีรษะคน!

และครู่ต่อมาพวกมันก็จำต้องตกตะลึงอีกครั้ง

“โปรดบอกผู้นำตู้กูด้วย ว่านี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่ ‘จูลู่ฉี’ มอบให้ตลาดมืดหยินชาน!”

คนของตลาดมืดหยินชานทั้งยามเฝ้าประตูไม่ทันได้มองให้ชัดว่าเป็นศีรษะใคร เสียงหนึ่งพลันดังลงมาจากฟ้าพอดิบพอดี

และพอได้ยินเสียงดังกล่าว ทุกคนที่เร่งรุดมายังประตูหน้าถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที

ถึงขนาดนี้แล้วหากพวกมันยังไม่รู้ว่ามีคนมาหาเรื่องตลาดมืดหยินชานถึงหน้าประตู! เกรงว่าชีวิตพวกมันที่อยู่มาหลายปีคงไร้ประโยชน์!!

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

พร้อมๆกับเสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไว เหนือน่านฟ้าบริเวณทางเข้าตลาดมืดหยินชานพลันปรากฏร่างคนของตลาดมืดหยินชานที่เร่งรุดมาตรวจสอบสถานการณ์!

ต่างทยอยกันเหินร่างขึ้นมาเพื่อตามหาตัวคนร้ายที่มาท้าทายตลาดมืดหยินชานถึงถิ่น!

น่าเสียดายที่ผู้ก่อเหตุคล้ายจะเหินร่างจากไปหลังกล่าววาจาจบคำ คนตลาดมืดหยินชานเมื่อขึ้นมาคนก็ไม่อยู่แล้ว แถมยังไม่มีร่องรอยใดๆให้สืบสาว…

“ท่านรองผู้นำ!”

ตอนนี้เองผู้คุมที่เฝ้าอยู่บริเวณประตูหน้าของตลาดมืดหยินชาน ก็ได้พบแล้วว่าที่แท้ศีรษะชุ่มเลือดนั้นเป็นของใคร!

ใบหน้านั้นหาใช่ใครอื่นไม่ แต่เป็นเฝิงปู่อี้ รองผู้นำตลาดมืดหยินชานของพวกมัน!

“ท่านรองเฝิงถูกสังหารแล้ว?”

“ท่านรองไม่เพียงถูกฆ่า กระทั่งยังถูกผู้คนตัดศีรษะมาประจานเช่นนี้…”

“แล้วนี่มือสังหารร้ายกาจปานใดกัน!?”

……

เหล่ายามทั้งหลายที่เฝ้าประตูอดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าสยดสยอง พวกมันไม่คิดเลยว่าในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ยังมีตัวโง่งมที่หาญกล้าท้าทายตลาดมืดหยินชานซึ่งๆหน้าแบบนี้อยู่อีก!

เจ้านั่นมันไม่กลัวความตายแล้วหรือไร!?

“ช้าก่อน! เมื่อครู่…คนผู้นั้นใช่เรียกหาตัวเองว่า จูลู่ฉี หรือไม่!?”

ไม่นานก็มียามคนหนึ่งนึกอะไรขึ้นได้ จึงโพล่งถามออกมาเสียงดัง!