ยู่ฉางตงยังคงนิ่งเงียบ
จี้ชิงชิงพูดต่อ“ลืมมันไปซะเถอะ แม้ว่าข้าจะพูดไปอีกมากแค่ไหนเจ้าก็ยังไม่เข้าใจข้าหรอก”
ยู่ฉางตงยิ้มจางๆมันเป็นยิ้มเพื่อการตอบสนองต่อคำพูดของนาง
“ถ้าหากไม่ใช่เพื่อเขาเจ้าคิดหรอว่าข้าจะออกจากมณฑลยู่อย่างง่ายดายแบบนี้ อย่าคิดว่าข้ายอมทำตามเจ้าก็เพราะเจ้าเหมือนเขากัน ยู่เฉิงไห่เองก็เป็นศิษย์พี่ของชายคนนั้น ถ้าหากข้าฆ่ายู่เฉิงไห่จริง เขาจะต้องเกลียดข้าไปชั่วชีวิตแน่”
“…”นับตั้งแต่ที่ยู่ฉางตงท้าทายกับยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ ด้วยดาบยืนยาว เพราะวีรกรรมทั้งหลายทำให้มีหลายคนเฝ้าติดตามเขา ฐานแฟนคลับของยู่ฉางตงมีตั้งแต่ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบจนถึงชาวเมืองทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามการที่เหล่าแฟนคลับจะมีโอกาสพบกับยู่ฉางตงเป็นไปได้ยาก มีเพียงคนที่ควรค่าแก่การต่อสู้กับยู่ฉางตงเท่านั้นที่จะได้เจอ และน้อยคนนักที่จะมีชีวิตรอดไปได้
“เอาล่ะข้าพูดมามากพอแล้ว ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ”
“ช้าก่อน”ยู่ฉางตงรีบหยุดนางไว้
“อะไร”จี้ชิงชิงหันกลับมา
“เจ้าดูมีรสนิยมดีใช้ได้ด้วยเหตุนี้ข้าจะแนะนำอะไรเจ้าไว้” ยู่ฉางตงหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะชี้ไปยังรองแม่ทัพที่อยู่ด้านซ้ายของจี้ชิงชิง “ฆ่าเขาซะ”
รองแม่ทัพคนนั้นตัวสั่นเขาได้แต่ก้าวถอยหลัง
จี้ชิงชิงขมวดคิ้วนางไม่รู้ว่ายู่ฉางตงต้องการอะไร
“ในเมื่อเจ้าหนีทหารเจ้าก็ควรจะอยู่กับคนรอบข้างที่เชื่อถือได้เท่านั้น…นี่เป็นเพียงคำแนะนำของข้า เจ้าจะฆ่าเขาไหมมันก็แล้วแต่เจ้า” ยู่ฉางตงยิ้มให้จางๆ
ถ้าหากจะพูดอีกนัยหนึ่งยู่ฉางตงต้องการจะบอกว่ารองแม่ทัพคนนั้นเกลือเป็นหนอนนั่นเอง
จี้ชิงชิงมองไปที่สีหน้าที่ไม่แยแสอะไรของยู่ฉางตงรองแม่ทัพคนนี้อยู่เคียงข้างนางมาหลายปีแล้ว เป็นธรรมดาที่นางควรจะเชื่อใจเขา แต่ด้วยเหตุผลอะไรที่ไม่อาจทราบได้ นางรู้สึกว่าชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวคนนี้ดูน่าเชื่อถือ
โจวฮุยรองแม่ทัพผู้ที่ถูกชี้ได้โค้งคำนับในทันที “ท่านแม่ทัพอย่าไปฟังคำโกหกของเจ้านั่น! ความภักดีที่ข้ามอบให้ท่านทั้งดวงตะวันและดวงจันทร์ต่างก็ยืนยันถึงมันได้ ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ ท่านแม่ทัพ!”
จี้ชิงชิงขมวดคิ้วพลังลมปราณได้เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของนาง นางเหลือบมองไปที่โจวฮุยก่อนจะถามออกมาอย่างจริงจัง “โจวฮุย…เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่รู้ถึงการเคลื่อนไหวส่วนตัวของข้าตลอด เจ้าเคยเปิดเผยข้อมูลข้าให้กับพวกเขาใช่ไหม”
“ท่านแม่ทัพ!”
“บอกเหตุผลที่ทำให้ข้าเชื่อเจ้ามา…”
มีหลายอย่างในโลกที่ไม่สามารถให้คำอธิบายได้แน่นอนว่าหญิงสาวผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในสนามรบย่อมที่จะไม่เข้าใจ แม้แต่คู่สามีภรรยาเองก็ยังไม่อาจเข้าใจกันได้หมด แน่นอนว่าเรื่องที่ยู่ฉางตงได้พูดมาย่อมทำให้จี้ชิงชิงรู้สึกไม่มั่นใจ
พรึ๊บ!
ไม่มีคำตอบอะไรจากปากของโจวฮุยตัวเขาเลือกที่จะวิ่งหนีไปแทน การวิ่งหนีของเขาไม่ต่างอะไรจากการยอมรับผิด
จี้ชิงชิงส่ายหัวด้วยความผิดหวังนางได้ยกนิ้วทั้งสองขึ้นก่อนที่จะชักดาบออกจากฝัก
ดาบพลังงานหลายสิบเล่มได้ก่อตัวขึ้นเป็นวงแหวนรอบตัวนาง
พรึ๊บ!พรึ๊บ! พรึ๊บ!
โจวฮุยกำลังจะใช้อวตารของตัวเองแต่ดาบพลังงานก็ได้เจาะทะลุหน้าอกของตัวเขาซะก่อน! โจวฮุยไม่มีแม้แต่โอกาสจะปกป้องตัวเองซะด้วยซ้ำ ไม่นานนักโจวฮุยก็ล้มลง
จี้ชิงชิงหันกลับมาใบหน้าของนางในตอนนี้ช่างไร้อารมณ์ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ”
“ไม่เป็นไร”ยู่ฉางตงตอบกลับมา
จี้ชิงชิงชื่นชอบมารยาทที่ดูสุภาพและอ่อนโยนของยู่ฉางตงดังนั้นนางจึงได้ถามออกมา “ให้ข้าได้รู้ชื่อของเจ้าได้ไหม”
ยู่ฉางตงหันกลับมาตัวเขาได้ผลักตัวออกจากพื้นดินเบาๆ ก่อนที่จะหายไปในป่าไผ่ม่วง เสียงของเขาได้ลอยตามมาก่อนที่ตัวของยู่ฉางตงจะหายวับไป “ชื่อของข้ามันไม่สำคัญหรอก ดูแลตัวเองให้ดี”
“ท่านแม่ทัพ”รองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังจี้ชิงชิงได้โค้งคำนับก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าหากจำไม่ผิด…คะ…คนคนนั้นก็คือยู่ฉางตง ดาบปีศาจแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า”
ดวงตาของจี้ชิงชิงเบิกกว้างนางรีบเดินตามรอยของยู่ฉางตงไป แต่น่าเสียดายที่นางไม่พบตัวเขา
แม้ว่ายู่ฉางตงจะสัญญาว่าจะไว้ชีวิตนางแต่มันก็ไม่ใช่เพราะว่าตัวเขาชอบนาง ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวขององค์ชายฉี ชินรู่ปิง จี้ชิงชิงหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปด หรือแม้แต่สาวสวยอีกมากมายแค่ไหน ยู่ฉางตงก็ไม่เคยมองเห็นหญิงสาวเหล่านั้นอยู่ในสายตา มันจะเป็นเช่นนี้ และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
…
ครึ่งเดือนต่อมา
เมืองทั้งห้าของมณฑลยู่ตกอยู่ภายในการควบคุมของสำนักอเวจี
ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็พักฟื้นตัวเองทุกคนต่างก็ฝึกฝนตัวเองเพื่อจะงอกเงยกลีบดอกบัวขึ้นมาใหม่
ภายใต้การรุกรานของศาลาปีศาจลอยฟ้าและสำนักอเวจีทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธจากสำนักต่างๆ ไม่กล้าที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในสงคราม
…
หนึ่งเดือนต่อมามณฑลชิงก็ล่มสลายตาม
สามเดือนต่อมามณฑลหยางเองก็เช่นกัน
ปัจจุบันสำนักอเวจีได้ครอบครองมณฑลทั้งเจ็ดแห่งแล้ว..
ในเวลาเดียวกันผู้ฝึกยุทธทั่วไปก็เริ่มที่จะผลิกลีบดอกบัวขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น
…
ณศาลาทิศใต้ ศาลาปีศาจลอยฟ้า
หมิงซี่หยินในตอนนี้กำลังนอนอยู่บนกิ่งไม้ตัวเขากำลังเฝ้ามองต้วนมู่เฉิงกำลังฝึกฝนอยู่บนหน้าผาอย่างเงียบๆ
“ศิษย์พี่สามนับจากนี้ไปท่านก็คือวีรบุรุษสำหรับข้า ท่านได้ตัดดอกบัวทองคำของตัวเอง ข้ารู้สึกชื่นชมท่านจริงๆ” หมิงซี่หยินยกมือให้กับต้วนมู่เฉิง
หลังจากที่อาจารย์ของพวกเขาเก็บตัวฝึกฝนต้วนมู่เฉิงก็ตัดสินใจที่จะตัดดอกบัวทองคำก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนตัวเองใหม่ ต้วนมู่เฉิงเป็นผู้ตัดดอกบัวทองคำด้วยตัวเอง
“ศิษย์น้องสี่ลงมานี่”
“ท่านพูดสิ่งที่ต้องการมาเถอะ…ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องลงไป”
ต้วนมู่เฉิงส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจ“ทำไมเจ้าไม่ยอมตัดดอกบัวทองคำกัน”
“ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นกันล่ะนั่นเป็นสิ่งที่ผู้ต้องการจะมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบทำกัน…ข้าไม่ได้คิดที่จะเป็นแบบนั้น” หมิงซี่หยินพูดต่อ “มีคนมากมายที่ไม่สามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบไปชั่วชีวิต แต่ถึงแบบนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังยอมตัดดอกบัวทองคำเพียงเพราะคนอื่นทำ เจ้าพวกนั้นน่ะมันบ้าไปแล้ว”
ต้วนมู่เฉิงเกาหัวคำพูดของหมิงซี่หยินฟังดูมีเหตุผล ถ้าหากไม่สามารถฝึกถึงขั้นที่แปดได้ การผ่าดอกบัวทองคำก็ไร้ความหมาย อะไรคือประโยชน์ของการผ่าดอกบัวทองคำเพื่อที่จะฝึกตัวเองไปถึงขั้นที่เก้าล่ะ การจะฝึกตัวเองจนไปถึงขั้นที่หกหรือขั้นที่เจ็ดได้มันก็ยากพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าการจะฝึกไปถึงขั้นที่แปดมันยากมากแค่ไหน การจะทำแบบนั้นได้คงจะได้กลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย แต่ยิ่งต้วนมู่เฉิงใช้ความคิดมากเท่าไหร่ ตัวเขาก็เริ่มคิดว่ามีบางอย่างที่แปลก ต้วนมู่เฉิงมองไปที่หมิงซี่หยินก่อนที่จะถามออกมา “ศิษย์น้องสี่ เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าใช่ไหม?”
“ไม่ไม่ ไม่! ข้ากำลังชมเชยท่านต่างหาก ศิษย์พี่ ท่านจะต้องกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้แน่!” หมิงซี่หยินรีบพูด
ต้วนมู่เฉิงเห็นด้วยกับคำพูดของหมิงซี่หยินตัวเขาตั้งตารอที่จะได้กลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ “แล้วทำทำไมศิษย์น้องเก้าถึงไม่ตัดดอกบัวทองคำล่ะ”
หมิงซี่หยินกางแขนออกมา“ศิษย์น้องไม่ต้องการ ใครจะกล้าไปยุ่งกับนางได้กัน”
นั่นเป็นความจริง
“ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่การที่จะฝึกไปถึงขั้นที่แปดได้โดยไม่ตัดดอกบัวทองคำก็ไม่ใช่เรื่องเสียเปล่าผู้อาวุโสทั้งสี่เองก็กำลังจะผลิกลีบดอกบัวกลีบที่สี่ได้แล้ว”
ต้วนมู่เฉิงตกใจที่ได้ยินแบบนั้น“พวกเขาจะทำได้ในเร็วๆ นี้อย่างงั้นเหรอ”
หมิงซี่หยินส่ายหัว“ก็ไม่แน่ ในตอนที่ข้าเขียนจดหมายให้กับศิษย์น้องเจ็ดเมื่อสามเดือนก่อน ในตอนนั้นข้าเขียนไปก็เพราะจะแจ้งข่าวของหอยสังข์ ศิษย์น้องเล็กคนใหม่ของพวกเรา ศิษย์น้องเจ็ดได้ส่งจดหมายกลับมา…ท่านลองเดาดูสิว่าเขาตอบกลับมาว่าอะไร”
เมื่อต้วนมู่เฉิงได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็ขมวดคิ้ว“บอกมาเลย เจ้าจะทำตัวลีลาน่ารำคาญไปทำไมกัน”
“ศิษย์น้องเจ็ดบอกว่ามียอดฝีมือผู้ใช้ดาบที่สามารถฝึกฝนตัวเองใหม่จนมีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบแล้ว”
“…”ต้วนมู่เฉิงตกใจเป็นอย่างมาก
“ชายคนนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือผู้ที่เคยมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบมาก่อนก่อนที่จะตัดดอกบัวทองคำออกมา การที่เขาจะฝึกฝนตัวเองใหม่ให้ก้าวกระโดดได้แบบนั้นเป็นความเร็วที่น่าตกใจมาก ข้าคิดว่าคนคนนั้นจะต้องผลิกลีบดอกบัวอีกกลีบในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมาแน่ ท้ายที่สุดแล้วการผลิกลีบดอกบัวใหม่อีกครั้งจะเร็วขึ้นเมื่อทำการฝึกฝนใหม่ ข้าไม่คิดว่าสำนักอื่นๆ จะฟื้นฟูตัวเองช้าเหมือนกัน” หมิงซี่หยินพิงอยู่บนลำต้นของต้นไม้ ตัวเขาเหลือบมองต้วนมู่เฉิงจากหางตา “เอ๊ะ ท่านจะไปไหนกันศิษย์พี่?”
“ข้าจะไปฝึกฝนที่ใต้น้ำตกถ้าหากไม่มีอะไรสำคัญก็อย่าได้กวนข้าซะล่ะ” ต้วนมู่เฉิงรีบกระโดดลอยตัวก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
…
ในขณะเดียวกันที่ประตูบานหนึ่งมันเป็นประตูของห้องที่ดูลึกลับและดูมืดมิด ณ เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
“ท่านปู่ข้าหลิวจือเอง” เสียงของใครบางคนดังมาจากที่ที่ดูแสนไกล
แม้ว่าจะส่งเสียงเรียกแต่ประตูห้องลับก็ไม่ถูกเปิด
“เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์กำลังถูกรุกราน!ข้าอยากจะพบท่านจริงๆ ท่านปู่!”
เมื่อหลิวจือได้พูดแบบนั้นประตูหินก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นมา มันเริ่มเปิดออก
ครืดด!
หลิวจือดูมีความสุขตัวเขาได้ยกแขนเสื้อก่อนที่จะก้าวไปที่ด้านในห้องอย่างระมัดระวัง
ห้องลับที่ซ่อนอยู่หลังประตูกว้างใหญ่มากดูเหมือนว่ามันจะเป็นโลกอีกใบก็ว่าได้ ภายในห้องลับมีของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชั้นตำราต่างๆ ตำราโบราณ คู่มือการฝึกวรยุทธ วิธีการฝึกฝนของสำนักต่างๆ รวมไปถึงคลังแสงอาวุธ
ชายชราสวมเสื้อคลุมยาวกำลังนั่งอยู่ที่ใจกลางห้องอย่างเฉื่อยชาเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ภายในห้องแห่งนี้ แหล่งแสงเพียงแสงเดียวส่องออกมาจากตัวเขา
“ท่านปู่!”หลิวจือคุกเข่าด้วยความเคารพ
ห้องลับเงียบสงบมาก
หลิวจือไม่กล้าพูดอะไรอย่างประมาท
หลังจากนั้นชายชราก็ลืมตาขึ้น
“โลกคิดว่าข้าได้จากไปนานแล้วและข้าก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเรื่องทางโลกอีก เจ้ากล้าดีนะที่จะมาหาข้าเพราะเรื่องนี้” ชายชราคนนี้ก็คือหลิวเก้อจักรพรรดิหย่งโชว ชายคนนี้ก็พ่อของจักรพรรดิหย่งชิงผู้ล่วงลับไปแล้ว!
หลิวจือยังคงคุกเข่าก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ“ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะรบกวนท่าน แต่…ตอนนี้ดินแดนหยางตกอยู่ในความวุ่นวาย ศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างยู่เฉิงไห่ได้อาละวาดไปทั่ว”
“หลิวกู่อยู่ที่ไหนกัน”
“เสด็จพ่อ…แม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับสำนักอเวจีได้!” หลิวจือตอบกลับ
หลิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นตัวเขาก็ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าพ่อของเจ้าหรอก นอกจากนี้ข้ายังเป็นแค่คนแก่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง”