บทที่ 509 มีลูกอีกคนดีหรือไม่?
บทที่ 509 มีลูกอีกคนดีหรือไม่?
องค์รัชทายาทยินยอมที่จะไปส่งลู่เหยากลับอย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่าไม่ใช่!
แต่คนทางฝั่งของหลินซือต่างก็เป็นคนที่ตนเองไม่รู้จักมักคุ้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำอะไรได้บ้าง แล้วยังต้องเห็นหลินซืออยู่กับเจี่ยงเถิง ตนเองก็ไม่สามารถโกรธหรือแสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมาได้
เขาในร่างขององค์รัชทายาทน้อยนี้ ช่างน่าอึดอัดเสียจริง!
ลู่เหยาและองค์รัชทายาทเดินไปตลอดทาง จากความกลัวในตอนเริ่มต้น มาถึงความสุข และความเจ็บปวดในท้ายที่สุด
องค์รัชทายาทไม่มีความสุข เป็นเพราะไม่สามารถพบกับหลินซือได้อย่างนั้นหรือ?
เด็กหญิงรู้สึกผิดขึ้นภายในใจ จู่ ๆ ก็หยุดฝีเท้าลง รวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยขึ้นกับองค์รัชทายาท “ฝ่าบาท ถ้าหากทรงไม่สบายใจ ฝ่าบาทจะกลับไปดูก็ได้นะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้มีเรื่องอันใด ที่นี่เองหม่อมฉันก็คุ้นเคย สามารถหาทางกลับบ้านได้เจ้าค่ะ”
องค์รัชทายาทกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และมองดูเด็กน้อยที่อยู่ไกล ๆ จึงรู้สึกขบขันภายในใจ “เสร็จแล้ว ข้าไม่กลับไปแล้ว แล้วที่นี่คือบ้านเจ้าหรือ? ตระกูลลู่?”
ถ้าให้พูดความจริง ชีวิตในชาตินี้ช่างต่างจากชาติที่แล้วเป็นอย่างมาก
ในชาติที่แล้วนายท่านลู่เป็นบุคคลสำคัญต่อบ้านเมืองคนหนึ่ง เป็นเพราะการก่อกบฏในชาตินี้ จึงไม่อาจเข้าไปในราชสำนักได้อีกตลอดชีวิต
ตู้เหิงในชาติที่แล้วก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับนายท่านลู่
มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่เหมือนกัน นั่นก็คือพระสนมตู้ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว!
ลู่เหยาพยักหน้าเบา ๆ “ท่านพ่อตระกูลลู่ ท่านแม่ตระกูลตู้เพคะ”
องค์รัชทายาทพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ “ไปกันเถอะ ไปดูจวนของเจ้า”
เขาไม่ต้องการที่จะกลับวัง และก็ไม่อยากกลับไปที่ถนนเส้นหลัก จึงทำได้เพียงไปดูจวนของเด็กหญิงตัวน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาอยู่ที่ไหนก็จะเกินความคาดหมายอยู่แล้ว
ลู่เหยารู้สึกปลื้มปีติ “จวนของหม่อมฉัน? ฝ่าบาทจะไปจวนของหม่อมฉันหรือเพคะ?”
องค์รัชทายาทรู้สึกสับสน “ทำไม? หรือเจ้าไม่สะดวก?”
เขาไม่เข้าใจ ว่าที่จักรพรรดิในอนาคตไปเยี่ยมจวนของขุนนาง มีอะไรไม่เหมาะสมด้วยหรือ?
ลู่เหยาส่ายหน้า “เพียงแค่ตกใจเพคะ หม่อมฉัน…หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ออกมาเพื่อพบกับหลินซือ”
เด็กหญิงกล่าวจบอย่างรวดเร็ว เห็นใบหน้าของเขามืดมนไป จึงรู้ได้ว่าตนเองนั้นพูดผิดไปแล้ว นางจึงก้มศีรษะและยิ้มแห้ง ๆ “ฝ่าบาทเชิญทางนี้เพคะ”
พูดจบ เด็กหญิงรู้สึกกลัดกลุ้มภายในใจ
ตั้งแต่เด็กนางเป็นคนไม่ค่อยพูด จึงมองคนไม่ค่อยออก เมื่อพบกับคนที่ตนเองชอบ เมื่อพูดได้ไม่กี่ประโยคก็ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเสียแล้ว
องค์รัชทายาทเห็นเด็กสาวตัวน้อยที่เดินอยู่ด้านหน้ามีท่าทางน้อยใจ จึงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ตัวของเขาเองจริง ๆ ก็ไม่ใช่เด็กน้อย อีกทั้งไม่ถือสาในคำพูดของนาง เพราะนางยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
เขาถอนหายใจ “ลู่เหยา ข้าไม่ได้โกรธ เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้เลย”
องค์รัชทายาทไม่เข้าใจ เหตุใดตนจึงต้องอธิบายให้เด็กคนนี้ด้วย
ลู่เหยาหันหน้ามา หลังจากแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธ เด็กหญิงก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้ “ฝ่าบาท หม่อมฉันพูดไม่เก่งมาตั้งแต่เด็ก ๆ ขอบพระทัยฝ่าบาทเป็นยิ่งนักที่ไม่คิดเล็กคิดน้อยเพคะ”
“เจ้าเด็กน้อย พูดผิดแล้วมันจะเป็นเยี่ยงไรเล่า? เอาละ พวกเราไปเล่นกันที่จวนของเจ้าดีไหม พอดีเลย วันนี้ควรจะทำโคมไฟใช่หรือไม่? ข้าเองก็ยังไม่เคยทำเลย และวันนี้ก็ไม่ต้องทำอะไร เช่นนั้นพวกเรามาทำโคมด้วยกันเป็นอย่างไร?”
เขาชอบเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ อย่าไปพูดถึงน้องสาวคนนั้นของตนเลย บ้า ๆ บอ ๆ ในวันข้างหน้าหากเขาได้เป็นจักรพรรดิ เวลาอยู่ต่อหน้าเสด็จแม่ เขาจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย
หลินซือที่ตนเองต้องการ นางเองก็ไม่ใช่คนที่อบอุ่น
บางทีอาจเป็นเพราะรอบ ๆ ตัวเขาไม่มีสตรีอย่างที่ตนต้องการ จู่ ๆ ได้พบกับคนที่เชื่อฟัง จึงเกิดความรู้สึกอยากที่จะดูแล
ลู่เหยารู้สึกประทับใจ “ฝ่าบาทมีเมตตาทำโคมกับหม่อมฉันหรือเพคะ?”
เด็กหญิงตกใจที่ได้รับความเมตตาถึงเพียงนี้
คนในวังล้วนแต่บอกว่าองค์รัชทายาทนั้นนิสัยไม่ดี แต่เท่าที่นางได้สัมผัสเพียงไม่กี่ครั้ง กลับรู้สึกว่าพระองค์ช่างเป็นคนดีนัก
องค์รัชทายาทรู้สึกขบขัน “เจ้าเด็กคนนี้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ประทับใจแล้วหรือ? พวกเราก็ล้วนเป็นเด็ก เล่นของเล่นมันมีอะไรผิดหรือ? ก็แค่ทำโคม ใช่รับประทานอาหารร่วมกันเสียเมื่อไหร่”
นอกจากนี้การรับประทานอาหารกับหญิงที่น่ารักเช่นนี้ มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรไม่ดี?
ลู่เหยาส่ายหัว “ท่านแม่บอกว่าข้าโง่ ประกอบกับที่จวนเข้มงวดเป็นอย่างมาก ข้าจึงไม่ค่อยมีสหายเพคะ”
จู่ ๆ องค์รัชทายาทก็รู้สึกเชื่อเด็กน้อยคนนี้
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่มีปัญหา หลังจากนี้ข้าจะเป็นสหายกับเจ้า”
ลู่เหยามององค์รัชทายาทที่กำลังเดินตรงไปข้างหน้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวังสำหรับอนาคต
นางพลางคิดว่าจะต้องเปลี่ยนให้ตนเองโดดเด่นกว่านี้ เพื่อที่จะได้เป็นสหายของพระองค์ได้อย่างภาคภูมิ
ลู่เหยาไม่ชอบศิลปะทั้งสี่แขนง อีกทั้งไม่ชอบศาสตร์แห่งขงจื่อ
แต่ว่าตอนนี้เด็กหญิงกลับรู้สึกว่าจะต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นให้มากขึ้นเสียแล้ว
ท่านแม่หวังจะให้นางแต่งงานกับองค์รัชทายาท ก่อนหน้านี้นางไม่เคยพบพระองค์ แต่ว่าตอนนี้นางชอบและชอบองค์รัชทายาทเข้าจริง ๆ แล้ว
สายเลือดแห่งมังกรยังคงไม่รู้ตัวว่าถูกเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งชอบเข้า
หลังจากนี้ทั้งสองต่างก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาตลอดทางจนถึงจวน
ตู้เหิงที่กลับมาตั้งแต่แรกก็รู้ว่าลูกสาวของตนและองค์รัชทายาทออกไปดูโคม
เหตุผลที่เขาสามารถหลบออกมาได้อย่างราบรื่นควรจะยกความดีความชอบให้กับนาง
ตู้เหิงนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ มองดูเกล็ดหิมะที่ตกข้างนอก และมองดูโคมไฟในจวน
ไม่กี่ปีมานี้ นางไม่รู้สึกว่าโคมไฟนั้นสวยงามอีกต่อไป
ตั้งแต่นางไม่ได้อยู่กับหลินเหรา หญิงสาวก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบก็ได้พังทลายลงไปแล้ว
ที่เป็นเช่นนี้ทั้งหมดก็เพราะว่าเหยาซูยังมีชีวิตอยู่
ตู้เหิงรู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ลงมือสังหารเหยาซู
เมื่อลูกสองคนของตระกูลหลินถูกลักพาตัว พวกเขาไม่ควรนึกถึงใบหน้าของหลินเหรา และควรที่จะฆ่าพวกเขาเสีย
เมื่อเหยาซูและหลินเหราแยกทางกัน เช่นนั้นแล้วนางก็จะได้อยู่ด้วยกันกับหลินเหราใช่หรือไม่?
ตู้เหิงมีความคิดเช่นนี้ ก่อนเงยหน้ามาดื่มสุรา
ลู่หัวกำลังกอดอนุภรรยาทั้งสองอยู่บนศาลาที่อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มมองดูตู้เหิงจากไกล ๆ หากจะกล่าว ตู้เหิงนั้นงดงาม ไม่ใช่แค่บุตรสาวแห่งตระกูลตู้ที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนในเมืองหลวง
แต่ต่อให้งดงามเพียงใด ถ้าไม่น่าสนใจ ก็ไร้ความหมาย
ไม่กี่ปีมานี้ลู่หัวและตู้เหิง นอกจากดื่มสุราหนึ่งครั้งและได้มีความสัมพันธ์โดยบังเอิญ ทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีก
ตู้เหิงมัวแต่สนใจในกิจการค้าขาย นางเชี่ยวชาญในทุก ๆ เรื่องยกเว้นเรื่องของเขา และชายหนุ่มที่ทุก ๆ หนึ่งเดือนจะมีอนุภรรยาเพิ่มหนึ่งคน อีกทั้งไม่อยู่ในจวน
ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแค่บางโอกาสที่สำคัญเท่านั้น
ตู้เหิงเมามาย หญิงสาวเอียงศีรษะ ไม่รู้ว่านางคิดเรื่องอะไรอยู่ในใจ มุมปากนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย
สาวงามก็คือสาวงาม ต่อให้จะโมโหโกรธา ก็ไม่อาจละสายตาได้
อย่ามองว่าตู้เหิงนั้นเลยวัยแรกแย้มไปแล้ว ความงามเช่นนี้เป็นความงามที่สตรีตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นไม่อาจมีได้
ลู่หัวใจเต้นแรง ชายหนุ่มโบกมือให้กับอนุภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ “พอแล้ว พวกเจ้าลงไปเถอะ”
ทั้งสองลงไปอย่างว่าง่าย
ลู่หัวเข้าไปหาตู้เหิงและนั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว “เป็นอะไรไป? ฮูหยินกลับมาก็ดื่มสุราอย่างเดียว หรือว่ามีเรื่องรบกวนใจเจ้า?”
ตู้เหิงกำลังนึกถึงอดีต ย้อนระลึกถึงครั้งเมื่อชาติก่อน นึกถึงความดีงามเหล่านั้นของลู่หัว
ทั้งสองชาติของนาง หญิงสาวสนใจบุรุษเพียงแค่สองคน คนแรกก็คือหลินเหรา น่าเสียดายที่เขาไม่หวงแหนนางแต่กลับเกลียดชังนางด้วยซ้ำ บุรุษอีกหนึ่งคนคือชายหนุ่มที่นางแต่งงานด้วยทั้งสองชาติ นั่นก็คือลู่หัว
ตู้เหิงมองลู่หัวที่เข้าวัยกลางคนตรงหน้านาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา และน้ำเสียงของการเยาะเย้ย “เหตุใดท่านจึงมาที่นี่? ทำไม? มาหัวเราะเยาะข้ารึ? ภรรยาของท่านผู้นี้ดูแล้วน่าขบขันนักหรือ?”
ว่าพลางหญิงสาวก็ร้องไห้ออกมา
ท่าทางของหญิงงามราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ ลู่หัวจึงรู้สึกสงสารเป็นธรรมดา
จากคำพูดของหญิงสาว ทำให้สัมผัสถึงความรักที่นางมีต่อเขา ชายหนุ่มเข้าไปใกล้และกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นนางคล้อยตามอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มจึงคลี่ยิ้มอย่างพอใจและจับแขนนางเอาไว้
ลู่หัวเอ่ยขึ้น “ฮูหยิน เจ้าสนใจข้าหรือ?”
ตู้เหิงเอ่ยขึ้นด้วยความน้อยใจ “สนใจท่าน? แล้วมันได้อะไรขึ้นมา? ท่านไม่เคยมีข้าในใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
หญิงสาวเมามายแล้ว คำตอบทั้งหมดก็พูดตามสัญชาตญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่นางคิดในใจ
ลู่หัวถอนหายใจ “เด็กโง่ เจ้ารู้ว่าข้ามีอนุมากมายเพียงนี้ แต่ข้าไม่เคยให้พวกนางตั้งครรภ์ลูกของข้าเลย ข้าจะยอมรับลูกของข้าก็ต่อเมื่อมันมาจากครรภ์ของเจ้า”
นี่คือความจริงใจ? ตู้เหิงเป็นคนที่เหมาะสมกับเขา ลูกของพวกเขาทั้งสอง สมควรที่จะเข้าไปอยู่ในโถงบรรพบุรษของตระกูล
ตู้เหิงเบ้ปาก ทำไมเขาจึงไม่ให้พวกนางตั้งครรภ์ นางก็เตรียมใจมาอย่างดีแล้ว
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีบุตรด้วยความบังเอิญ แต่อย่างไรแล้วก็เป็นบุตรของนาง ไม่สามารถทำเหมือนตอนที่นางอยู่ในจวนตระกูลตู้ได้
แต่คำพูดพวกนี้ นางเองก็ไม่เคยเอ่ยออกมาสักคำ
ลู่หัวระบายลมหายใจข้างหูของนาง “อาเหิง พวกเราตอนนี้มีลู่เหยาแล้วหนึ่งคน หรือว่า พวกเราจะมีอีกคนดี?”
ตู้เหิงสะลึมสะลือ ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
ลู่หัวถือว่านางเห็นด้วย จึงให้สาวใช้ของตู้เหิงไปเตรียมตัว ส่วนตนก็อุ้มตู้เหิงแยกออกมาอย่างไม่รีบร้อน
………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะกลายเป็นรักข้างเดียวหรือเปล่านะ รักเขาแต่เขายังมั่นคงแต่กับอาซือ แม้อาซือจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยก็ตาม
นังตู้เลิกอาฆาตพยาบาทต่ออาซูได้แล้ว คิดแค้นไปเหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดอยู่ดี
ไหหม่า(海馬)