บทที่ 510 อยากฟาดเขาเสียจริง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 510 อยากฟาดเขาเสียจริง

บทที่ 510 อยากฟาดเขาเสียจริง

ในขณะที่ลู่เหยาและองค์รัชทายาทกลับมา ลวี่เอ๋อร์สาวใช้ของตู้เหิงได้ออกมาก่อนแล้ว

ลู่เหยาประหลาดใจ “ท่านแม่ของข้าเล่า?”

“ฮูหยินกำลังพักผ่อนอยู่กับนายท่านเจ้าค่ะ คุณหนู ท่านผู้นี้คือ?”

ลู่เหยาทำท่าจะพูดและหยุดไป และในท้ายที่สุดก็เอ่ยว่า “เขาเป็นสหายของข้า ถ้าท่านพ่อและท่านแม่กำลังพักผ่อนอยู่ เช่นนั้นพวกเราไปเล่นที่ลานบ้านก็ได้ ข้าอยากทำโคมไฟ พวกเจ้าไปเตรียมของให้หน่อย”

“เจ้าค่ะ”

องค์รัชทายาทพินิจรอบ ๆ จวนตระกูลลู่ ถึงแม้ลู่หัวจะไม่มีตำแหน่งแต่ก็ใช้ชีวิตได้ดี

ในอีกด้านบนถนนสายหลัก

ในมือของหลินซือถือถังหูลู่ที่เจี่ยงเถิงซื้อให้เมื่อสักครู่ พลางมองดูพี่ใหญ่และไป๋หรูปิงที่อยู่ห่างไปไม่ไกล ก่อนจะหันไปซุบซิบกับเจี่ยงเถิง “วันพรุ่งนี้ ท่านแม่จะพาข้าและพี่ใหญ่ไปจวนตระกูลไป๋ ท่านว่าวันพรุ่งนี้พวกเราไปทำอะไร?”

เด็กสาวเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน เจี่ยงเถิงไม่ใช่คนเขลา แน่นอนว่าเด็กหนุ่มล้วนเข้าใจ

ไป๋หรูปิงเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว เกรงว่าฮูหยินไป๋จะต้องการเวลาอีกสองสามปี แต่กลับถึงขั้นดูตัวแล้ว

ความคิดของหลินจื้อที่มีต่อไป๋หรูปิง ใคร ๆ ต่างก็รับรู้ เห็นจะมีก็แต่ไป๋หรูปิงผู้เดียวที่ยังไม่ชัดเจน

เจี่ยงเถิงนึกถึงคำพูดที่สหายของตนเอ่ยกับตัวเอง เจี่ยงจึงแสร้งถามโดยไม่ได้ตั้งใจ “เอ้อเป่า เจ้าคิดว่าไป๋หรูปิงชอบพี่ของเจ้าหรือไม่”

ในด้านของเด็กสาว เขาเองก็สนใจเพียงหลินซือเท่านั้น คนอื่น ๆ เขาไม่เคยจะสนใจ

หลินซือกวาดสายตามอง และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ตั้งแต่เด็ก ๆ พี่ไป๋ก็ชื่อชอบพี่ชายของข้าแล้ว ท่านไม่รู้อะไร พี่ไป๋เองก็ดื้อรั้นเช่นกัน นางต้องคิดว่าการที่พี่ของข้าไม่ได้บอกไปตรง ๆ ก็คือไม่ได้ชอบเป็นแน่”

ว่าพลางหญิงสาวก็ดึงเจี่ยงเถิงมาอีกฝั่ง และก็คอยแอบสังเกตท่ารางราวกับเป็นโจร “พี่เถิง ท่านดู นี่มันเหมือนไม่ชอบหรือไม่? ยังต้องให้พูดอีกหรือ?”

สายตาของหลินซือจ้องมองไปข้างหน้า

ไป๋หรูปิงสวมชุดสีขาว ในมือคือโคมไฟรูปดอกบัว กำลังเงยหน้ามองดูปริศนาจากโคมไฟ

หลินจื้อใส่ชุดสีดำยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มจ้องมองไป๋หรูปิงอย่างลึกซึ้ง แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

หลินซือที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด มองดูคู่รักที่อยู่ไม่ไกลและกัดฟันของตนเงียบ ๆ “ท่านดูสิ ดวงตาของพี่ชายข้าที่จ้องมองพี่ไป๋อยู่ข้าง ๆ ยังจะต้องสารภาพอย่างไรอีก พี่ของข้าก็เหมือนพ่อข้า อ่อ ท่านบอกว่าให้ข้าไปถามท่านพ่อว่าตอนเริ่มจีบท่านแม่ทำเช่นไรบ้าง อาจจะดีกว่านี้นิดหน่อย?”

นิสัยของหลินจื้อตอนนี้แทบเหมือนกับท่านพ่อทุกประการ เคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้ม สง่าผ่าเผยเป็นอย่างมาก

เจี่ยงเลิกละสายตาจากไป๋หรูปิงและหลินจื้อ กลับมามองหลินซือ เด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ ยิ้ม “เจ้านี่ล้วนรู้ไปเสียทุกเรื่อง”

เหตุใดเมื่อเป็นความรู้สึกของผู้อื่น เอ้อเป่าจึงมองออกได้อย่างชัดเจน ส่วนเรื่องของตนเองนั้น…

เป็นไปได้ไหมที่เอ้อเป่าอาจจะคิดกับเขาเพียงแค่พี่น้อง

ไม่ได้ ไม่ว่าเอ้อเป่าจะคิดกับเด็กหนุ่มเช่นไร ในท้ายที่สุดก็ต้องเปลี่ยนเป็นความรักหนุ่มสาว

เจี่ยงเถิงคิดก่อนจับมือเรียวของอาซือเดินออกไป

หลินจื้อและไป๋หรูปิงได้เดินไปไกลแล้ว

ในตอนที่หลินซือถูกเจี่ยงเถิงลากไปนั้น ก็พยายามดิ้นให้หลุดอยู่ขณะหนึ่ง ไม่ใช่เพราะว่าถูกกีดกัน แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าบุรุษและสตรีไม่ควรจูงมือกันเช่นนี้บนถนนใหญ่ มันไม่เหมาะสมเอาเสียเลย

แน่นอนว่าเจี่ยงเถิงสามารถสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของหลินซือ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจและเปลี่ยนเรื่องสนทนา “เอ้อเป่า เจ้าดูหิมะที่ตกจากท้องฟ้าแล้วรวมเข้าด้วยกันกับโคมสิ ดูแล้วเหมือนมีเป็ดมากมายเชียว”

หลินซือหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเจี่ยงเถิงเอ่ยขึ้นเช่นนี้ และคิดว่าตนเองนั้นอ่อนไหวเกินไป บางทีอาจเป็นเพราะว่าตนเองคิดมากไป พี่เจี่ยงเถิงคงกลัวว่าตนนั้นจะแอบหนีหายไปอีกครั้ง

ทั้งสองคนต่างก็ไม่ทันสังเกตว่าจากที่ไม่ไกลมาก มีคนผู้หนึ่งกำลังจ้องมองทั้งสองจับมือกันอยู่

หลี่จื้อสิงและเหยาเอ้อหลางยืนอยู่บนเนินสูง ทั้งสองถือเตาอุ่นมืออยู่ในมือ “เหยาเอ้อหลาง น้องสาวของเจ้านี่ช่างหลอกง่ายเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงเถิงผู้นั้นกำลังเอาเปรียบอยู่อย่างไร? เจ้าไม่เข้าไปจัดการหรือ?”

เหยาเอ้อหลางเหลือบมองไปด้านข้าง เด็กหนุ่มสวมเสื้อสีขาว ถึงแม้ว่าสีผิวของเขาจะดำคล้ำ แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่รูปงาม

เหยาเอ้อหลางเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน “เอาน่า เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เพราะเอ้อเป่าของครอบครัวเราเอาอวี้อวี้ของเจ้าไปแล้ว เจ้าก็เลยเพ่งเล็งเช่นนี้”

หลี่จื้อสิงหัวเราะเบา ๆ ในแววตาของเขาไม่อาจมองความรู้สึกใด ๆ ออก เด็กหนุ่มถามกลับ “เป็นไปได้ไหมที่บุตรสาวตระกูลหลินได้หมั้นหมายกับเจี่ยงเถิงแล้ว?”

เหยาเอ้อหลางตอบอย่างคลุมเครือ “เรื่องของบ้านท่านอาข้า ข้าไม่ค่อยรู้หรอก แต่เอ้อเป่ากับเจี่ยงเถิงก็เหมาะสมกันจริง ๆ ใช่ไหม?”

ไม่มีความรู้สึกในแววตาของหลี่จื้อสิง “ก็ใช่ ดังนั้น คุณหนูหลินอย่ารบกวนอวี้อวี้ของบ้านข้า รีบส่งคืนมาเสียดี ๆ”

เหยาเอ้อหลางจ้องเขม็ง “พูดจาเพ้อเจ้อ เอ้อเป่าและอวี้อวี้ของเจ้าไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ถ้าจะมีก็เป็นความสัมพันธ์ของนายจ้างลูกจ้างที่บริสุทธ์ ตนเองไม่สามารถหาได้ก็มาโทษเอ้อเป่าของพวกเรา เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฟาดเจ้า”

เมื่อเห็นว่าเขาปกป้องหลินซือ หลี่จือสิงจึงเบาเสียงลง “ข้ามองว่าคงจะมีแค่ต้าหลางและหลินจื้อที่ควบคุมเจ้าได้”

เมื่อชะงักไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็เห็นหลินซือแสดงรอยยิ้มที่โง่เขลาและหวานหอม “ถ้าจะพูด เจ้าคงวางใจกระมังที่กระต่ายน้อยของครอบครัวเจ้าถูกหมาป่าเจี่ยงเถิงหลอกล่อ”

เหยาเอ้อหลางหันหลังกลับและเดินไปโต๊ะที่อยู่ในห้อง เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝั่ง เด็กหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ และถามกลับ “เอ้อเป่าของครอบครัวข้าน่ะหรือเป็นกระต่ายขาวตัวเล็ก?”

เด็กผู้หญิงคนนั้น ที่อยู่ต่อหน้าครอบครัวของนางเองดูอารมณ์ดี อ่อนโยน และน่ารัก

แต่เด็กหนุ่มไม่เคยลืมว่าครั้งเมื่อตอนที่เอ้อเป่ายังเด็ก นางพาพวกเขาก่อเรื่องลับ ๆ อย่างไรบ้าง

หลี่จื้อสิงไม่เข้าใจเรื่องพวกนั้น จึงเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ข้าดูว่า อะไร ๆ นางก็ฟังเจี่ยงเถิง พี่ชายอย่างพวกเจ้าต่างก็ไม่กังวลอะไร”

เหยาเอ้อหลางรินสุราให้ตนเอง “มีอะไรที่น่ากังวลใจ หมาป่าตัวใหญ่ตัวนั้น ในตอนที่กระต่ายขาวยังเด็กก็เริ่มห่วงใยแล้ว ทั้งสองบ้านถูกกำหนดให้เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่เห็นมีสิ่งใดที่ต้องกังวล”

หลี่จื้อสิงเป็นบุตรชายคนเดียวของที่บ้าน เด็กหนุ่มต้องการน้องสาวมาตลอด

ท่านพ่อหลี่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและมีบุตรหลายคน ทว่าหลี่จื้อสิงเป็นลูกชายคนแรกของเขา

เขารู้สึกว่าความคิดของเหยาเอ้อหลางค่อนข้างสงบเกินไป ถ้าเขามีน้องสาวจริง ๆ เขาจะปกป้องนางอย่างดีและตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ชายร่างใหญ่คนนี้ทำลายมัน

เหยาเอ้อหลางไม่ต้องการที่จะพูดคุยในเรื่องนี้แล้ว เด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้าจะหาอวี้อวี้ไปเพื่ออะไร? ไม่ใช่ว่าชอบเขารึ?”

หลี่จื้อสิงเป็นบรุษที่กล้าแกร่ง และไม่เข้าใจว่าเอ้อหลางหมายความว่าอะไรจากคำว่าชอบคำนี้ เขากะพริบตาสองครั้งและพยักหน้า “ชอบสิ ทำไม?”

เด็กหนุ่มเสียดายพรสวรรค์และฝีมือของเขา ถึงแม้ว่าอวี้อวี้จะไม่สนใจตน อย่างไรเด็กหนุ่มก็จะแวะเข้าไปทักทายและพาเขากลับไปอีกครั้ง

เหยาเอ้อหลางเอ่ยขึ้นเบา ๆ “คาดไม่ถึงว่างานอดิเรกของเจ้าจะไม่เหมือนผู้ใด วางใจเถอะ เจ้าเป็นน้องข้า ข้าไม่มีทางที่จะรังเกียจเจ้าหรอก”

หลี่จื้อสิง “…”

คำพูดเป็นคำพูดที่ดี แต่เหตุใดฟังจากน้ำเสียงที่หยาบคายของเหยาเอ้อหลางแล้ว ทำเขาอยากจะฟาดอีกฝ่ายเสียจริง

…………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ถึงด้านความรักอาซือจะดูโง่เขลาตามไม่ทันคนอื่นไปบ้าง แต่ด้านอื่น ๆ ร้ายกาจอย่าบอกใครเลยนะ

แน่ใจเหรอว่าเสียดายฝีมือและพรสวรรค์ของเขาน่ะคุณชายหลี่ ท่าทางนี่คือหวงเขาแบบอยากกลืนเก็บไว้คนเดียวแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)