ตอนที่ 1023 งานเลี้ยงสังหาร (2) / ตอนที่ 1024 งานเลี้ยงสังหาร (3)
ตอนที่ 1023 งานเลี้ยงสังหาร (2)
คำพูดของจวินอู๋เสียเหมือนน้ำเย็นที่สาดเข้าใส่ชิงอวี่ที่กำลังร้อนรนให้สงบลง
“ถ้าอย่างนั้นทำไมนางถึงส่งเทียบเชิญนี้มาให้ท่านเล่าขอรับ” จวินอู๋เสียพูดถูก ด้วยพลังและสถานะในเมืองพันอสูรของชวีซินรุ่ย ถ้านางอยากฆ่าจวินอู๋เสียจริงๆ นางก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอ้อมค้อมเลย ยิ่งกว่านั้นเหตุการณ์นี้ก็ผ่านมาสักพักแล้วก่อนที่เทียบเชิญนี้จะถูกส่งมา
“นางอาจจะรู้สึกว่าสามารถใช้ประโยชน์จากข้าได้กระมัง” จวินอู๋เสียพูดเสียงเรียบ นางไม่คิดเลยว่าชวีซินรุ่ยจะส่งเทียบเชิญมาให้นาง และยังไม่รู้เหตุผลในการเชิญครั้งนี้อีกด้วย
“เช่นนั้น คุณชายจวินจะไปงานเลี้ยงหรือไม่ขอรับ” ชิงอวี่ยังคงรู้สึกกังวลอยู่
“เดาดูสิ” จวินอู๋เสียโยนคำถามกลับไป และชิงอวี่ก็ไม่พูดอะไรอีก
ถ้าจวินอู๋เสียไม่ออกจากเมืองพันอสูร นางก็ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของชวีซินรุ่ย แต่นางก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไรมากนัก ต่อให้ต้องเข้าร่วมจริงๆ การที่ชวีซินรุ่ยไม่ได้พยายามฆ่านางในทันทีแสดงว่าชวีซินรุ่ยก็จะไม่ทำอะไรนางในระหว่างงานเลี้ยงวันเกิดด้วยเช่นกัน และนางอาจจะค้นพบเหตุผลที่ว่าทำไมนางถึงถูกเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย
หลังจากคิดเรื่องทั้งหมดแล้ว ชิงอวี่ก็ยังรู้สึกว่ามันอันตรายเกินไปอยู่ดี เขาจึงวิ่งไปหาสยงป้าเพื่อปรึกษาเรื่องนี้
ในห้องจึงเหลือแค่จวินอู๋เสียอยู่คนเดียว นางนั่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่ที่โต๊ะพลางรินชาให้ตัวเอง
“คุณหนูใหญ่” เยี่ยซาปรากฏตัวขึ้นในห้อง
“ในช่วงสองวันมานี้มีคนมาเฝ้าดูที่ตึกเพลิงพิโรธอีกหรือเปล่า” จวินอู๋เสียถาม ในคืนที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกินมังกรมายาเข้าไป เยี่ยซาก็จับได้ว่ามีคนแทรกซึมเข้ามาในตึกเพลิงพิโรธตอนกลางดึกและแอบอยู่นอกประตูห้องของนางเพื่อเฝ้าดูนาง
เยี่ยซาสัมผัสพลังวิญญาณของบุรุษผู้นั้นได้ว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงหรือสูงกว่า
ตั้งแต่ตอนนั้น จวินอู๋เสียก็รู้ว่านางได้ทำให้คนในหอเมฆาสวรรค์ไหวตัวขึ้นมาแล้ว คนผู้นั้นส่งคนมาเฝ้าสังเกตนางติดต่อกันหลายวัน แต่พวกเขาไม่เคยเปิดเผยตัวเอง ดังนั้นจวินอู๋เสียจึงรู้ว่าชวีซินรุ่ยจะลงมือในไม่ช้า
“สองวันมานี้พวกเขาไม่ได้มาเลยขอรับ” เยี่ยซาพูด
“ที่ข้าบอกให้เจ้าทำ ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับเหลือบตาขึ้นมอง
“เรียบร้อยแล้วขอรับ คุณหนูใหญ่วางใจได้เลย”
จวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างพอใจ
“คนที่มาที่นี่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เจ้าประเมินพลังของเขาได้หรือไม่”
“ข้าประเมินคร่าวๆ แล้วขอรับ” เยี่ยซาตอบ
“เทียบกับเจ้าแล้วเป็นอย่างไร” จวินอู๋เสียถาม
เยี่ยซาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าน้อยสามารถเอาชนะเขาได้ขอรับ”
นั่นหมายความว่าพลังของศัตรูด้อยกว่าเยี่ยซา และความแตกต่างนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ
แม้ว่าเยี่ยซาจะไม่มีพลังวิญญาณ แต่พลังในการต่อสู้ของเขาก็สูงกว่าพลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั่วไป เมื่อจวินอู๋เสียได้ยินคำพูดของเยี่ยซา นางก็รู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย
“คุณหนูใหญ่ขอรับ” จู่ๆ เยี่ยซาก็พูดขึ้น
จวินอู๋เสียรับรู้อย่างเฉยเมยและยกถ้วยชาขึ้นจะดื่ม
“เยี่ยเม่ยส่งข่าวมาว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับคุณชายอู๋เย่าในอีกสองสามวันนี้ขอรับ” เยี่ยซารายงานเสียงต่ำ
ถ้วยชาในมือจวินอู๋เสียสั่นจนชาเกือบหก สีหน้าของนางยังคงเฉยเมยแต่นิ้วของนางขยับเล็กน้อย นั่นเป็นอาการอย่างเดียวที่ทรยศความรู้สึกของนาง
“อย่างนั้นหรือ” นางตอบอย่างไร้ความรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิด
“ขอรับ คุณชายอู๋เย่าสั่งให้เยี่ยเม่ยส่งข้อความมาบอกให้คุณหนูใหญ่ดูแลตัวเองให้ดีๆ รอคุณชายกลับมาขอรับ” เยี่ยซารายงานข้อความที่เยี่ยเม่ยส่งมาแบบคำต่อคำ
จวินอู๋เสียลดสายตาลง มองเงาสะท้อนของตัวเองในถ้วยชา
“เข้าใจแล้ว”
ตอนที่ 1024 งานเลี้ยงสังหาร (3)
พอสยงป้ารู้ว่าชวีซินรุ่ยส่งเทียบเชิญมาให้จวินอู๋เสียเพื่อเชิญจวินอู๋เสียให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของนาง เขาก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที และรีบพุ่งตรงมาที่ห้องของจวินอู๋เสีย ก่อนจะผลักประตูห้องให้เปิดออกพร้อมกับโวยวายว่า “ท่านไปงานเลี้ยงของชวีซินรุ่ยไม่ได้นะ!”
ดูเหมือนจวินอู๋เสียกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาของนางจึงเคร่งขรึมจริงจัง เสียงตะโกนดังลั่นของสยงป้าทำให้นางได้สติกลับมาและหันไปมองสยงป้าที่กำลังหอบแฮ่ก
“ทำไมเล่า”
“ชวีซินรุ่ยเป็นคนแบบไหนข้ารู้ดีที่สุด ที่นางเชิญท่านโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีต่อท่านแน่” การกระทำของชวีซินรุ่ยเมื่อก่อนยังคงสดใหม่อยู่ในใจของสยงป้า เขาจำตอนที่ชวีซินรุ่ยกลับมาที่เมืองพันอสูรครั้งแรกได้ ตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นหัวหน้าตึกเพลิงพิโรธ เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบปีกว่าๆ เท่านั้นและเป็นแค่รองหัวหน้าตึกเพลิงพิโรธ เขามีนิสัยใจร้อนบุ่มบ่าม ขณะที่หัวหน้าตึกเพลิงพิโรธคนก่อนเป็นคนใจเย็น หนักแน่น และเด็ดขาดแน่วแน่ ท่านหัวหน้าตึกคนก่อนเป็นคนที่สยงป้าเคารพมากที่สุด
แต่หลังจากที่ชวีซินรุ่ยกลับมาที่นี่ นางก็ขอให้ชวีเหวินเฮ่าช่วยนางตรวจสอบผาสุดขอบฟ้า ตอนแรกก็ไม่มีใครรู้ว่าด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าเป็นอย่างไร ท่านเจ้าเมืองแห่งเมืองพันอสูรกับหัวหน้าตึกทั้งสี่เห็นว่านางเป็นผู้อาวุโสที่เป็นที่เคารพนับถือของเมืองพันอสูร เป็นผู้ปกป้องพวกเขาตั้งแต่อดีต ถึงอย่างไรชวีซินรุ่ยก็สร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่เมืองพันอสูรก่อนที่นางจะจากไป พวกเขาจึงไว้ใจชวีซินรุ่ย เชื่อว่าท่านผู้อาวุโสที่พวกเขาเคารพจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเมืองพันอสูร
ดังนั้นในตอนแรกไม่ว่าจะเป็นท่านเจ้าเมืองหรือหัวหน้าตึกทั้งสี่ ทุกคนต่างก็เต็มใจช่วยชวีซินรุ่ยให้บรรลุเป้าหมายของนาง
แต่หลังจากที่เมืองพันอสูรส่งคนกลุ่มแรกลงไปที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้า ผลที่ออกมาคือไม่มีผู้รอดชีวิตกลับมาเลยสักคน นั่นเป็นกลุ่มที่มีคนเกือบหนึ่งพันคนที่เป็นการรวมตัวกันของยอดฝีมือจากทั้งสี่ตึกของเมืองพันอสูร คนพวกนั้นลงไปที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าด้วยความเชื่อใจและเคารพผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงอันแข็งแกร่ง แต่พวกเขากลับไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาจากผานั้นเลยสักคน
การตายของคนทั้งกลุ่มทำให้คนทั้งเมืองพันอสูรตกใจมาก เนื่องจากทุกคนในกลุ่มนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเมืองพันอสูร ท่านเจ้าเมืองจึงเสียใจมาก หัวหน้าตึกทั้งสี่พากันซึมเศร้าหดหู่ แต่ชวีซินรุ่ยก็ยังไม่ยอมล้มเลิก นางเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้พยายามอีกครั้ง บอกว่าทุกอย่างเป็นแค่อุบัติเหตุ คนที่ลงไปด้านล่างผาสุดขอบฟ้าอาจจะยังมีชีวิตอยู่และรอคอยให้คนไปช่วยพวกเขาอยู่ก็เป็นได้
เพราะอย่างนั้นเมืองพันอสูรจึงส่งคนไปอีกกลุ่ม และจำนวนคนที่ส่งไปก็มากขึ้นเป็นสองเท่า
แต่ทว่า คนทั้งหมดนั้นก็เหมือนก้อนหินที่จมลงไปในมหาสมุทร ติดอยู่ที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าไปตลอดกาล
ตั้งแต่ตอนนั้นคนของเมืองพันอสูรก็ตระหนักว่าผาสุดขอบฟ้าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก และท่านเจ้าเมืองก็ไม่อยากส่งคนไปที่ผาสุดขอบฟ้าอีกจึงได้ปฏิเสธคำขอของชวีซินรุ่ยอย่างหนักแน่น
ตอนนั้นเองชวีซินรุ่ยก็ฉีกหน้ากากของตัวเองออกและเผยนิสัยแท้จริงที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายออกมา
คืนนั้นนางพาคนของนางมาจับตัวหัวหน้าตึกทั้งสี่และพาพวกเขาไปที่ประตูจวนของท่านเจ้าเมือง และฆ่าหัวหน้าตึกทั้งสี่ที่ต่อต้านการส่งคนไปที่ผาสุดขอบฟ้าต่อหน้าทุกคน!
ทั้งเมืองพันอสูรพากันคลั่ง และขณะที่พวกเขากำลังจะแก้แค้น ชวีซินรุ่ยก็บอกพวกเขาว่าคนในครอบครัวของพวกเขาถูกจับตัวเอาไว้แล้ว และชีวิตของคนพวกนั้นก็อยู่ในกำมือของนาง ถ้าทุกคนไม่ยอมทำตามความต้องการของนาง คนในครอบครัวของพวกเขาก็จะกลายเป็นร่างไร้ชีวิตด้วยมีดของนาง
คืนนั้นไม่รู้ว่ามีคนเสียชีวิตไปมากเท่าไร ทุกคนที่ต่อต้าน คนบริสุทธิ์ที่ถูกจับตัวไป และทุกคนที่ถูกชวีซินรุ่ยกับลูกน้องของนางฆ่าตายที่ประตูจวนของท่านเจ้าเมือง โลหิตของคนทั้งหมดทำให้ก้อนหินข้างนอกจวนท่านเจ้าเมืองเปลี่ยนเป็นสีแดง…
ชวีซินรุ่ยใช้วิธีที่โหดเหี้ยมที่สุดและชั่วร้ายที่สุดทำให้ทั้งเมืองพันอสูรตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง!