หมิงซี่หยินงุนงงหลังจากที่ได้รับคำสั่งของท่านอาจารย์มา สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งหมดก็อยู่บนภูเขาทองมาโดยตลอด และหลังจากที่ม่านพลังของสถานศึกษาไท่ชูและสำนักเฮ้งชูถูกทำลายไป สำนักทั้งหลายก็เลือกที่จะเก็บตัวเงียบมาโดยตลอด แล้วเพราะอะไรถึงได้มีคนมาเยี่ยมเยียนที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าในเวลานี้
“ศิษย์น้องเล็กเจ้าคงจะต้องฝึกฝนด้วยตัวเองไปก่อน ข้ามีเรื่องที่จะต้องทำ” หมิงซี่หยินได้หันไปพูดกับหอยสังข์
“ค่ะ”หอยสังข์หันกลับมาก่อนจะจากไปอย่างเชื่อฟัง
หมิงซี่หยินหันหาไปผู้ฝึกยุทธหญิงแทน“ข้าจะไปดูเอง” เมื่อพูดจบตัวเขาก็รีบลงจากภูเขาไป
ที่เชิงเขาหมิงซี่หยินมองเห็นขันทีสวมชุดเครื่องแบบของราชสำนักยืนอยู่นอกม่านพลังขันทีคนนี้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เขาก็คือขันทีส่วนตัวของซูสีไทเฮา หลี่หยุนเฉา
“ท่านสี่พวกเราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว ข้าดีใจจริงๆ ที่ได้พบท่าน” หลี่หยุนเฉาพูดทักทาย
“เป็นเจ้านี่เอง”หมิงซี่หยินยังคงไม่เข้าใจ “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาในวันนี้ได้?”
หลี่หยุนเฉาถอนหายใจก่อนที่จะพูดต่อ“ข้าเองก็ไม่ได้อยากมารบกวนพวกท่านหรอก แต่ข้ามาที่นี่ก็เพราะคำสั่งของเจ้านายข้า”
“แล้วเจ้ามามีธุระอะไรกันข้าเองก็ไม่มีเวลาคุยกับเจ้านักหรอกนะ”
หลี่หยุนเฉารีบพูดเข้าเรื่อง“ข้าอยากขอพบท่านปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะได้รึเปล่า”
“ไม่ได้”
“…”หลี่หยุนเฉาตัวแข็งทื่อ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยอมแพ้ไม่ได้ “ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องหารือต่อหน้าท่านปรมาจารย์คนเดียวเท่านั้น…”
เมื่อหมิงซี่หยินเห็นว่าหลี่หยุนเฉายังคงไม่เปิดเผยจุดมุ่งหมายออกมาตัวเขาก็หันหลังกลับก่อนที่จะเดินไปในทันที ‘ถ้าหากเจ้าคิดแบบนั้นก็รอต่อไปซะเถอะ ข้าก็ไม่ได้มีเวลาว่างมารอเจ้าทั้งวัน’
“ช้าก่อน!”หลี่หยุนเฉาพูดต่อด้วยความกังวล “องค์จักรพรรดิรุ่นก่อนต้องการขอพบท่านปรมาจารย์!”
องค์จักรพรรดิรุ่นก่อน
‘คนตายไปแล้วจะมาพบคนเป็นได้ยังไง’หมิงซี่หยินหันกลับมาก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตัวเขาได้ปล่อยพลังฝ่ามือจู่โจมหลี่หยุนเฉาอย่างต่อเนื่อง
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม!
หลี่หยุนเฉาไม่คาดคิดว่าหมิงซี่หยินจะหันกลับมาโจมตีขันทีเฒ่ารีบยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันตัวเอง พลังฝ่ามือสีทองได้ปัดป้องการโจมตีของหมิงซี่หยินเอาไว้ หลี่หยุนเฉาที่ต้องถอยกลับได้พูดต่อ “ท่านสี่ ท่านเข้าใจข้าผิด! องค์จักรพรรดิรุ่นก่อนยังมีชีวิตอยู่ ราชสำนักไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องประกาศการสวรรคตของเขาออกมา…”
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือของทั้งคู่พุ่งชนกันทั้งสองต่างก็ถอยกันคนละก้าว
หลี่หยุนเฉาตกใจเล็กน้อยตัวเขาถือเป็นยอดฝีมือแห่งราชสำนัก เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ เป็นผู้พิทักษ์คนสำคัญของซูซีไท่เฮา แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ถูกหมิงซี่หยินผลักกระเด็นกลับมา
หมิงซี่หยินยืนหยัดอย่างมั่นคงตัวเขาไม่อยากจะเชื่อว่าขันทีเฒ่าคนนี้จะยังมีฝีมือที่ร้ายกาจอยู่ “จักรพรรดิหย่งโชวยังมีชีวิตอยู่อย่างงั้นเหรอ”
“ถูกต้องแล้ว”หลี่หยุนเฉารีบอธิบายต่อ “อาจารย์ของท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับจักรพรรดิองค์ก่อน ตอนนี้เขาก็อายุมากแล้ว เขาปรารถนาที่จะพบท่านปรมาจารย์ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป”
“อาจารย์ของข้าไม่ว่าง”มันเป็นเรื่องจริง
สีหน้าของหลี่หยุนเฉาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย“ถ้าหากท่านปรมาจารย์ยอมรับความต้องการนี้ ท่านจักรพรรดิองค์ก่อนบอกว่าจะมาที่นี่เป็นการส่วนตัว”
หมิงซี่หยินตกตะลึงขันทีเฒ่าคนนี้ไม่ได้ฟังสิ่งที่ตัวเขาได้พูดเลย “ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าอาจารย์ของข้าไม่ว่าง เจ้าไม่เข้าใจภาษาคนเหรอไงกัน”
หลี่หยุนเฉารู้สึกหมดหนทางเช่นกันตัวเขาจ้องไปที่ด้านหน้า เมื่อไม่เห็นใครอื่นตัวเขาก็ได้กวักมือเรียกหมิงซี่หยิน หมิงซี่หยินเข้าใจท่าทีของขันทีคนนี้ดีก่อนที่จะเดินมาหา
หลี่หยุนเฉากระซิบใกล้ๆหูของหมิงซี่หยิน
สีหน้าของหมิงซี่หยินเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ขันทีกระซิบมา“จริงๆ อย่างงั้นเหรอ”
“ถูกต้องแล้ว”หลี่หยุนเฉาโค้งคำนับก่อนจะพูดต่อ “ข้าเป็นคนสนิทของชูสีไทเฮา ที่ข้าบอกกับท่านก็เพราะเห็นแก่เรื่องในอดีต ท่านก็แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็พอ ท่านสี่”
“เจ้ามีไหวพริบใช้ได้เลยนะ”หมิงซี่หยินพูดชมเชย
“ข้าก็แค่พูดในสิ่งที่ต้องพูดไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ท่านสี ข้ายังมีคำขออื่นอีก”
“คำขออะไรละ”
“ได้โปรดซัดพลังฝ่ามือใส่ข้าทีถ้าหากข้าบาดเจ็บแล้วก็คงจะอธิบายตัวเองได้ง่ายกว่า”
หมิงซี่หยินเกาหัวก่อนจะตอบกลับ“ข้าจะไม่ทำแบบนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลเหมือนกับอาจารย์ข้า ข้าจะไม่ทำร้ายใครโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ”
“ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะท่านสี่ องค์จักรพรรดิองค์ก่อนได้สั่งการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำแบบนี้” หลี่หยุนเฉาขอร้องอ้อนวอน
“ไม่ไม่ ไม่ได้…” หมิงซี่หยินโบกมือ “ข้าไม่ใช่คนฉวยโอกาส ข้าช่วยเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าหากเป็นสหายแซ่รี เขาอาจจะช่วยเจ้าได้”
หลี่หยุนเฉาแสดงท่าทีที่อ่อนล้าก่อนที่จะโค้งคำนับให้แต่โดยดี“งั้นข้าไม่ขอรบกวนท่านแล้ว ท่านเป็นคนที่มีคุณธรรมจริงๆ ท่านสี่ ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้กับสหายแซ่รีของท่านด้วย การโจมตีของสหายท่านคงจะไม่มีความหมายอะไร ท่านเป็นคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้า ท่านสี่ ท่านไม่ควรที่จะคบหากับคนธรรมดาอย่างสหายท่านเลย ถ้าหากหมดเรื่องแล้วข้าก็ขอตัวลา”
“ช้าก่อน”
หลี่หยุนเฉาหยุดตัวเขาหันกลับมาอย่างสับสน
ตู๊ม!
หมิงซี่หยินได้ต่อยใส่หลี่หยุนเฉาจากในระยะประชิด
หลี่หยุนเฉากระเด็นกลับไปบนพื้น“โอ๊ย ใบหน้าข้า!”
“จู่ๆข้าก็อยากช่วยเจ้าน่ะ…เจ็บไหม” หมิงซี่หยินได้วางกำปั้นลง
หลี่หยุนเฉาไม่คิดว่าหมิงซี่หยินจะโจมตีทีเผลอ‘ไหนบอกช่วยข้าไม่ได้ไง ไหนต่อยข้าซะแรงเชียว…โอ๊ย…’
หมิงซี่หยินไม่ได้หันไปมองหลี่หยุนเฉาอีกต่อไปตัวเขาฮัมเพลงอย่างมีความสุขก่อนที่จะบินกลับศาลาปีศาจลอยฟ้า
เมื่อหมิงซี่หยินกลับมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตัวเขาก็เริ่มหงุดหงิด
หลิวเก้ออดีตจักรพรรดิแห่งดินแดนหยานต้องการที่จะมาเยี่ยมเยียนศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นการส่วนตัว!การเยี่ยมเยียนของเขามาในขณะที่สำนักอเวจีเริ่มต่อต้านราชสำนักอย่างรุนแรง อดีตจักรพรรดิอย่างเขาจะได้อะไรจากการมาเยือนกัน
หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งหมิงซี่หยินก็ตัดสินใจที่จะปรึกษาผู้เป็นอาจารย์ ท้ายที่สุดแล้วอดีตจักรพรรดิคนนี้ก็คุ้นเคยกับอาจารย์ของตัวเขาดี เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้หมิงซี่หยินก็เดินไปยังห้องลับ “ท่านอาจารย์ครับ”
ไม่มีเสียงตอบกลับหรือเสียงการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
แม้ว่าจะไม่สบายใจแต่หมิงซี่หยินก็พูดต่อ“ท่านอาจารย์ครับ”
หมิงซี่หยินยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นในขณะที่รอฟังคำตอบตัวเขาไม่กล้าที่แม้แต่จะเข้าใกล้ประตูห้องลับ
ไม่มีคำตอบมาจากอีกฝั่ง
หมิงซี่หยินส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจ‘ข้าควรจะคิดหาทางแก้ด้วยตัวเองสินะ…เดี๋ยวก่อน ข้าจะแอบมองเข้าไปในห้องลับไม่ได้!’ เมื่อคิดได้แบบนั้นหมิงซี่หยินก็จากไป
…
ภายในห้องลับ
ลู่โจวยังคงอยู่ในสภาวะหมดสติหลังจากที่ตำหนิซู่ฮ่องกงไปตัวเขาก็กลับมาไร้ความรู้สึกอีกครั้ง แน่นอนว่าลู่โจวไม่ได้ยินเสียงของหมิงซี่หยิน
…..
สามวันผ่านไป
ในเช้าวันใหม่ดวงอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นจากทิศตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้าเช่นเดิม
ในตอนนั้นเองมีรถม้าลอยฟ้าสีเทาขนาดเล็กได้บินออกจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์รถม้าคันนั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
บนรถม้าลอยฟ้ามีแม่ทัพใหญ่ทั้งสองอย่างกู่ยี่หรานและชู่เฉิงคอยรักษาความปลอดภัย พวกเขาทั้งคู่มีหน้าที่คุ้มกันหย่งโชวด้วยความเคารพ ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนของจักรพรรดิหย่งโชวมาก่อน เมื่อรู้ความจริงที่ว่าหลิวเก้อยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็รู้สึกอดประหลาดใจไว้ไม่ได้
“พวกเจ้ากำลังกลัวอย่างงั้นเหรอ”หลิวเก้อเหลือบมองแม่ทัพทั้งสอง
ทั้งสองโค้งคำนับ“พวกเราก็แค่อยากจะยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย”
หลิวเก้อมองไปที่ดวงอาทิตย์
รถม้าลอยฟ้ากำลังบินผ่านท้องฟ้าอย่างราบรื่น
“พวกเจ้าทั้งคู่ต่างก็เคยยืนเคียงข้างข้าในตอนที่ข้าพิชิตดินแดนของชนเผ่าอื่นนับหมื่นจนถึงตอนนี้พวกเจ้าทั้งคู่ก็เริ่มจะแก่ตัวเหมือนข้าแล้วสินะ” หลิวเก้อที่พูดจบถอนหายใจ
ผมของกู่ยี่หรานและชู่เฉิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว
เวลาไม่เคยปรานีใคร
“นี่คือวัฏจักรชีวิตเป็นธรรมดาที่พวกเราจะแก่เฒ่าฝ่าบาท” ชู่เฉิงเป็นคนตอบ
ในขณะที่เฝ้ามองอดีตลูกน้องของตัวเองหลิวเก้อก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “พวกเจ้าทำหน้าที่ได้ดีแล้วล่ะ”
“มันเป็นสิ่งที่พวกเราควรทำแล้วตราบใดที่พวกเราปกป้องดินแดนหยานเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟที่ไหนพวกเราก็ยินดีที่จะทำ” ชู่เฉิงตอบรับ
หลิวเก้อเฝ้ามองทั้งคู่ไปอีกสักพักก่อนจะพูดต่อ“พวกเจ้าสองคนเคยคิดที่จะผ่าดอกบัวทองคำเพื่อที่จะทดลองฝึกฝนตัวเองไปให้ถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบบ้างรึเปล่า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งคู่ก็คุกเข่าลงในทันทีที่ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยเหงื่อ ดูเหมือนว่าหลิวเก้อจะรู้เรื่องในตอนนี้ดี
“ข้าจงรักภักดีมาโดยตลอดดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยืนยันให้ข้าได้!”
“สำนักอเวจีได้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วมณฑลทั้งเก้าข้าไม่สามารถยืนเฉยได้โดยที่ไม่ทำอะไร!”
ทั้งคู่ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งที่อดีตจักรพรรดิเคยสั่งไว้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
หลิวเก้อพยักหน้าด้วยความยินดี“ลุกขึ้นและพูดเถอะ”
ทั้งสองคนยืนขึ้น
“ในตอนแรกข้าก็อยากจะพบลูกของข้า…แต่ในตอนนี้เขาเก็บตัวฝึกฝนอยู่เพราะแบบนั้นพวกเจ้าทั้งคู่ถึงต้องมากับข้าแทน” ยังไงหลิวเก้อก็สละราชบัลลังก์แล้ว เป็นธรรมดาที่ผู้พิทักษ์ของราชสำนักจะไม่ใช่คนของเขาอีก
ชู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นรีบตอบกลับมา“ฝ่าบาท ขอเพียงท่านแค่สั่งพวกเรา พวกเรายินดีที่จะทำตามทุกอย่าง”
“เปิดเส้นทางไปสู่ศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ”
“…”ชู่เฉิงและกู่ยี่หรานต่างก็ตกตะลึง หลังของพวกเขาทั้งคู่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความรู้สึกอันเลวร้ายได้ก่อเกิดขึ้นในใจของพวกเขาทั้งคู่
…
ในตอนเที่ยงวันในที่สุดรถม้าลอยฟ้าก็เดินทางมาถึงเชิงเขาภูเขาทอง
“ฝ่าบาทพวกเรามาถึงแล้ว” ชู่เฉิงเหลือบมองไปบนภูเขาทองก่อนจะกลืนน้ำลาย
“เจ้ากำลังประหม่าสินะ”หลิวเก้อสังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนดูไม่สบายใจ
ถ้าหากจะพูดตามตรงกู่ยี่หรานและชู่เฉิงรู้สึกเสียใจที่ได้เดินทางมาพวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าปลายทางจะคือภูเขาทอง ที่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตั้งอยู่ ในตอนนี้นี่เป็นสถานที่ที่ไม่ควรเดินทางมามากที่สุดแล้ว แต่ยังไงซะพวกเขาทั้งคู่ก็ได้ประกาศถึงความจงรักภักดีที่ตัวเองมีไป ทั้งคู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องเดินหน้าต่อไป
“พวกข้าไม่ได้ประหม่าพวกข้าแค่กังวลอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้น”
“ไม่ต้องกังวลไป…ข้าเป็นสหายเก่าของจีเทียนเด๋าเองข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะรำลึกถึงอดีตก็เท่านั้น” หลิวเก้อพูด
ผู้คุ้มกันทั้งหลายได้กระโดดลงจากรถม้าทุกคนต่างก็ถือกล่องจำนวนหนึ่งติดตัวก่อนที่จะวางลงที่ด้านนอกม่านพลัง
ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนบินลงมาจากภูเขาชายคนนั้นลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกมา “ท่านก็คืออดีตจักรพรรดิหย่งโชวอย่างงั้นสินะ”
หลิวเก้อมองขึ้นไปบนนั้น“เจ้ารู้จักข้าด้วยอย่างงั้นเหรอ”
“มันก็เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้นข้ากำลังรอท่านอยู่ ข้าที่อยู่ที่นี่ไม่ชินกับการคุกเข่า หวังว่าท่านคงจะเข้าใจ” หมิงซี่หยินตอบกลับ
“ไม่เป็นไร”หลิวเก้อพูดอย่างใจกว้าง
“อาจารย์ข้าเก็บตัวฝึกฝนมากว่าสามเดือนแล้วข้าเกรงว่าท่านคงจะไม่ได้พบเขาในตอนนี้ ฝ่าบาท” หมิงซี่หยินพูดอย่างโผงผาง