ตอนที่ 504 โรคทางใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 504 โรคทางใจ

“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ!” จี้หลางหวาพยักหน้า

ระหว่างทางที่ไป๋ชิงเหยียนเดินไปส่งชุยซื่อที่เรือนจวินจื่อเซวียน ชุยซื่อเล่าความลับเรื่องที่นางแอบนำถุงหอมที่น้องสาวอนุมอบให้ท่านแม่ของนางไปใช้ให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง

เมื่อเดินไปถึงเรือนจวินจื่อเซวียน ชุยซื่อกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน

“หากพี่หญิงไม่ถือ ต่อไปเรียกข้าว่าหรงเจี๋ยเถิดเจ้าค่ะ ท่านย่าและท่านป้าต่างก็เรียกข้าเช่นนี้เจ้าค่ะ”

“ได้ เช่นนั้นต่อไปพี่จะเรียกเจ้าว่าหรงเจี๋ย…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ

ต่งฉางหลานได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนมาส่งชุยซื่อที่เรือน จึงออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม โค้งกายคำนับ

“พี่หญิง…”

“ฉางหลานอยู่พอดี พี่มีเรื่องจะกล่าวกับเจ้า”

ไป๋ชิงเหยียนมาส่งชุยซื่อเพราะมีเรื่องต้องการจะสนทนากับจ่งฉางหลาน

บัดนี้ในหัวของชุยซื่อเต็มไปด้วยสูตรยาที่เพิ่งได้มา หญิงสาวย่อกายทำความเคารพคนทั้งสองแล้วกลับเข้าไปในเรือนก่อน

“ข้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนพี่หญิงขอรับ…” ต่งฉางหลานรับโคมไฟหนังแกะมาจากมือของบ่าวรับใช้

ชุนเถารู้ว่าสองพี่น้องมีเรื่องต้องสนทนากัน นางจึงพาบรรดาสาวใช้และหญิงชราเดินตามโดยเว้นระยะห่างประมาณสิบเก้า

“ได้ยินหรงเจี๋ยกล่าวว่า เสบียงอาหารและเบี้ยเลี้ยงที่เติงโจวไม่พออย่างนั้นหรือ”

ต่งฉางหลานก้มมองทางเดินหินกรวดที่ปลายเท้า พยักหน้าเล็กน้อย

“แม้ราชสำนักจะกล่าวว่าหากบูรณะพระราชวังเสร็จจะจ่ายให้ทีหลัง ทว่า ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ปีนี้หรงตี๋ต้องมาปล้นเสบียงอาหารแน่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า กล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“ปีนี้หรงตี๋ทำศึกภายในแคว้น ย่อมไม่มีเวลาเตรียมเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาว นิสัยของชาวหรงตี๋คือหากไม่มีก็ต้องแย่งชิง ดังนั้นทหารหรงตี๋ที่มาปล้นเสบียงในปีนี้ต้องรุนแรงกว่าทุกปีแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศข้ามของเติงโจวคือหนานหรง”

ต่งฉางหลานกำมือแน่น “ท่านพ่อมีแผนรับมือแล้วขอรับ หากหรงตี๋บุกมาโจมตีจะขอความช่วยเหลือจากค่ายทหารอันผิงขอรับ!”

“หลังจากเสร็จวันเกิดของท่านแม่ เจ้ากลับไปบอกท่านน้าชายว่าหากฮ่องเต้ไม่สูญเสียดินแดน เขาไม่มีทางรู้สึกเจ็บปวด!” ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้า มองไปทางไป๋ชิงผิงด้วยสายตาสงบนิ่ง

“เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูใบไม้ผลิเสร็จ ให้ทยอยอพยพชาวบ้านออกไปจากเมืองทันที หากหรงตี๋บุกมา ไม่ต้องคุ้มครองเมือง ถอยทัพหนีเสีย! รายงานราชสำนักว่าแคว้นหรงตี๋ทำศึกภายใน ขาดแคลนเสบียงสำหรับฤดูหนาว หรงตี๋จึงบุกมาปล้นชิงเสบียง เติงโจวขาดแคลนเบี้ยเลี้ยง ทหารไม่อิ่มท้องจึงไม่มีแรงต้านทานศัตรู”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว ต่งฉางหลานเข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที เขาตกตะลึง…

ในฐานะทหาร สิ่งที่เขาคิดก็การปกป้องบ้านเมืองจนตัวตาย ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย

ทว่า คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้ต่งฉางหลานรู้สึกสะใจขึ้นมาเล็กน้อย!

ฮ่องเต้และราชสำนักไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงและเสบียงอาหารให้ทหาร พวกเขาไม่อิ่มท้องจึงปกป้องเมืองไว้ไม่ได้

“แต่ไรมาเมื่อหรงตี๋ปล้นเสบียงได้พวกเขาจะหนีกลับแคว้นทันที ทว่า หากปล้นไม่สำเร็จ พวกเขาอาจไปรุกรานชาวบ้านที่เมืองใกล้เคียงได้ขอรับ”

ต่งฉางหลานยืนเผชิญหน้ากับไป๋ชิงเหยียน จ้องมองเปลวไฟในโคมไฟนิ่ง คิดสิ่งใดได้ก็กล่าวออกมาตามนั้น

“ค่ายทหารอันผิงคุ้มกันชายแดนหรงตี๋อยู่ไม่ใช่หรือ เมื่อหรงตี๋บุกมารุกรานเติงโจวให้ส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ทว่า ค่ายผิงอันอาจไม่มีความเคลื่อนไหว”

น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนแฝงไปด้วยเสียงหัวเราะ

“เมื่อฮ่องเต้สูญเสียดินแดน รู้สึกปวดใจแล้ว เขาย่อมให้คนนำเสบียงอาหารมาให้แน่นอน ถึงเวลานั้นให้ท่านน้าชายขอมากหน่อย ให้เขาคร่ำครวญกับฮ่องเต้ว่ากำลังทหารไม่เพียงพอ ขอกำลังเสริม หากราชสำนักไม่ยอมทำตามก็ถวายฎีกาขึ้นไปให้ราชสำนักมอบเบี้ยงเลี้ยงให้ชาวบ้านเติงโจว ใช้ชาวบ้านเป็นทหารสร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพเติงโจวเหมือนดังที่ซั่วหยางทำ”

ต่งฉางหลานกระชับมือที่ถือโคมไฟแน่น สัมผัสได้ถึงความนัยในคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน

“สร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพเติงโจว! พี่หญิงหมายความเช่นไรขอรับ”

“สถานการณ์ในใต้หล้ากำลังจะเปลี่ยนไปแล้วฉางหลาน…” ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดปกปิด

“พี่ต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้า”

เสียงจักจั่นบนต้นไม้และเสียงน้ำตกในลำธารดังขึ้นกว่าเดิม

โคมไฟจากระเบียงทางเดินกรวดสาดส่องออกมาจากผ้าม่านผืนบาง กระทบลงบนใบหน้านวลขาวของไป๋ชิงเหยียนอย่างริบหรี่

ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้ากล่าวลึกกว่านั้น หากบัดนี้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของนางคือท่านน้าชาย นางจะแนะนำให้เขายึดครองหนานหรง

บัดนี้ต้าเยี่ยนเข้าควบคุมหรงตี๋ ได้สนามเลี้ยงม้าที่ใหญ่ที่สุดโดยอ้างว่าเข้าไปช่วยเหลือหรงตี๋กลับคืนสู่การปกครองแบบเดิม

หากต้องการสร้างรากฐานเพื่อภายภาคหน้า ท่านน้าชายของนางควรเข้าไปยึดครองหนานหรงทีละนิด มิเช่นนั้นไม่เกินสามปี ต้าเยี่ยนต้องใช้ความอุดมสมบูรณ์ของหนานเยี่ยนสร้างตัวเองให้แข็งแกร่งแล้วยึดครองหนานตี๋แน่ถึงเวลานั้นต้าจิ้นจะโดนโจมตีจากต้าเยี่ยนทั้งสองด้าน

ถึงเวลานั้นหากซีเหลียงที่ถูกต้าจิ้นกดเอาไว้หันไปร่วมมือกับต้าเยี่ยนจนแข็งแกร่งขึ้นมา สองแคว้นบุกโจมตี ต้าจิ้นคงใกล้ดับศูนย์แน่

ค่อยๆ ทำทีละขั้น รอให้ท่านน้าชายของนางยอมทำตามแผนการบีบบังคับให้ราชสำนักส่งเบี้ยเลี้ยงมาให้เสียก่อน จากนั้นค่อยโน้มน้าวให้ท่านน้าชายลอบสร้างกองกำลังของตัวเองโดยใช้เบี้ยเลี้ยงที่ราชสำนักส่งมาให้

แม้การทำเช่นนี้จะเป็นการขัดขวางแผนการของต้าเยี่ยน ทว่า นางและเซียวหรงเหยี่ยนตกลงกันแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของแคว้นตัวเองโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องความรัก

ต่งฉางหลานรู้สึกตกใจกับคำกล่าวที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาอย่างไม่สะทักสะท้าน

ไป๋ชิงเหยียนก้าวเดินไปด้านหน้าต่อ ต่งฉางหลานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นสาวเท้าเดินตามไป

“ในกลียุคเช่นนี้ ขาดกองกำลังไม่ได้! พวกเราไม่อาจปกป้องคนทั้งใต้หล้าได้ ทว่า อย่างน้อยก็ต้องปกป้องชาวบ้านที่อยู่เบื้องหน้าให้ได้” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนสงบราบเรียบเช่นเดิม

“ฉางหลานจะจำคำกล่าวของพี่หญิงไว้ขอรับ เดี๋ยวข้าจะกลับไปเขียนจดหมายส่งไปให้ท่านพ่อ ให้เขาได้เตรียมตัวขอรับ”

“จดหมายอาจถูกปล้นชิงระหว่างทางได้ ไม่ต้องรีบร้อน รอให้เสร็จจากวันเกิดของท่านแม่ เจ้าค่อยกลับไปบอกท่านน้าชายด้วยตัวเอง ท่านน้าชายเตรียมพร้อมตอนนั้นก็ยังไม่สาย”

บัดนี้ต่งฉางหลานเข้าใจแล้วว่าเหตุใดไป๋ชิงเหยียนจึงฝึกซ้อมชาวบ้านเพื่อปราบปรามโจรป่า

การปรามโจรไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งสำคัญคือสร้างชาวบ้านให้กลายเป็นทหาร

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกลับมา จี้หลางหวาจึงออกมาต้อนรับ “คุณหนูใหญ่…”

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าญาติผู้น้องของข้าเคยใช้เครื่องหอมที่มีส่วนผสมของชะมด ทว่า ไม่มีผลกับการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องจริงหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าจี้หลางหวาจะกลัวว่าชุยซื่อจะเป็นกังวลจึงกล่าวเช่นนั้นออกไป นางต้องถามอาการที่แท้จริงจะได้รักษาได้ถูกโรค

“เรียนคุณหนูใหญ่ ไม่มีผลจริงๆเจ้าค่ะ ความจริงไม่จำเป็นต้องทานยาบำรุงใดๆ อีกด้วยซ้ำ ทว่า หลางหวาคิดว่าที่ต่งฮูหยินตั้งครรภ์เสียทีเป็นเพราะนางเอาแต่กังวลว่าเคยใช้เครื่องหอมที่มีส่วนผสมของชะมดมาก่อน นางกดดันตัวเองมากเกินไป ดังนั้นหลางหวาจึงให้สูตรยาบำรุงและยาขับพิษอ่อนๆ กับนางไปเจ้าค่ะ รับประทานในช่วงฤดูร้อนได้ ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เป็นเพียงยาบำรุงเท่านั้นเจ้าค่ะ”

หมอรักษาคน ทว่า โรคทางใจต้องใช้ยาใจรักษา

หมอก่อนหน้านี้ที่ชุยซื่อเคยรักษาด้วยไม่ใช่นักต้มตุ๋น ทว่า พวกเขาไม่เข้าใจความทุกข์ใจของชุยซื่อ ได้แต่บอกตามความจริงว่าร่างกายเป็นปกติ ทว่า ชุยซื่อมีแผลเป็นในใจ อีกทั้งไม่ตั้งครรภ์เสียที นานเข้าจึงกลายเป็นโรคทางใจ

จี้หลางหวากล่าวเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงสบายใจ

“ลำบากเจ้าแล้ว ชิงจู๋มีเจ้าคอยดูแลถึงฟื้นตัวได้เร็วเช่นนี้!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับจี้หลางหวายิ้มๆ

“คุณหนูใหญ่ยกย่องหลางหวาเกินไปแล้วเจ้าค่ะ กองทัพไป๋ช่วยชีวิตหลางหวาไว้ครั้งหนึ่ง คุณหนูใหญ่ช่วยไว้อีกครั้งหนึ่ง! ได้รับใช้ตระกูลไป๋ หลางหวามีความสุขมากเจ้าค่ะ!”