ตอนที่ 505 ฉลอง

จี้หลางหวากล่าวอย่างจริงใจ ขอบตาร้อนผ่าว

“เดี๋ยวข้าให้ชุนเถาไปส่งเจ้า…”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่” จี้หลางหวาสะพายกล่องยาของตัวเองไว้ที่บ่า “ข้าจำทางในจวนไป๋ได้เจ้าค่ะ ให้ชุนเถาอยู่ปรนนิบัติคุณหนูใหญ่พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนออกไปส่งจี้หลางหวาที่หน้าประตู มองส่งหญิงสาวเดินจากไป ไป๋ชิงเหยียนเตรียมหมุนตัวเดินกลับเรือน สายตาเหลือบเห็นชุนจือนั่งอ่านตำราใต้แสงไฟตรงมุมระเบียงทางเดิน

ชุนเถาเห็นไป๋ชิงเหยียนมองไปทางชุนจือจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสองสามวันมานี้ชุนจือจึงเริ่มสนใจตำราขึ้นมาเจ้าค่ะ นางขยันมาก อ่านตัวอักษรใดไม่ออกก็มักจะมาถามเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “รู้หนังสือไว้ก็ดีแล้ว”

เมื่อเห็นชุนจืออ่านตำรา ไป๋ชิงเหยียนอดนึกถึงทหารใหม่ในค่ายฝึกขึ้นมาไม่ได้ ทหารใหม่เหล่านั้นส่วนมากล้วนไม่รู้หนังสือ ในชนบทมีสักสองครอบครัวมีคนรู้หนังสือก็ถือว่าดีมากแล้ว

แม้ทหารไม่จำเป็นต้องรู้หนังสือก็ได้ ทว่า ทหารใหม่กลุ่มแรกที่รับเข้ามา ไม่ว่าจะอยู่ในความรับผิดชอบของไป๋ชิงผิง เสิ่นเยี่ยนฉงหรือกลุ่มโจรป่าของจี้ถิงอวี๋ ภายภาคหน้าล้วนสามารถรับตำแหน่งนายกองห้า นายกองสิบได้ หากพวกเขาไม่รู้หนังสือเลยคงไม่ดีแน่

“เจ้าไปบอกชุนจือ ให้นางไปบอกพ่อบ้านเหาว่าให้หาบ่าวรับใช้ที่พอรู้หนังสือในจวนของเราไปสอนหนังสือทหารใหม่ที่ค่ายฝึกด้วย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงแหวกม่านเข้าไปด้านใน

“เจ้าค่ะ!” ชุนเถารับคำแล้ววิ่งไปหาชุนจือ

ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงข้างตะเกียง หยิบตำราขึ้นมาอ่าน จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าชาวบ้านที่มาสมัครปราบโจรล้วนเป็นชายฉกรรจ์ห้าวหาญ หากให้พวกเขาตั้งใจเรียนหนังสือเหมือนเด็กเล็ก เกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจทำได้ นางคงต้องคิดรางวัลและบทลงโทษออกมาให้เด็ดขาด ยกตัวอย่างเช่นผู้ที่จำอักษรได้มากที่สุดสามลำดับแรกของวันจะได้เนื้อสัตว์กลับไปฝากคนที่บ้านเช่นเดียวกับผู้ที่ฝึกการต่อสู้อยู่ในสามลำดับแรก

เช่นนี้จะได้คัดแยกฝ่ายบุ๋นและบู๊ได้อย่างชัดเจนและใช้วิธีอื่นในการฝึกฝนพวกเขาไว้ใช้งานในภายภาคหน้า

ส่วนทางด้านของจี้ถิงอวี๋มอบหมายให้หลูผิงจัดการน่าจะเหมาะสมที่สุด

จวนเซียว

เซียวหรงเหยี่ยนนั่งเอนกายพิงเก้าอี้อ่านจดหมายที่ต้าเยี่ยนส่งมาให้อยู่ภายใต้แสงไฟจากตะเกียงทองแดงหกเหลี่ยมสามขา

ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือน กองทัพต้าเยี่ยนซึ่งอยู่ในหรงตี๋กำลังจะเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนเสบียงสำหรับฤดูหนาว บัดนี้ต้าเยี่ยนยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารอีก ทว่า สิ่งที่ยากคือการส่งเสบียงไปยังเป่ยหรง เพราะระหว่างต้าเยี่ยนและเป่ยหรงมีต้าจิ้นขวางกั้นอยู่ ดังนั้นเรื่องนี้จึงตกเป็นหน้าที่ของเซียวหรงเหยี่ยน

บัดนี้ขบวนสินค้าของเซียวหรงเหยี่ยนเดินทางเข้าไปในซีเหลียงแล้ว พวกเขาแพร่กระจายข่าวเรื่องที่ต้าจิ้นจะส่งกองทัพไปประชิดชายแดนซีเหลียง รอให้ซีเหลียงและต้าเยี่ยนทำสงครามกันก่อน จากนั้นรอจังหวะบุกเข้าไปยึดครองซีเหลียง

เมื่อกองทัพของต้าจิ้นเริ่มเคลื่อนขบวน ข่าวคงถูกส่งไปยังซีเหลียงและต้าเว่ยอย่างเร็วที่สุด ขุนนางของซีเหลียงคงจะมาเยือนต้าจิ้นอีกครั้ง ทว่า ต้าจิ้นไม่มีทางทนดูซีเหลียงยึดครองหนานเยี่ยนและกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งอยู่เฉยๆ แน่

ดังนั้นเซียวหรงเหยี่ยนสามารถพักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วหันไปวางแผนเรื่องการส่งเสบียงไปยังหนานหรงได้ เรื่องนี้ควรไปพบองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้นเพื่อส่งเสบียงไปยังหนานหรงอย่างเปิดเผย จากนั้นแบ่งผลกำไรส่วนหนึ่งให้องค์รัชทายาท

เมื่อหรงตี๋มีเสบียงอาหาร พวกเขาย่อมไม่มาแย่งเสบียงอาหารจากต้าจิ้น องค์รัชทายาทย่อมเต็มใจเป็นธรรมดา

เซียวหรงเหยี่ยนเดินทางไปส่งเสบียงที่หรงตี๋คราวนี้ เขาสามารถนำม้าจากหรงตี๋มาขายให้ต้าจิ้นในราคาที่สูงได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็ส่งกลับไปยังต้าเยี่ยน

หลังจากอ่านจดหมายจบ เซียวหรงเหยี่ยนเผาจดหมายทิ้ง จากนั้นเปิดอ่านจดหมายลับที่ส่งมาจากเมืองหลวงต่อ

เนื้อหาในจดหมายลับกล่าวว่าฮ่องเต้ทรงส่งกองทัพทหารฝึกใหม่ไปยังชายแดนซีเหลียง อีกทั้งโยกย้ายทหารใหม่ซึ่งเฝ้าคุ้มกันชายแดนต้าเหลียงอีกหนึ่งหมื่นนายส่งไปยังชายแดนซีเหลียงเช่นเดียวกัน ไม่ได้ส่งกองทัพต้าจิ้นซึ่งได้รับชัยชนะจากสงครามเป่ยเจียงไปยังหนานเจียง

กองทัพใหม่อย่างนั้นหรือ

เซียวหรงเหยี่ยนถือจดหมายนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วแน่น

ไม่นานเขาก็นึกสิ่งใดขึ้นมาได้ หัวเราะออกมาเบาๆ …นี่น่าจะเป็นฝีมือของไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนคงยึดครองกองทัพทหารฝึกใหม่ที่ฮ่องเต้ส่งไปยังหนานเจียงไว้ทั้งหมดอย่างไม่คิดเกรงใจ

ไป๋ชิงเหยียนมักฉวยโอกาสควบคุมสถานการณ์ให้เอื้ออำนวยต่อนางได้เสมอ นอกจากความชื่นชมแล้ว ในใจของเซียวหรงเหยี่ยนยังรู้สึกภูมิใจอีกด้วย

ชายหนุ่มนึกถึงมื้ออาหารที่เรือนเสาหวาในวันนั้นขึ้นมาได้ ต่งฉางหลานกล่าวว่าเขาเดินทางมาที่ซั่วหยางเพื่อนำของขวัญวันเกิดมาให้ต่งซื่อซึ่งเป็นมารดาของไป๋ชิงเหยียน เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกว่าเขาก็ควรเตรียมของขวัญให้เหมือนกัน

แม้ตระกูลไป๋จะไม่ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง ทว่า คนในครอบครัวก็คงจะรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อฉลองวันเกิดให้ต่งซื่อ

วันที่ยี่สิบหก เดือนเจ็ดคือวันเกิดของต่งซื่อ อากาศในวันนี้สดชื่นมาก

ตระกูลไป๋อยู่ในช่วงไว้ทุกข์จึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง เพียงแค่ตบรางวัลให้บรรดาบ่าวรับใช้ตามคำสั่งของต่งซื่อ คนในครอบครัวรับประทานอาหารร่วมกันเท่านั้น

ต่งซื่อเพิ่งตื่นนอน ฉินหมัวมัวแขวนมุ้งลวดไว้ที่ตะขอทั้งสองข้างของเตียง “ฮูหยินตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

“ด้านนอกมีอันใดกัน” เมื่อคืนต่งซื่อนอนร้องไห้คิดถึงสามีและลูกชายอยู่บนเตียง นางนอนไม่ค่อยหลับ เช้านี้จึงดูไม่ค่อยสดใส ต่งซื่อใช้มือนวดขมับของตัวเองเบาๆ

ฉินหมัวมัวเห็นดวงตาทั้งสองข้างของต่งซื่อบวมก่ำ ทว่า ไม่ได้เอ่ยอันใด ทำเพียงกล่าวยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่พาคุณหนูห้าและคุณหนูหกไปจัดเตรียมอาหารอยู่ในโรงครัวเล็กเจ้าค่ะ พวกนางกล่าวว่าจะทำบะหมี่อายุยืนให้ฮูหยินทาน ต่อมาต่งฮูหยินก็ตามไปด้วยเจ้าค่ะ ดูเหมือนดมแล้วกลิ่นแปลกๆ พวกนางจึงเชิญแม่นางจี้และคุณหนูเปี่ยวต่งไปเพิ่ม ตอนนี้ทุกคนวุ่นวายอยู่ในโรงครัวเล็กเจ้าค่ะ”

ฉินหมัวมัวทราบดีว่าไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าวันเช่นนี้ต่งซื่อจะนึกไป๋ชิงอวี๋ขึ้นมาแล้วเสียใจ หญิงสาวจึงพาบรรดาน้องๆ มาสร้างความครื้นเครงตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่อยากให้ต่งซื่อนึกถึงเรื่องเสียใจ ฉินหมัวมัวจึงปล่อยให้บรรดาคุณหนูๆ ทำตามใจชอบ

ต่งซื่อรู้สึกอุ่นวาบที่หัวใจ มองออกไปด้านนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง จากนั้นลุกจากเตียงไปนั่งทำผมแต่งหน้าที่หน้าโต๊ะประทินโฉม “เอาผ้าเย็นมาประคบตาให้ข้าที”

ต่งซื่อเพิ่งจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ไป๋ชิงเหยียนพาชุยซื่อและน้องสาวทั้งสามไปจัดโต๊ะอาหารรอที่ด้านนอก

ไป๋จิ่นจื้อเห็นต่งซื่อเดินออกมาจากฉากกั้นด้านในจึงเข้าไปทำความเคารพต่งซื่อด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวซื่อขอให้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่มีวาสนามากล้นเท่ากับภูเขาหนานซานเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวอู่ขอให้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เจริญรุ่งเรือง อายุยืนยาวดั่งต้นสนเจ้าค่ะ!”

“เสี่ยวลิ่วขอให้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีแต่ความสงบสุขเจ้าค่ะ”

ชุยซื่อก้าวไปด้านหน้า ย่อกายทำความเคารพพลางเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นข้าขอให้ท่านป้าสมปรารถนาในสิ่งที่หวัง มีแต่ความรุ่งเรืองในชีวิตนะเจ้าคะ”

“ท่านแม่ ทานบะหมี่อายุยืนเถิดเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้กลมสีแดง ยื่นตะเกียบให้ต่งซื่อ “พวกเราพี่น้องช่วยกันนวดแป้งบะหมี่เจ้าค่ะ เป็นเส้นยาวสวย…”

“ขอบใจพวกเจ้ามาก” ต่งซื่อสั่งให้ฉินหมัวมัวแจกซองอั่งเปาให้เด็กคนละซอง จากนั้นนั่งลงรับประทานบะหมี่ “นั่งลงเถิด ยังไม่ได้ทานอาหารเช้ากันใช่หรือไม่ ทานด้วยกันเถิด!”

แม้ตระกูลสูงศักดิ์จะมีกฎระเบียบว่าขณะรับประทานอาหารห้ามสนทนากัน ทว่า วันนี้คือวันเกิดของต่งซื่อ อีกทั้งมีแต่คนในตระกูลและไป๋จิ่นจื้อเป็นคนร่าเริง อาหารมื้อนี้จึงเต็มไปด้วยความครื้นเครง

ชุยซื่อมองดูบรรยากาศครื้นเครงตรงหน้าแล้วรู้สึกอิจฉามาก

ตระกูลไป๋เป็นต้นแบบของทุกตระกูล เป็นตระกูลที่มีรากฐานมั่นคงและรุ่งเรือง ตระกูลเช่นนี้แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้ทุกตระกูลแล้ว ต่อให้พวกนางสนทนากันระหว่างรับประทานอาหาร ผู้ใดจะกล้ากล่าวหาว่าตระกูลไป๋ไม่มีมารยาทกัน