บทที่ 552 เงื่อนไข

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 552 เงื่อนไข

บทที่ 552 เงื่อนไข

“ใช่ พวกเขาจะให้เรามากเท่าที่เราต้องการ” เสียงของฉินหว่านหรูก็ตกใจพอสมควร เห็นได้ชัดว่านางเองก็ตกตะลึงกับความมั่งคั่งที่ถูกซ่อนไว้ของตระกูลเว่ย

“พวกเขาเป็นเจ้าของเหมืองทองคำหรืออะไรทำนองนั้นหรือไง?” ซูอันตกตะลึง

“พวกเขาน่าจะเป็นนายหน้าของพวกขุนนางระดับสูงในเมืองหลวง” ฉินหว่านหรูกล่าว

“ถ้าเป็นเรื่องจริง อัตราดอกเบี้ยนี้ก็ดีมาก!” ซูอันกล่าว

ตามมาตรฐานของโลกก่อนหน้านี้ ดอกเบี้ย 8% ถือว่าต่ำ ปกติธนาคารจะเสนออัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ประมาณ 6% แต่เป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะได้รับเงินกู้ในอัตราดังกล่าว โดยทั่วไปมีเพียงผู้ที่มีเส้นสายเท่านั้นที่ได้รับ บริษัทส่วนใหญ่จะสามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ย 12% นับประสาอะไรกับตระกูลฉู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินที่พวกเขาต้องการกู้ยืม

จากทุกมุมมองเงื่อนไขของตระกูลเว่ย นั่นมันน่าสนใจมาก

ฉินหว่านหรูถอนหายใจ “มันจะดีมากถ้ามันง่ายขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาเรียกร้องให้เราใช้เหมืองเกลือของตระกูลฉู่เป็นหลักประกัน ข้ากังวลว่านี่จะเป็นอุบายที่จะฮุบเหมืองเกลือของเราเช่นกัน”

“พวกเขาต้องการเหมืองเกลือของเรางั้นเหรอ?” ซูอันขมวดคิ้ว เขาเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติที่จะต้องใช้หลักทรัพย์เป็นเครื่องค้ำประกัน ซึ่งทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของตระกูลฉู่ คือเหมืองเกลือของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ตระกูลเว่ยที่ได้รับการสนับสนุนจากพวกขุนนางในราชสำนัก ได้เสนอข้อกำหนดนี้ในขณะที่ตระกูลฉู่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต จังหวะมันช่างเหมาะเจาะจนยากที่จะเชื่อได้ว่าไม่มีอะไรแอบแฝง

“ท่านแม่ยายมีแผนจะทำอย่างไรต่อไป?” ซูอันถาม

ฉินหว่านหรูส่ายหัว “ข้ายังไม่ได้คิดเลย เราไปปรึกษาเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ เมื่อเรากลับถึงคฤหาสน์กันก่อนก็แล้วกัน”

นางนวดขมับของตัวเอง เห็นได้ชัดว่านางทำงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สามีถูกกักขังและไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

ซูอันตัดสินใจที่จะไม่รบกวนนางอีกต่อไปและออกมาจากรถม้าของนาง เขาจึงรีบเปลี่ยนความสนใจไปที่กล่องที่เขาได้มาจากคฤหาสน์ตระกูลเว่ย เขาแอบหยิบมันออกมาดูหลายครั้งระหว่างทาง แต่เขาไม่สามารถหาวิธีที่จะปลดผนึกได้

หลังจากพาฉินหว่านหรูกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่แล้ว ซูอันก็กำลังจะออกไปพบกับเพ่ยเหมียนหมาน แต่เขาก็ลงเอยด้วยการป๊ะหน้ากับผู้เฒ่ามี่ซะก่อน

ซูอันเริ่มต้นเมื่อเขาเห็นชาวสวนชรา “สวัสดีท่านผู้อาวุโส”

ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้วแล้วดึงเขาไปด้านข้าง “อย่าทักข้าแบบนี้อีก ข้าไม่ชอบตกอยู่ในความสนใจ!”

“ข้าจะจำไว้” ซูอันตอบ

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ตระกูลเว่ยกับฮูหยิน” ผู้เฒ่ามี่จ้องที่ซูอันด้วยสายตาเร่าร้อน ชายชราเพ่งจนราวกับว่าอยากจะมองทะลุผ่านตัวซูอันทุกตารางนิ้ว

โชคดีที่ซูอันเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้ว และไม่หวั่นไหวเลย “ถูกต้อง ท่านแม่ยายไปที่ตระกูลเว่ยเพื่อขอยืมเงิน เราเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ของพวกเขา”

“เจ้าบังเอิญเจอผู้ชายคนนั้นที่เจ้าพบครั้งล่าสุดหรือเปล่า?” ผู้เฒ่ามี่ถามอย่างประหม่า

“ไม่ ฮูหยินและผู้นำตระกูลมีเรื่องจะหารือกัน ข้าแค่รอพวกเขาเท่านั้น” ซูอันอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมผู้เฒ่ามี่ถึงกลัวผู้บ่มเพาะลึกลับคนนั้น

“ดีแล้ว ๆ” ผู้เฒ่ามี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เจ้าพบของที่ข้าต้องการให้เจ้าค้นหาหรือไม่?”

ซูอันส่ายหัว “ท่านบอกข้าแล้วนี่ว่าอย่าตามหามันอีก”

ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้ว

ซูอันรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกทั่วทั้งร่างกายของเขา ผู้เฒ่ามี่น่าจะกำลังใช้พลังบางอย่างสำรวจร่างกายของเขาอยู่แน่นอน

โชคดีที่เขาเก็บกล่องเอาไว้ในดวงแก้วผู้รอบรู้ ไม่งั้นคงถูกเปิดเผยแน่ถ้าไม่ได้ซ่อนมันเอาไว้ซะก่อน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้เฒ่ามี่ก็พยักหน้า “อืม…ดูเหมือนว่าความจำของข้าจะแย่ลงตามอายุ เหอะ ๆ…”

เขาเดินโซเซจากไป ไม่ว่าใครจะมองผู้เฒ่ามี่อย่างไร เขาก็ดูเหมือนคนสวนชราธรรมดา ๆ

ซูอันเดินเตร่ไปรอบ ๆ ราวกับว่าเขามีธุระกับคนอื่น หลังจากที่เขามั่นใจว่าเขาได้หลุดพ้นจากความสงสัยของผู้เฒ่ามี่แล้ว ก็แอบออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉู่

เขาจงใจเดินเลี้ยวอ้อมไปมา หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา เขาก็ไปที่ศาลาใกล้กับสถาบันจันทร์กระจ่าง

ซูอันถอนหายใจได้เมื่อเห็นศาลาที่คุ้นเคย นี่คือที่ที่เขาได้พบกับซางหลิวอวี้เป็นครั้งแรก เขาไม่คิดว่าวันนี้เขาจะต้องมานัดพบกับผู้หญิงคนอื่นที่นี่

“เจ้าถอนหายใจทำไม?” เสียงหวานไพเราะลอยมา เพ่ยเหมียนหมานโผล่ออกมาจากมุมมืดและเดินมาหาเขา

ซูอันถอนหายใจ “ข้าแค่ถอนหายใจเพราะความโล่งใจที่เจ้าปลอดภัยดี ข้ากังวลว่าเจ้าจะไม่สามารถหนีจากผู้บ่มเพาะคนนั้นได้”

เพ่ยเหมียนหมานยิ้ม “ข้าต้องขอบคุณเจ้าสำหรับการจุดไฟนั้น ถ้าเจ้าไม่ทำ ข้าอาจถูกเขาจับได้ ทั้ง ๆ ที่เตรียมการมาทั้งหมดแล้ว”

แค่คิดถึงชายชราผู้นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะจุดชนวนความหวาดกลัวในตัวนาง

“ข้าจุดไฟเพราะต้องการหนีเช่นกัน ส่วนการที่เจ้าสามารถรอดมาได้ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของเจ้าเอง” ซูอันหัวเราะ

การแจ้งเตือนอย่างกะทันหันปรากฏขึ้น

ท่านยั่วยุเว่ยต้านสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 358!

เว่ยต้าน? นี่อาจเป็นชื่อของผู้บ่มเพาะลึกลับจากตระกูลเว่ยคนนั้น

คะแนนความโกรธแค้นเหล่านี้อาจมาจากการค้นพบว่าเรือนของเขาถูกไฟไหม้ ต้องขอบคุณความพยายามของคนรับใช้ของตระกูลเว่ย ความเสียหายจึงน้อยมากเนื่องจากไฟดับลงอย่างรวดเร็ว

เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากล่องใต้เตียงถูกสับเปลี่ยนเช่นกัน ไม่อย่างนั้นความโกรธของเขาคงจะรุนแรงขึ้นมากกว่านี้

“เจ้าพบสิ่งที่ข้ากำลังมองหาหรือไม่?” เพ่ยเหมียนหมานถามอย่างกังวล

ซูอันหยิบกล่องออกมา “ข้าพบเพียงสิ่งนี้เท่านั้น”

เขาอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องนี้ แต่เขาไม่สามารถหาวิธีเปิดมันได้ ดังนั้นเขาจึงคาดหวังว่าเพ่ยเหมียนหมานที่มีประสบการณ์และความรู้รอบตัวมากกว่าอาจจะมีวิธีเปิดมัน

“หืม?” เพ่ยเหมียนหมานรับกล่องมาจากเขาและตรวจดู

ซูอันกล่าวว่า “ระวังด้วยล่ะ มีผนึกอยู่”

เพ่ยเหมียนหมานยิ้ม “ไม่เป็นไร”

เปลวไฟสีดำดวงเล็กปรากฏขึ้นเหนือปลายนิ้วของนาง จากนั้นนางจึงแตะที่กล่อง เปลวไฟกระจายคลุมไปทั่วกล่อง ส่งผลให้ผนึกที่เคลือบกล่องอยู่ถูกไฟไหม้อย่างรวดเร็ว

“เรียบร้อยแล้ว!” มุมริมฝีปากของเพ่ยเหมียนหมานโค้งขึ้น นางเอื้อมมือไปเปิดกล่อง

“ระวัง!” ซูอันหยุดนางอย่างรวดเร็ว นี่คือสิ่งที่ผู้เฒ่ามี่ตามหา เขากังวลว่าอาจจะมีกลไกซ่อนอยู่

เพ่ยเหมียนหมานพยักหน้า นางวางกล่องลงบนพื้น ทั้งสองคนถอยห่างออกไปไม่กี่จั้ง เพ่ยเหมียนหมานก็โบกมือส่งคลื่นพลังงานที่อ่อนโยนไปทางกล่องราวกับว่ามันถูกเปิดออกด้วยมือที่มองไม่เห็น