บทที่ 549 วังบนโอเอซิส

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 549 วังบนโอเอซิส

ตอนนี้หลานเยาเยามาข้างกายเย่แจ๋หยิ่ง ใบหน้าเย็นชาเล็กน้อย มองราชครูเทียนเวิงด้วยท่าทางนิ่งๆ

“คนโกหก? ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อสามปีก่อน ได้พบการมีอยู่ของหนอนพิษกู่ฝ่างซิน เกรงว่าเหตุการณ์วันนี้มันจะกลายเป็นจริงไปแล้ว”

สามปีก่อน ในหุบเขาจิ้น หลังจากเจอส่วนผสมตัวสุดท้ายของพิษกู่จิ้น นางก็ผสมยาแก้พิษ ให้ทุกคนเข้าใจพิษนี้ แต่ในตอนที่แก้พิษให้เย่แจ๋หยิ่ง กลับพบพิษกู่อีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือพิษกู่ฝ่างซิน แม้พิษกู่ฝ่างซินจะร้ายแรง และซ่อนอยู่ลึกยากจะพบ แต่การล่อหนอนลูกออกมานั้นไม่ยาก

“แค่กๆๆ……”

ขณะนี้ ราชครูเทียนเวิงไออย่างรุนแรงออกมาสองสามครั้ง ทุบขวดเล็กๆที่อยู่ในมือ ใบหน้าดุร้าย

พวกกลุ่มเด็กไม่มีความรู้!

เขาโดนพิษแล้วยังไง?

เมื่อครู่เขาได้ขับเลือดพิษออกมาส่วนหนึ่ง แม้จะไม่สามารถแก้พิษได้ แต่ก็ไม่ถึงกับพอใช้กำลังภายในพิษก็จะแพร่ทันที ดังนั้นเขาจึงปิดผนึกเส้นเลือดหัวใจของตัวเอง

เห็นสถานการณ์!

หลานเยาเยาหรี่ตา

คนเลวจริงๆ!

เดิมนางจะเตือนทุกคน แต่คิดไม่ถึงว่าอันดับแรกราชครูเทียนเวิงคิดจะฆ่านาง แม้ราชครูเทียนเวิงจะไม่ได้ใช้กำลังภายใน แต่ฝ่ามือนั้นก็ไม่ใช่เบาๆ หากถูกตีเข้าไป ชีวิตครึ่งหนึ่งก็จะหายไป

ทันทีที่มาถึงปากประตู เห็นเพียงแต่ร่างนึงแว็บมา ร่างเงานั้นผ่านไปรับฝ่ามือของราชครูเทียนเวิง หลานเยาเยาหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว

เย่แจ๋หยิ่ง……

เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก แต่ใจก็ตกลงทันที

อาการบาดเจ็บภายในเขายังไม่หายดีนะ……

กล้าทำเขา ข้าจะสู้กับเจ้า

เมื่อคิดเสร็จ หลานเยาเยาก็แฉลบตัวไป รับมือกับราชครูเทียนเวิงพร้อมกับเย่แจ๋หยิ่ง พวกเขาร่วมมือกัน ใช้ศิลปะการต่อสู้กำลังภายในรวมกัน ถึงจะพอสามารถสู้กับราชครูเทียนเวิงได้อย่างพอๆกัน อีกทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ที่ราชครูเทียนเวิงไม่สามารถใช้กำลังภายในได้

แต่ก็เห็นได้ว่า ราชครูเทียนเวิงนั้นเก่งกาจขนาดไหน

คนอื่นๆก็รีบเข้าร่วมต่อสู้ ยังไงหลายหัวก็ดีกว่าหัวเดียว คำพูดนี้ไม่ผิด ทันทีที่คนอื่นๆเข้าร่วม ราชครูเทียนเวิงนั้นใจสู้แต่กำลังไม่สู้แล้ว

หลังจากที่ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเย็นชาของราชครูเทียนเวิงก็หรี่ลง ทันใดนั้นก็ระเบิดกำลังภายในอันแข็งแกร่งออกมา ทำให้คนที่อยู่รอบตัวกระเด็นออกไป

กำลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้ทุกคนล้วนกระเด็นอ้วกออกมาเป็นเลือด แม้แต่ราชครูเทียนเวิง เพราะการระเบิดกำลังภายในอันแข็งแกร่งเมื่อครู่นี้ของตัวเอง ทำให้ไปกระตุ้นความเร็วในการเเพร่ของพิษ และอ้วกออกมาเป็นเลือดอย่างรุนแรงอีกครั้ง

เขารีบปิดผนึกเส้นเลือดหัวใจตัวเองอีกครั้ง

เย่แจ๋หยิ่งที่ถูกทำให้กระเด็นไปบนแท่น มีเลือดเอ่อออกมาเต็มปาก เดิมก็บาดเจ็บภายในอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเคราะห์ซ้ำกรรมซัด

เช็ดรอยเลือดที่มุมปาก หันหน้าไปหาร่างของหลานเยาเยา กลับพบว่านางอยู่ไม่ไกลจากเขา มีเลือดที่มุมปาก และสายตากำลังมองมาที่เขา

นัยน์ตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวล

แต่สีหน้าของหลานเยาเยาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป……

เพราะมือของเย่แจ๋หยิ่งที่เปื้อนเลือดของตัวเองนั้นยันไปที่พื้นพอดี และบนพื้นนั้น เดิมทีมันควรจะเป็นที่ตั้งของบัลลังก์มังกร

ตอนนี้ เลือดที่เปื้อนบนมือของเย่แจ๋หยิ่งถูกดูดออกไป

“ครืดด……”

ทั้งห้องโถงใหญ่สั่นสะเทือน ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่ราชครูเทียนเวิงที่จะโจมตีหลานเยาๆเป็นครั้งสุดท้ายยังต้องหยุดมือ และเงยหน้ามองแหล่งที่มาของการสั่นสะเทือน

มีเพียงแต่สายตาของเย่แจ๋หยิ่งและหลานเยาเยา ที่มองไปยังพื้นใต้ฝ่ามือของเย่แจ๋หยิ่ง

แรงสั่นสะเทือนนั้นมาจากใต้ดิน

พื้นเดิมทีเรียบๆ ไม่มีช่องอะไร จู่ๆก็มีช่องแตกออก และตรงกลางก็จมลงไปทันที

เย่แจ๋หยิ่งดึงมือกลับมาด้วยความประหลาดใจ มองหลุมสี่เหลี่ยมดำๆนั่น เขามองที่มือตัวเองอีกครั้ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย

การสั่นสะเทือนนั้นยังไม่หยุด กลับแรงขึ้นเรื่อยๆ ยอดของห้องโถงใหญ่เริ่มทลาย เย่แจ๋หยิ่งรีบบินไปข้างกายหลานเยาเยาและปกป้องนาง ไม่ให้นางได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

ทองที่ทลายลงมาราวกับฝน จนกระทั่งหลังคาด้านบนทลายจนหมด ผลลัพธ์ก็คือห้องโถงใหญ่ค่อยๆสูงขึ้น จนถึงระดับหนึ่ง ทุกคนก็เห็นวังและศาลาพลับพลาที่ทลายลงมารอบๆ และกลไกทุกอย่างยังทำงานอยู่ แต่ก็ค่อยๆถูกทรายเหลืองโถมเข้ามากลืนกินไม่เหลือ

จื่อเฟิงมองไปทางห้องควบคุมกลไกหลัก พูดพึมพำอะไรสักอย่างแต่ไม่มีคนได้ยิน และจื่อซีก็จับเขาไว้ เพื่อไม่ให้จื่อเฟิงที่ฟุ้งซ่านอยู่กระเด็นตกลงไป

“เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วรึไง?”จื่อซีคำราม

“ข้า……”

มองไปยังทิศทางเดียวกับเขา จื่อซีรู้ว่าที่นั่นคือตำแหน่งของห้องควบคุมกลไกหลัก สีหน้าก็หม่นลงเล็กน้อย

“คนสมัยก่อนมักจะชอบทำทางหนีทีไล่ให้กับตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ชอบเล่นกลไก เจ้าดูสิ ชายชราผู้นั้นที่อยู่สำนักหงอีก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่รึ?

วางใจเถอะ นางเป็นคนดีจะได้รับการช่วยเหลือจากเบื้องบน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้านายและคุณหนู ตอนนี้พวกเขาจะเป็นจะตายก็ยากจะคาดเดา!”

ตรงนี้จื่อเฟิงนั้นรู้

เขาก็ขอเพียงแต่ว่าสิ่งที่จื่อซีพูดนั้นมันจะจริง

ห้องโถงใหญ่ยังคงสูงขึ้น จนสุดท้ายก็ทะลุออกทรายเหลือง และยังทะลุออกชั้นน้ำไปอีก

“น้ำ? ที่นี่มีน้ำได้อย่างไร?”

ไม่รู้ว่าใครพูดประโยคนี้ หลานเยาเยารีบมองรอบๆทันที ภาพวาดฝาผนังที่สามปรากฏออกมา แทบจะเหมือนกับคำบรรยายในภาพเปี๊ยบ ไม่ใช่ปราสาทบนโอเอซิส แต่เป็นวังบนโอเอซิส

หลานเยาเยาและเย่แจ๋หยิ่งมองตากัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนคิดเหมือนกัน

รอจนกระทั่งการเคลื่อนไหวหยุดลง วังที่ไร้หลังคาก็ตระหง่านอยู่กลางโอเอซิส

ร่างสีขาวย่างกรายเข้ามา ขาวจนเหมือนกับโปร่งแสง มาพร้อมกับท่าทางของเซียน

หลานเยาเยาเห็นแล้ว

เป็นเขาอีกครั้ง เซียนชุดขาวที่มักปรากฏขึ้นในช่วงนี้

เย่แจ๋หยิ่งก็เห็นแล้ว

ทำไมเขาถึงปรากฏตัวขึ้นมาอีก? คนที่มีหน้าตาเหมือนกับตนเองเปี๊ยบ

ที่วังหิมะใต้ต้นบุพเพเขาก็เคยเจอครั้งนึง ครั้งนี้ก็เห็นอีกแล้ว

แต่เขามองไปที่คนอื่นครู่นึง ดูเหมือนนอกจากหลานเยาเยาแล้ว คนอื่นๆก็มองไม่เห็น

“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าเห็น”

หลานเยาเยาชี้ไปยังที่ที่เซียนชุดขาวยืนอยู่ หลุมสี่เหลี่ยมที่ทลายลงมาจนหมดก่อนหน้านี้ ตอนนี้ด้านในดูเหมือนจะมีของบางอย่างโผล่ออกมา เมื่อพุ่งไปยังหลุมนั้นถึงได้รู้ว่า มันคือบัลลังก์มังกรสีทองอร่าม

ส่วนเซียนชุดขาวในตอนนี้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มือสองข้างวางบนที่วางแขน ด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง และก็เปลี่ยนเป็นโปร่งแสงจนมองไม่เห็น

นี่หมายความว่าอะไร?

หลานเยาเยายังคิดไม่ทันเข้าใจ ในสมองก็ค้นพบเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่รอยเลือดบนมือของเย่แจ๋หยิ่งถูกดูด

นัยน์ตาก็ประกายขึ้นมาทันที

แอบฉุดแขนของเย่แจ๋หยิ่งเล็กน้อย อ้าปากกำลังจะพูดอะไร แต่เห็นร่างหนึ่งแฉลบผ่านไป มีคนไปนั่งบนบัลลังก์มังกร

คนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือราชครูเทียนเวิงที่มองพวกเขาอยู่ตลอด

บัลลังก์มังกรนี้จะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่!

แต่เขานั่งลงไป ไม่มีปฏิกิริยาใดๆสักนิด ราวกับว่านอกจากความน่าเกรงขามมากกว่าบัลลังก์มังกรธรรมดาทั่วไปแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษอีก

ราชครูเทียนเวิงผู้เจ้าเล่ห์ไม่ได้ยอมแพ้เท่านี้ เขาลงมาจากบัลลังก์มังกรและมายังข้างกายเย่หลีเฉิน ความเร็วของเขารวดเร็วมาก ไม่ให้โอกาสเย่หลีเฉินได้โต้ตอบ ก็กดคอเขามาบนแท่นแล้ว

หลังจากนั้นก็หันกลับมามองทางเย่แจ๋หยิ่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่

“เจ้า นั่งไป ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเขา”

พูดจบ สองเท้าของเย่หลีเฉินก็ห่างออกจากพื้น ทั้งตัวถูกยกจนหน้าแดง ทำได้เพียงแค่ใช้สองมือจับมือที่กดคอเขาไว้นิ่งๆ

เขาอยากจะบอกว่าไม่ต้องสนใจเขา

แต่ก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมา

เมื่อเห็นเย่หลีเฉินที่ใกล้จะหายใจไม่ออก หลานเยาเยาก็หยิบระเบิดควันออกมา ตอนกำลังจะปาไป ฝ่ามือใหญ่ก็มาจับมือนางไว้

“เขาจะไม่เป็นอะไร”

จากนั้นก็ปล่อยมือนาง มองราชครูเทียนเวิงด้วยสายตาเย็นชา: “ปล่อยเขาก่อน”

ราชครูเทียนเวิงยกมุมปาก

สะบัดเย่หลีเฉินออกไปไม่ใช่เพราะเขาใจอ่อน แต่ว่ายังไงเขาก็ต้องตาย ช้าไปหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร…