บทที่ 415-2 เบื้องหลังอาการป่วย (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 415 เบื้องหลังอาการป่วย (2)

พอเก็บของเสร็จ นางข้าหลวงเหยาจึงเดินไปส่งกู้เจียวที่หน้าประตูตำหนัก

พอทั้งคู่เดินมาถึง ก็บังเอิญเจอกับหนิงอ๋องที่กำลังลงจากรถม้าพอดี

“องค์ชาย!”

นางข้าหลวงเหยารีบโค้งตัวถวายบังคม

หนิงอ๋องพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ จากนั้นหันไปทางกู้เจียวที่อยู่ข้างๆ และแสดงรอยยิ้มอ่อนโยน “ท่านหมอกู้ ไม่นึกเลยว่าท่านจะมาถึงที่นี่”

นางข้าหลวงเหยาเอ่ย “พระสนมมีอาการแน่นหน้าอกเล็กน้อยเมื่อช่วงบ่าย หม่อมฉันจำได้ว่าท่านอ๋องเคยบอกว่าท่านหมอกู้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม หม่อมฉันจึงไปที่โรงหมอเมี่ยวโส่วถังและเชิญท่านหมอกู้มาเพคะ”

หนิงอ๋องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เจ้าทำได้ดีมาก เช่นนั้นเจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าต้องการคุยกับท่านหมอกู้เกี่ยวกับอาการของพระสนม”

“เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวไปรับยาที่เมี่ยวโส่วถังก่อนเพคะ” นางข้าหลวงเหยาเอ่ย

นางข้าหลวงขึ้นรถม้าออกไป

หนิงอ๋องชี้นิ้วไปทางในวัง “หากหมอกู้ไม่รีบไปไหน นั่งพักที่ศาลาบุปผาก่อนดีหรือไม่”

กู้เจียวเอ่ย “ข้ารีบน่ะ ท่านอ๋องมีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าโปรดพูดออกมาเลย อีกอย่าง อย่าลืมจ่ายค่ารักษามาให้ข้าด้วย”

“ได้สิ” หนิงอ๋องเอ่ยพลางหยิบเงินห้าสิบตำลึงออกมา

“ร้อยตำลึง” กู้เจียวเอ่ย

ขนาดองค์หญิงซิ่นหยางกู้เจียวยังคิดร้อยตำลึง เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานค่ารักษาของกู้เจียว

หนิงอ๋องถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง และมีแวบหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับความโผงผางของกู้เจียว ราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“ข้าเคยบอกแล้วไงว่าค่าคิดแพง” กู้เจียวเอ่ยพลางเอามือกอดอก

กู้เจียวเคยเตือนเขาก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนั้นหนิงอ๋องไม่ได้ติดใจอะไร คราวนี้จะต่อรองราคาก็คงไม่ได้แล้วสินะ

เพียงแต่ หนิงอ๋องไม่คิดว่าราคาจะสูงขนาดนี้

ทำให้เขาเกิดความระแคะระคายใจอยู่บ้าง

ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน แต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก

ท้ายที่สุดเขาก็ยอมจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงให้กู้เจียว

“ท่านมีคำถามอะไรอยากถามข้าก็ถามมาได้เลย”

นับวันกู้เจียวยิ่งหัวการค้ามากขึ้นเรื่อยๆ สินะ!

หนิงอ๋องถึงกับตกตะลึงกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของนาง เขาจึงกล้าเปิดปากถาม “ข้าอยากรู้อาการของหนิงอ๋องเฟย”

กู้เจียวเอ่ยตอบ “อย่างแรก ม้ามและกระเพาะของนางอ่อนแอ อย่างที่สอง นางมีความวิตกกังวลมากเกินไป”

“วิตกกังวลมากเกินไปงั้นรึ” หนิงอ๋องขมวดคิ้ว

กู้เจียวอธิบาย “หรือจะเรียกว่าโรคซึมเศร้าก็ได้ ถือได้ว่าเป็นโรคทางใจ ข้าได้สั่งยาสำหรับรักษาโรคไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ท่านเองก็ต้องคอยสังเกตอารมณ์ของหนิงอ๋องเฟยด้วยเช่นกัน”

“นาง…คงเป็นกังวลเรื่องลูกสินะ ข้าแต่งงานกับนางมาหลายปีแล้ว และก็เฝ้ารอที่จะมีลูกมาตลอด แต่ดูเหมือนฟ้าดินคงไม่อนุญาต และเป็นอีกครั้งที่พวกเราล้มเหลว”

หนิงอ๋องใช้คำว่าอีกครั้ง แม้ดูเหมือนเขาพูดมันออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เหมือนเขาพยายามสื่อว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แท้งครรภ์

กู้เจียวรู้เรื่องจากรุ่ยอ๋องเฟยว่าหนิงอ๋องเฟยเคยแท้งถึงสามครั้ง กู้เจียวก็เลยไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา

หนิงอ๋องถามต่อ “นางจะยังมีบุตรได้อีกหรือไม่”

กู้เจียวตอบ “ตอบไม่ได้เลย ตอนนี้ต้องรักษาอาการที่เป็นอยู่ให้ดีเสียก่อน”

หนิงอ๋องพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะถามต่อ “แล้ว…นางรู้ไหมว่าตัวเองเป็นอะไร”

กู้เจียวตอบ “ข้าไม่ได้พูดถึงเรื่องที่นางเป็นซึมเศร้า”

หนิงอ๋องถอนหายใจด้วยความโล่งอก “โชคดีที่เจ้าไม่ได้บอกนาง ข้าไม่ต้องการให้นางกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่อไปข้าจะระวังให้มากขึ้น”

“ขอลาล่ะ” กู้เจียวเอ่ย

“ข้าได้ยินมาว่า…” หนิงอ๋องรีบโพล่งขึ้น

“หืม” กู้เจียวหันกลับมาหาเขา

หนิงอ๋องเอ่ยถามด้วยสายตาอ่อนโยน “ข้าได้ยินว่าเมื่อวานนี้ท่านหมอเข้ามาที่วัง และได้เจอกับรุ่ยอ๋องเฟยรวมถึงไท่จื่อเฟย”

“ท่านจะถามอะไรรึ” กู้เจียวไม่ปฏิเสธ พลางถามต่ออย่างไร้กังวล

หนิงอ๋องยิ้มให้หนึ่งที ก่อนเอ่ยต่อ “ไม่ถามอะไรหรอก พอดีว่าน้องสะใภ้สามมักเอ่ยถึงท่านหมอบ่อยๆ ดูเหมือนว่าพวกท่านจะสนิทกันพอสมควร หากไม่รังเกียจ ข้าอยากจะเชิญท่านมาที่วังแห่งนี้และอยู่เป็นเพื่อนให้กับหนิงอ๋องเฟย”

“ข้าเป็นหมอนะ คนที่ข้าอยู่ด้วยก็มีแต่คนไข้เท่านั้น” กู้เจียวเอ่ย

หนิงอ๋องหัวเราะ “ขออภัยด้วยหากข้าพูดกะทันหันเกินไป”

กู้เจียวเดินออกจากตำหนักหนิงอ๋องและให้เสี่ยวซานจื่อมารับขึ้นรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่สำนักฮั่นหลิน แต่น่าเสียดายที่วันนี้เซียวลิ่วหลังต้องทำงานล่วงเวลา

ข่งมู่พอเห็นกู้เจียวมาที่สำนัก ก็รายงานข่าวให้ฟัง “วันนี้พวกเขาไปที่ศาลาองคมนตรีน่ะ ดูเหมือนท่านราชเลขาหยวนจะต้องการลูกน้องเพิ่ม ก็เลยเรียกพวกเขาสามคนไปน่ะ”

สามคนที่ว่า คือเซียวลิ่วหลัง อันจวิ้นอ๋องและหนิงจื้อหย่วน

กู้เจียวเอามือลูบคาง

ด้วยความที่ราชเลขาหยวนเป็นคนมีชื่อเสียง อีกทั้งในอนาคตพวกเขาอาจะได้เชื่อมสัมพันธ์ในฐานะญาติพี่น้อง จึงไม่ต้องกังวลอะไร

“แม่นางกู้ พวกเราจะกลับไปที่โรงหมอหรือตรอกปี้สุ่ยขอรับ” เจ้าสามเอ่ยถาม

กู้เจียวหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “กลับโรงหมอก่อนดีกว่า”

กู้เจียวกลับไปที่โรงหมอพร้อมกับวางเงินหนึ่งร้อยตำลึงไว้บนโต๊ะ ผู้ดูแลหวังมองด้วยความประหลาดใจ “นี่คืออะไร”

“ค่ารักษาไง” กู้เจียวตอบ

“ไม่สิ… นี่เจ้าไปเก็บค่ารักษามากมายแบบนี้ได้อย่างไรกัน” ผู้ดูแลหวังจำได้ว่าครั้งก่อนไม่นานมานี้ นางก็เพิ่งจะเก็บค่ารักษาร้อยตำลึงมาจากบริเวณถนนจูเชวี่ยเองมิใช่หรือ

“แม่นางกู้ อย่าบอกนะว่าเจ้าไปปล้นใครเขามาน่ะ…” ผู้ดูแลหวังเริ่มสงสัย

กู้เจียวหรี่ตามองผู้ดูแลอย่างขอไปที “เจ้ากำลังดูถูกใครอยู่”

ผู้ดูแลหวังได้แต่ยิ้มเจื่อน “ก็นะ ท่านหมอกู้เป็นคนมีความสามารถ จะไปปล้นใครได้ที่ไหนกันเล่า”

“ถ้าจะปล้นจริงๆ นะ ข้าไม่ปล้นแค่เงินร้อยตำลึงหรอก”

ผู้ดูแลหวัง “…”

เวลาผ่านไปสักพัก รุ่ยอ๋องเฟยก็เดินทางมาที่โรงหมอ

พอเห็นว่าวันนี้กู้เจียวไม่ได้ติดงานอะไร รุ่ยอ๋องเฟยก็พุ่งตัวไปที่สวนหย่อมหลังโรงหมอ

ขณะที่กู้เจียวกำลังยุ่งอยู่กับการตากยา รุ่ยอ๋องเฟยก็เดินเข้าไปทักทายด้วยท่าทีสดใส

“อ้าว รุ่ยอ๋องเฟย” กู้เจียวเอ่ยทักนางพร้อมกับโบกมือให้ด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย

รุ่ยอ๋องเฟยหายใจหอบ พลางเอ่ย “ถ้าเจ้าออกมาจากตำหนักช้ากว่านี้ป่านนี้เราคงได้เจอกันที่ตำหนักแล้ว!”

“ไปที่ตำหนักหนิงอ๋องมารึ” กู้เจียวเอ่ยถาม

“ข้าได้ยินมาว่าหนิงอ๋องเฟยไม่สบาย ข้าจึงไปหานาง แต่แปลก ตอนเช้ายังเห็นดีๆ อยู่เลย พอตกบ่ายกลับป่วยกะทันหัน เกิดอะไรขึ้นกับนางรึ”

เช่นนั้น แปลว่า ระหว่างนั้นนางต้องเจอเรื่องอะไรบางอย่างกระทบจิตใจสินะ

คนเป็นโรคซึมเศร้ามักถูกกระตุ้นได้ง่ายมากๆ

อย่างไรก็ตาม อาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการกระตุ้นเพียงอย่างเดียว บางครั้ง ผู้ป่วยก็อารมณ์ไม่ดีจนควบคุมไม่ได้เลย

“ม้ามและกระเพาะอาหารของนางอ่อนแอ รวมถึงร่างกายยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังจากการแท้งบุตร จำเป็นต้องได้รับพักฟื้นอย่างระมัดระวัง อาการพวกนี้อาจทำให้นางรู้สึกอึดอัดในใจไม่น้อยเลยทีเดียว” กู้เจียวจะไม่พูดถึงอาการของผู้ป่วยกับคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวของผู้ป่วย จึงพยายามดัดแปลงและพูดออกไปอย่างระมัดระวัง

รุ่ยอ๋องเฟยถอนหายใจ “เฮ้อ พี่สะใภ้ของข้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน โชคดีที่ท่านอ๋องเป็นคนดีและรักนางมากมาโดยตลอด อ้อ จริงสิ วันนี้ข้าได้พบกับองค์ชายของแคว้นเฉินด้วยล่ะ!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของรุ่ยอ๋องเฟยก็จริงจังขึ้น “ปรากฏว่า เขาผู้นั้นเป็นคนที่แอบไปพบกับไท่จื่อเฟยที่ภูเขาจำลองในสวนน่ะสิ!”