บทที่ 487 อาการบาดเจ็บของอารัณ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ไอริณถูกพาเข้าห้องฉุกเฉิน

ป้าส้มกับอารัณก็ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน รออย่างใจจดใจจ่อ

มือหนึ่งของอารัณนวดคลึงไปที่ก้น และอีกมือก็ปาดน้ำตา“คุณยายส้ม ไอริณจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ?”

“ใช่จ้ะ ไอริณจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”ป้าส้มย่อตัวลง และลูบไปที่ศีรษะของเด็กน้อย กักเก็บความเศร้าเสียใจ ยิ้มแล้วพูดปลอบ

สองมืออารัณกำแน่น จ้องมองไปยังไฟสีแดงของห้องผ่าตัด ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

นวิยา กล้าทำร้ายไอริณแบบนี้ ทำร้ายน้องสาวของเขา เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่!

“อารัณ เรานั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ยายจะโทรไปหาพ่อของเรา เกิดเรื่องกับไอริณแบบนี้ ต้องแจ้งให้คุณผู้ชายทราบ”ป้าส้มอุ้มอารัณขึ้น แล้ววางลงบนเก้าอี้ข้างๆ

ทันทีที่ก้นของอารัณสัมผัสเข้ากับเก้าอี้ เขาก็ส่งเสียงซี๊ดด้วยความเจ็บปวดออกมา

ป้าส้มเป็นกังวล “เป็นอะไรไป?”

“เจ็บก้น”อารัณตอบกลับด้วยใบหน้าที่หดเกร็ง

ป้าส้มถอดกางเกงของเขาออกเล็กน้อย เห็นก้นที่บวมแดงของเขา ก็ถึงกับอ้าปากค้างทันที “นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“ถูกนวิยาเตะล้มกับพื้นครับ”อารัณกัดฟัน แล้วตอบกลับด้วยใบหน้าที่เย็นชา

ป้าส้มโกรธจนก่นด่าออกมา“ นังงูพิษนั้น ต้องได้ชดใช้กรรมสักวัน”

พูดจบ เธอก็ตบไปที่หลังของอารัณเบาๆ “ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวยายจะพาเราไปทาเอง ”

เธออุ้มอารัณขึ้น แล้วเดินไปยังแผนกกุมารเวชกรรม

การผ่าตัดของไอริณ คงจะไม่แล้วเสร็จในเร็วๆนี้แน่ และในช่วงเวลานี้ เธอก็จึงพาอารัณไปทายา

เมื่อมาถึงที่แผนกกุมารเวชกรรม

หมอได้ตรวจเช็กร่างกายให้อารัณ คิ้วก็ขมวดกันแน่น“ เด็กคนนี้ทำไมถึงได้ล้มแรงขนาดนี้ ?”

“อาการหนักมากเหรอคะ?”ป้าส้มถามด้วยความประหม่า

หมอพยักหน้าให้“เส้นเลือดฝอยตรงบริเวณผิวหนังบั้นท้ายของเด็กเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นก็จึงได้บวมแดงแบบนี้ ในช่วงนี้ เด็กจะไม่สามารถนั่งได้ ให้นอนคว่ำเท่านั้น และโชคยังดีที่เป็นตรงบั้นท้าย เพราะตรงบั้นท้ายมีเนื้ออยู่มาก จึงปกป้องกระดูกส่วนนั้นไว้ได้ มิเช่นนั้นกระดูกที่เปราะบางของเด็ก เกรงว่าคงหักไปแล้ว ”

“นวิยานังบ้าสมควรตายจริงๆ”เมื่อป้าส้มได้ยินอาการที่สาหัสของอารัณ ก็โมโหจนต้องก่นด่าออกมาอีกครั้ง

“เอาล่ะหนูน้อย นอนคว่ำอยู่ตรงนี้ไปก่อน เดี๋ยวฉันจะทายาให้ ”หมอพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย เพื่อปลอบอารัณ

ป้าส้มก็พูดปลอบเช่นกัน “อารัณเด็กดี ให้หมดทายาหน่อยนะ ”

“ครับ”อารัณพยักหน้าให้ ถอดกางเกงออกอย่างว่าง่าย นอนคว่ำอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เห่อแดง

หมอหยิบสำลีก้อนและยาออกมา เริ่มทายาให้

ป้าส้มไม่ได้เฝ้ามองดู หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก

โทรศัพท์เชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว

เมื่อมารุตเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือป้าส้ม ไม่รีรอ เปิดประตูห้องประชุมออกแล้วเดินเข้าไป เดินไปยังหัวโต๊ะตรงที่นั่งของนัทธี “ท่านประธาน ป้าส้มครับ ”

เขาคืนโทรศัพท์ให้กับนัทธี

ปรกติป้าส้มจะไม่โทรหาท่านประธาน เว้นแต่จะมีเรื่องสำคัญเท่านั้น

ดังนั้น เขาจึงไม่ได้สนใจว่าจะอยู่ในระหว่างการประชุมหรือไม่ เอาโทรศัพท์ให้กับนัทธี

นัทธีรับโทรศัพท์มา แล้วทำท่าทางให้หยุดการประชุมลงก่อน จากนั้นก็กดรับสาย “เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณผู้ชาย ไม่ดีแล้ว นวิยาหนีออกมาแล้ว”เมื่อป้าส้มได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ก็พูดออกมาด้วยความร้อนใจ

นัทธีพยักหน้าให้ “ผมรู้ แล้วป้ารู้ได้อย่างไร ? เจอเธอเหรอ ?”

เขาไม่ได้บอกเรื่องที่นวิยาถูกปล่อยตัวออกมาให้ป้าส้มได้รู้ แต่ป้าส้มกลับรู้

นั้นก็แสดงว่า ป้าส้มเจอกับนวิยา

“ใช่ค่ะ นวิยาเธอมาที่คฤหาสน์ แล้ว……”น้ำเสียงของป้าส้มก็สะอื้นเบาๆ

นัทธีเหยียดตัวตรง สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา “แล้วอะไร?พูดมา!”

ในใจของเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร

ป้าส้มเช็ดน้ำตา หายใจเข้าลึกๆ หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จึงตอบกลับว่า“ แล้วเตะอารัณจนบาดเจ็บ ที่สาหัสกว่าคือไอริณ เธอยกร่างไอริณขึ้นแล้วทุ่มลงกับพื้น ตอนนี้ไอริณอยู่ในห้องผ่าตัด ไม่รู้เป็นตายยังไง คุณผู้ชาย คุณรีบมาดูเองเถอะค่ะ”

เมื่อนัทธีได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวสมองก็ขาวโพลนทันที ในใจเหมือนมีใครมาบีบรัดเอาไว้แน่น ทั้งเจ็บปวดและเหมือนจะหายใจไม่ออก

เขาลุกยืนขึ้นทันที เพราะการขยับตัวของเขา ทำให้เก้าอี้เกิดการเสียดสีและมีเสียงดังจนแสบแก้วหู

ผู้คนในห้องประชุม อดไม่ได้ที่จะยกมือปิดหูแล้วมองมาที่เขา ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนทำให้ท่านประธานควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้

“โรงพยาบาลไหน บอกที่อยู่มา!”มือของนัทธีกำโทรศัพท์แน่น แม้ใบหน้าจะไม่แสดงอาการอะไร แต่ดวงตาที่ราวกับพายุโหมกระหน่ำ ที่ปิดบังเอาไว้ไม่มิด

ทุกคนต่างมองออก ว่าอารมณ์ของเขานั้นผิดปกติอย่างมาก เหมือนกำลังระงับความกรุ่นโกรธที่มีอย่างมากมาย

ป้าส้มบอกที่อยู่ออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่นัทธีฟังจบ ก็วางโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปยังประตูของห้องประชุม กึ่งเดินกึ่งวิ่งหายออกไปอย่างรวดเร็ว

ทุกคนก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ต่างจ้องมองไปยังมารุต ใช้สายตาเป็นการส่งคำถาม

มารุตยิ้มเจื่อน

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“อะแฮ่ม งั้น การประชุมในวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน รอท่านประธานเสร็จธุระ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายได้ ”เมื่อมารุตพูดกับทุกคนจบ ก็วิ่งไล่ตามหลังนัทธีไป

ในลานจอดรถ มารุตก็ตามนัทธีมาทัน

เขาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเข้าไปนั่งประจำที่ ก็ได้ยินนัทธีพูดขึ้นว่า“ไปโรงพยาบาลบัวหลวง เร็ว !”

น้ำเสียงนั้นไม่ได้บดบังอาการสั่นเครืออะไรเลย เผยให้เห็นอารมณ์ในตอนนี้ของท่านประธานอย่างชัดเจน

ท่านประธานกำลังหวาดกลัว และวิตกกังวล

“ท่านประธาน เกิดอะไรขึ้นครับ ? ”ขณะที่มารุตกำลังสตาร์ทรถก็เอ่ยถามออกไป

นัทธีบอกเล่าเรื่องราวในสายให้เขาฟัง

หลังจากที่มารุตฟังจบ ก็ถึงกับอึ้งไป “นวิยาไปที่คฤหาสน์ แล้วยัง……”

“ขับให้เร็วกว่านี้ !”นัทธีพูดเร่งด้วยเสียงที่เย็นเยือก

มารุตลอบกลืนน้ำลาย ไม่ได้พูดอะไรอีก เหยียบคันเร่ง แล้วขับมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล

ไม่นาน ก็มาถึงที่โรงพยาบาล

นัทธีมาถึงที่หน้าห้องผ่าตัด

ป้าส้มกับอารัณก็อยู่ที่นั่นด้วย

เมื่อเห็นนัทธีเดินมา ป้าส้มก็ราวกับเห็นที่พึ่ง ปาดน้ำตาออกแล้วเดินเข้าไปหา“คุณผู้ชาย ในที่สุดคุณก็มาซะที ”

“ตอนนี้ไอริณเป็นยังไงบ้าง ?”นัทธีถามเสียงเข้ม

“ยังไม่รู้เลยค่ะ นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว”ป้าส้มมองไปยังประตูห้องผ่าตัด ตอบกลับด้วยความกังวล

“พ่อครับ ต้องจับตัวนวิยามาให้ได้นะ ต้องจับให้ได้ !”ในตอนนี้ น้ำเสียงที่เกลียดชังของอารัณก็ดังขึ้น

นัทธีหันมองไป

เจ้าเด็กคนนี้นอนราบอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเรียวเล็กที่เหมือนเขา ก็ถูกความเกลียดชังกัดกร่อน

นัทธีไม่ชอบเห็นใบหน้าที่ใสซื่อของเด็กน้อย มีสีหน้าแย่ๆและอารมณ์โกรธแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เด็กน้อยใจเย็นและสงบสติอารมณ์

เพราะไอริณเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ แล้วเขามีสิทธิ์อะไรให้เด็กน้อยคนนี้สงบสติอารมณ์ แล้วไม่ให้เด็กน้อยไปโกรธและเกลียด

“ได้ พ่อจะจับตัวเธอมาให้ได้”นัทธีเดินเข้าไปหา แล้วย่อตัวลง ลูบที่ศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเจ็บปวด “อาการบาดเจ็บของอารัณเป็นยังไงบ้าง ?”

เขาหันหน้าแล้วมองไปยังป้าส้ม

ป้าส้มฝืนยิ้มออกมาแล้วตอบว่า “อารัณไม่ได้เป็นอะไรมาก ในช่วงนี้ต้องนอนคว่ำหน้าแบบนี้ไปก่อน เพื่อรักษาตัว”

“อืม”นัทธีพยักหน้า แสดงให้รู้ว่ารับรู้แล้ว ในใจก็โล่งอกด้วยเช่นกัน

เขาลุกยืนขึ้น ดวงตาโหดร้ายแล้วออกคำสั่งว่า“นายไปจัดการเช็กกล้องวงจรปิดทุกตัวที่คฤหาสน์ เช็กเส้นทางการหลบหนีของนวิยา หาตัวเธอมาให้ได้ พิชิตด้วย ให้คนไปเอาตัวเขามา”

“รับทราบครับ”มารุตพยักหน้า จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามไปว่า“เรื่องนี้ จะแจ้งให้คุณผู้หญิงทราบไหมครับ?”

ดวงตานัทธีไหววูบ จากนั้นก็ส่ายหน้า“ยังไม่ต้อง ตอนนี้เธอกำลังแข่งขันอยู่ หากบอกเธอไป จะมีผลกระทบกับอารมณ์ของเธอได้ รอให้ผ่านไปก่อนแล้วฉันจะบอกเธอเอง อารัณล่ะมีความเห็นยังไง ?”