บทที่ 488 เจาะเลือด

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เขามองไปที่เด็กน้อย

เด็กน้อยพยักหน้าให้“ เอาตามอย่างที่พ่อว่า การแข่งขันนี้มีความสำคัญกับอาชีพของหม่ามี๊มาก ผมก็ไม่อยากให้หม่ามี๊ ต้องละทิ้งการแข่งขันนี้เพราะพวกเรา ”

เขารู้จักหม่ามี๊ดี

หากหม่ามี๊รู้ว่าเขากับไอริณเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คงต้องละทิ้งการแข่งขันแล้วรีบกลับมาแน่นอน

นัทธีลูบไปที่ศีรษะของอารัณ “ไปเถอะ”

“ครับ”มารุตรับคำ แล้วหันหลังเดินจากไป

“พ่อครับ ผมไม่เอาไหนมากเลยใช่ไหมครับ ?”จู่ๆ อารัณก็ถามออกมาด้วยอารมณ์ที่หดหู่

นัทธีมองไปที่เด็กน้อย“ ทำไมถึงพูดแบบนี้ ?”

“ผมเคยรับปากกับหม่ามี๊ ว่าจะดูแลไอริณให้ดี แต่ผมทำอย่างที่พูดไม่ได้”ดวงตาของอารัณแดงก่ำ พูดเสียงสะอื้น

นัทธีพูดอย่างอ่อนโยนว่า“ไม่เลย ลูกทำอย่างที่พูดไว้ และทำได้ดีมาก ลูกปกป้องไอริณอย่างเต็มที่แล้วไม่ใช่เหรอ เพราะสภาพร่างกายที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นก็จึงปกป้องได้ไม่ดีพอ แต่ลูกก็เก่งมากๆแล้ว ”

“จริงเหรอครับ?”อารัณมองไปที่เขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า

“จริง”

ไม่เพียงมีนัทธีที่พยักหน้า ป้าส้มก็พยักหน้าด้วย“ จริงแน่นอนค่ะ อารัณเก่งมาก”

ในที่สุดอารัณก็ยิ้มออกมา “แต่ผมก็ยังปกป้องไอริณได้ไม่ดีพอ”

“งั้นก็ต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งมากขึ้น รีบโตเร็วๆ”นัทธีลุกขึ้นยืนแล้วพูด

คำพูดนี้ เหมือนเชื้อไฟ ที่จุดประกายในใจของอารัณ

เขากำมือเล็กๆแน่น หายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าอันใสซื่อเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น“ครับ ผมจะโตเร็วๆและเข้มแข็ง พ่อครับ ผมอยากเรียนศิลปะการต่อสู้ ”

เขาอยากจะเรียนรู้เรื่องพวกนี้ เพื่อจะได้ปกป้องไอริณในวันข้างหน้า

ต่อให้จะเจอคนรูปร่างสูงใหญ่ เขาก็สามารถใช้ทักษะการต่อสู้นี้ล้มคู่ต่อสู้ได้ ไม่เหมือนกับในครั้งนี้ ตอบโต้กลับอะไรไม่ได้เลย

“ได้”นัทธีพยักหน้า แล้วตอบตกลง“รอไอริณหาย พ่อจะหาครูมาสอนให้”

“ขอบคุณครับพ่อ”อารัณพูดขอบคุณ

นัทธียกยิ้มให้

ในตอนนี้ ประตูของห้องผ่าตัดเปิดออก มีพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมา

ป้าส้มรั้งเธอเอาไว้ “คุณพยาบาล เด็กที่อยู่ข้างในเป็นยังไงบ้างคะ ? ”

นางพยาบาลกวาดตามอง ตอบกลับทันทีว่า“แขนของเด็กหัก หัวแตกและเสียเลือดมาก ตอนนี้แขนได้ทำการรักษาแล้ว ที่หัวก็เย็บแผลให้แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนถ่ายเลือดสุดท้าย แต่เด็กคนนี้มีกรุ๊ปเลือดRH negative ตอนนี้ฉันกำลังจะไปดูที่ธนาคารเลือด ว่ายังมีเลือดกรุ๊ปนี้อยู่ไหม ”

“ไม่ต้องไปดูก็ได้ครับ เอาของผมไป ”นัทธีตอบกลับทันที

เขาก็มีกรุ๊ปเลือดRH negative ตอนที่อารัณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาก็เตรียมที่จะบริจาคให้อารัณแล้ว

แต่ก็ถูกวารุณีห้ามเอาไว้ เลือกของนิรุตติ์แทน

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวง นัทธีถอดเสื้อคลุมออกแล้วโยนให้ป้าส้ม ปลดกระดุมแขนเสื้อ แล้วพับแขนขึ้น เผยให้เห็นต้นแขนที่แข็งแรง

เมื่อพยาบาลเห็นว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะให้เจาะเลือดขนาดนี้แล้ว ก็จึงไม่คิดที่จะปฏิเสธ แต่เผื่อเอาไว้ ก็ถามไปคำหนึ่งว่า“คุณกับเด็กที่อยู่ด้านใน เป็นอะไรกัน ? หากเป็นพ่อลูกกัน บริจาคเลือดไม่ได้นะ ”

“ผมเป็นพ่อเลี้ยงของเด็กครับ ”นัทธีตอบเสียงเข้ม

พยาบาลแปลกใจเล็กน้อย“ เป็นพ่อเลี้ยงที่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน นี่มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ตามฉันมาค่ะ”

“ดูแลอารัณให้ดี ผมไปก่อน”นัทธีพูดกำชับกับป้าส้ม แล้วเดินตามพยาบาลไป

ผ่านไปประมาณสิบนาที นัทธีก็กลับมาพร้อมกับก้อนสำลีในมือ ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ดูก็รู้ว่าคงถูกเจาะเลือดไปไม่น้อย

“คุณผู้ชาย เป็นยังไงบ้างคะ ?” ป้าส้มประคองเขา ไปนั่งอยู่อีกด้านของเก้าอี้ นั้นก็คือที่ข้างๆของอารัณ

“ผมไม่เป็นอะไร แค่เวียนหัวนิดหน่อย”นัทธีสะบัดหน้าไปมา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

อารัณมองดูเขา ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หยิบลูกอมสองเม็ดออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขา “พ่อครับ อะนี่”

นัทธีมองไปที่ลูกอมรสผลไม้สองเม็ดนั้น แล้วเลิกคิ้วขึ้น

ดวงตาของอารัณเศร้าสร้อย“ นี่เป็นของที่ผมเก็บไว้ในกระเป๋า เพื่อจะเอาไว้ปลอบไอริณ แต่ไอริณ……”

“วางใจเถอะ ไอริณจะต้องไม่เป็นอะไร”นัทธีลูบไปที่ศีรษะของเขา จากนั้นก็รับลูกอมสองเม็ดนั้นมาแล้วแกะออก กินไปเม็ดหนึ่ง อีกเม็ดหนึ่งก็ให้อารัณ

พ่อลูกสองคนกินลูกอม ในใจก็ค่อยๆสงบลง

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของนัทธีก็ดังขึ้น

เขาเอาก้อนสำลีออก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นสายที่โทรเข้ามา รูม่านตาก็หดเกร็ง

อารัณเองก็เห็น กะพริบตาปริบๆ “ หม่ามี๊โทรมา ”

นัทธีเม้มริมฝีปากแน่น

ต่างประเทศในตอนนี้เป็นเวลามืดค่ำแล้ว ตามหลัก เธอต้องยังนอนอยู่ แล้วทำไมจู่ๆถึงได้โทรมา

หรือว่าเธอ จะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเด็กทั้งสองคนแล้วงั้นเหรอ ?

แล้วถ้ารู้ ใครเป็นคนบอกเธอ ?

นัทธีหลุบตาลง หลังจากที่ลังเล ก็จึงกดรับสาย

“นัทธี”น้ำเสียงที่เหนื่อยล้าของวารุณีดังขึ้น “ไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณใช่ไหม ?”

ดวงตานัทธีมืดมน

เธอไม่ได้เอ่ยถามทันทีกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเด็กน้อยทั้งสองคน

ดูไปแล้ว เธอคงน่าจะยังไมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเด็กน้อย

“ไม่”นัทธีจับไปที่มือเล็กๆของอารัณ ทำเสียงให้ปรกติเหมือนเวลาทั่วไป ให้ฟังไม่ออกถึงอาการติดขัด“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมจู่ๆถึงได้โทรมา?”

วารุณีกอดผ้าห่ม นั่งพิงหัวเตียง ตรงหน้าผากมีเหงื่อผุดเต็มไปหมด ใบหน้าก็ไม่สู้ดี “เมื่อกี้ฉันฝันร้าย”

“ฝันร้าย?”นัทธีหรี่ตาลง

วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ ฉันฝันว่าอารัณกับไอริณถูกลักพาตัว จากนั้นฉันก็ตกใจตื่นขึ้นมา หลังจากที่ตื่น ในใจก็รู้สึกคับแน่นไปหมด รู้สึกไม่สบายเอาซะเลย ดังนั้นจึงโทรมา อยากได้ยินเสียงของเด็กๆ ”

แววตาของนัทธีประหลาดใจเล็กน้อย

ทันทีที่เด็กทั้งสองคนเกิดเรื่อง เธอก็ฝัน และฝันว่าเด็กทั้งสองคนเกิดเรื่องด้วย แม้ว่าความฝันของเธอ จะแตกต่างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น

แต่ก็เพียงพอให้คนต้องทึ่งตามด้วยแล้ว

หรือว่า นี่คือสายใยระหว่างแม่ลูก ?

“วางใจเถอะ เด็กทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไร ความฝันกับความจริงมักจะตรงกันข้ามเสมอ”นัทธีพูดปลอบเธอ

วารุณีกระตุกมุมปาก แล้วหัวเราะออกมา“ ฉันรู้ แต่ไม่รู้ทำไม ความฝันในครั้งนี้ ทำให้ฉันไม่สบายใจเลย นัทธี ฉันอยากได้ยินเสียงของเด็กๆ”

ไม่ได้ยินเสียงของเด็กๆ เธอคิดว่า ใจเธอคงสงบลงไม่ได้แน่

นัทธีเม้มปาก“เด็กทั้งสองคนอยู่ที่คฤหาสน์ เดี๋ยวคุณโทรไปหาป้าส้ม ให้ป้าส้มตามเด็กๆมารับสายแล้วกัน ”

“ค่ะ แบบนั้นก็ได้ ”วารุณีพยักหน้า

จากนั้น ทั้งสองคนก็พูดคุยกันเรื่องอื่น แล้ววางสายไป

นัทธีมองไปยังป้าส้ม “ เดี๋ยววารุณีจะโทรหาป้า ปกปิดเอาไว้ให้ดีด้วยล่ะ ”

“เข้าใจค่ะ”ป้าส้มพยักหน้า

นัทธีก็หันมองไปที่อารัณ

อารัณไม่รอให้เขาได้พูด ชิงพูดขึ้นก่อนว่า“ คุณพ่อไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำตัวมีพิรุธให้หม่ามี๊จับได้แน่”

“ขอโทษด้วยนะ ลำบากทุกคนแล้ว”แววตาของนัทธีฉายความรู้สึกผิด

อารัณส่ายหน้า“ไม่ได้ลำบากอะไรพวกเราเลย เพื่อความฝันของหม่ามี๊ เราไม่ได้ลำบากอะไรเลย ”

ทันทีที่พูดจบ โทรศัพท์มือถือของป้าส้มก็ดังขึ้น

“คุณผู้หญิงโทรมาแล้วค่ะ”ป้าส้มรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา มองสายที่โทรเข้ามาแวบหนึ่ง แล้วกดรับสาย “คุณผู้หญิง”

“ป้าส้ม อารัณกับไอริณอยู่บ้านไหมคะ ?”วารุณีถาม

วันนี้เป็นวันหยุด เด็กทั้งสองคนไม่ได้ไปโรงเรียน

ป้าส้มมองไปที่อารัณ “อยู่ค่ะ”

วารุณีโล่งอก“งั้นรบกวนป้าส้มให้เด็กๆรับโทรศัพท์หน่อยค่ะ ”

“ได้ค่ะ แต่อารัณคนเดียวนะคะ ไอริณหลับอยู่ ” ป้าส้มกล่าว

วารุณีหัวเราะ “ไม่เป็นไรค่ะ ฟังเสียงของอารัณก็ได้ ”

“งั้นคุณผู้หญิงรอสักครู่ จะขึ้นไปชั้นบนเดี๋ยวนี้ค่ะ” ป้าส้มกล่าว แล้วเดินไปมาอยู่กับที่ แกล้งทำทีเป็นขึ้นชั้นบนไป

วารุณีได้ยินเสียงฝีเท้าในโทรศัพท์ ก็รู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าตรงไหน

เธอไม่ได้คิดมากอะไร เพราะเสียงของอารัณดังขึ้น“หม่ามี๊”

“ลูกรัก”เมื่อวารุณีได้ยินเสียงลูก หัวใจดวงนี้ ก็จึงได้กลับคืนสู่สภาพปรกติ