ตอนที่ 532 ความฝันที่มี บางทีอาจเป็นจริง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 532 ความฝันที่มี บางทีอาจเป็นจริง

นายท่านลู่และนางลู่หันมาสบตากัน…เจ้าลูกคนนี้เป็นอะไรไป ? โดนคนดักตีหัวบนถนนแล้วสมองไม่ดีไปแล้วหรือ ?

คุณชายใหญ่ลู่กวักมือเรียกชิงเฟิงที่ออกไปกับอีกฝ่ายให้เข้ามา แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ? คุณชายรองไปเจออะไรมา ? ”

ชิงเฟิงก็มีท่าทางตกตะลึงเหมือนกัน เขาบ่นพึมพำออกมาว่า “ละ…หลินกู่เหนียง…เป็นจวิ้นจู่น้อยแห่งตำหนักหมินอ๋อง…”

“จวิ้นจู่น้อย ? ” นายท่านลู่ นางลู่และคุณชายใหญ่ลู่จับประเด็นสำคัญในคำพูดของชิงเฟิงได้ ช่วงสองวันมานี้เรื่องจวิ้นจู่ที่หายสาบสูญไปนานหลายปีของตำหนักหมินอ๋องได้กลับคืนสู่ตระกูลถูกแพร่ไปทั่วเมืองหลวง แม้พวกเขาจะไม่อยากรับรู้ก็ยังเป็นเรื่องยาก…หรือว่า…เจ้ารองไปมีอะไรพัวพันกับจวิ้นจู่คนนี้ ?

ทั้งสามคนเลื่อนสายตามาอยู่ที่ตัวลู่เหวินจวินทันที นายท่านลู่กระแอมไอก่อนจะถามว่า “เจ้ารอง หรือเจ้าไปผิดใจอะไรกับจวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋อง ? ไม่ต้องกลัว ไหนเจ้าลองเล่ามา แล้วพวกเราจะช่วยกันหาทางออกให้เจ้าเอง ! ”

“ว่าอย่างไรนะ ? พวกท่านคิดอะไรกันอยู่ขอรับ ? ” ลู่เหวินจวินถูกดึงออกจากความคิด เขายกชามน้ำขึ้นมาเพื่อล้างปาก หลังบ้วนปากเสร็จแล้วถึงยอมพูดออกมาว่า “พวกท่านคาดไม่ถึงแน่ ๆ ว่าเว่ยเว่ยจวิ้นจู่ที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งใหม่เป็นใคร ! ? ”

“ใคร ? คนที่เจ้าชอบหรือไร ? ” นางลู่เป็นคนชอบคิดเพ้อฝัน

ลู่เหวินจวินเหมือนคนโดนดึงหางเปีย เขาตกจากเก้าอี้ทันที “ท่านแม่ขอรับ ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร ? นางมีคู่หมั้นแล้ว ! ช่างเถิด ลูกไม่อ้อมค้อมก็ได้ จวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋องก็คือเด็กสาวทรงพลังที่ช่วยชีวิตลูกไว้ที่เขตเริ่นอัน เมล็ดสนปากอ้าที่บ้านเราขายดิบขายดีก็เป็นสูตรของนาง ! ”

ลู่เหวินจวินเพิ่งเริ่มเปิดประเด็น คุณชายใหญ่ลู่ก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร “ท่านแม่ขอรับ ก็หลินกู่เหนียงที่ท่านเคยล้อว่าอยากรับเป็นบุตรบุญธรรมไงขอรับ ! ”

“ใช่ ! หลินกู่เหนียงหมู่บ้านฉือหลี่โกว ที่ทำขนมอร่อย…เนื้อแผ่นและขนมอบที่ลูกนำกลับมาเมื่อหลายครั้งก่อนก็เป็นฝีมือของนาง ! ” ลู่เหวินจวินคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อสุด ๆ ใครจะไปคิดว่าเด็กสาวจากหมู่บ้านในหุบเขาแสนห่างไกล จะกลายเป็นจวิ้นจู่ที่กำลังโด่งดังในเมืองหลวงตอนนี้ !

นางลู่พูดด้วยความหงุดหงิด “ถ้ารู้อย่างนี้เชิญหลินกู่เหนียงมานั่งที่บ้านก็ดี เพราะอย่างไรนางก็เคยช่วยเจ้ารองไม่ใช่แค่ครั้งเดียว…ตอนนี้ล่ะ ด้วยฐานะของนางแล้วเราได้แต่ยืนมองเท่านั้น ! ”

น่าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มียาย้อนเวลา ถ้าปีก่อนนางให้ความสำคัญกับหลินกู่เหนียงผู้นี้อีกหน่อย จริงจังให้มาก นางก็อาจมีบุตรบุญธรรมเป็นจวิ้นจู่ไปแล้ว ?

ตอนนั้น นางยังกังวลว่าเจ้าบุตรผู้โง่เขลาคนนี้ชอบนาง ! แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าลูกโง่ก็เป็นคนมีสติปัญญา…

จู่ ๆ คุณชายรองลู่ผู้มีสติปัญญาก็มองพี่ชายด้วยดวงตาเป็นประกาย “พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าหากพวกเรากับจวิ้นจู่น้อยเป็นหุ้นส่วนทำการค้าเมล็ดสนปากอ้า จะเป็นอย่างไร ? ”

“ไม่เป็นอย่างไร ! ” หลังคุณชายใหญ่ลู่ลองครุ่นคิดสักพักแล้วก็วิเคราะห์ให้น้องชายฟัง “ก่อนอื่นคือพวกเราไม่มีเมล็ดสนอยู่ที่นี่ การขนส่งมีต้นทุนสูง ประการที่สองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดด้วย คือเจ้ามั่นใจว่าจวิ้นจู่อย่างนางจะมาร่วมลงทุนกับเจ้าหรือ ? ความคิดนี้ ถ้าเจ้าทำก่อนที่จวิ้นจู่จะกลับเข้าตำหนักหมินอ๋อง ก็อาจพอเป็นไปได้ แต่ตอนนี้…ใช่ว่าข้าอยากขัดความคิดเจ้า ! แต่ในเมืองหลวงมีพ่อค้าที่มากอำนาจกว่าพวกเราอยู่หลายคน ! พวกเขาอยากจะร่วมลงทุนกับตำหนักหมินอ๋องยังทำไม่ได้เลย นับประสาอันใดกับพวกเรา ? ”

ท่ามกลางพ่อค้ามากมายในเมืองหลวง อย่างมากสุดกำลังของสกุลลู่ก็อยู่ได้แค่ชั้นกลางเท่านั้น แต่ตำหนักหมินอ๋องมีฐานะอะไร ? แม้แต่ขุนนางขั้นหนึ่งในเมืองหลวงก็ยังไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย !

แต่ลู่เหวินจวินไม่ได้คิดแบบนั้น…ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร ? เขาพูดด้วยเสียงทรงพลัง “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ! เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการแล้วกัน ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ต้องลองดูก่อน มันอาจสำเร็จได้ไม่ใช่หรือ ? ”

“ได้ ! เจ้าไปลองดูเถิด ! ส่วนเงิน หน้าร้านและคนงาน เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ! ” ยากนักที่บุตรชายคนเล็กจะกระตือรือร้นขนาดนี้ จึงเป็นธรรมดาที่นายท่านลู่จะสนับสนุนอย่างสุดกำลัง ! ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่ได้เสียหาย ใครต่างก็บอกว่าคนโง่ย่อมมีโชคของตัวเอง ถ้าบุตรชายเกิดจับเรือลำใหญ่อย่างตำหนักหมินอ๋องได้ บรรพบุรุษสกุลลู่คงดีใจจนออกมาจากสุสานแน่นอน !

ณ เรือนของหยวนฮั่นหลิน บัณฑิตหยวนและหยวนเจี๋ยก็กำลังสนทนาถึงเรื่องจวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋องเช่นกัน ทว่าประเด็นที่พวกเขาคุยกันคือคู่หมั้นของจวิ้นจู่น้อย

“คาดไม่ถึงว่าเจียงเจี้ยหยวนจะมีโชคขนาดนี้ ! ” หยวนเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ การเปรียบเทียบช่างทำให้น่าโมโหจริง ๆ อีกฝ่ายสอบได้เจี้ยหยวนตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม เดิมทีคู่หมั้นเป็นเด็กสาวชาวป่าชาวเขาคนหนึ่ง ในเวลานี้ได้กลายเป็นจวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋อง

เดิมที เขาอิจฉาเจียงโม่หานที่มีลาภปากเพราะคู่หมั้นมีฝีมือทำอาหารไม่ธรรดา แต่ตอนนี้อยากอิจฉาก็ยังทำไม่ไหว เจียงเจี้ยหยวนคนนี้คงไม่ได้เป็นลูกรักของสวรรค์หรอกกระมัง ?

บัณฑิตหยวนกลับส่ายหน้า “มีทุกข์ก็มีสุข มีสุขก็มีทุกข์ได้เช่นกัน จากนี้ไปในหมู่ปัญญาชน เกรงว่าแรงกดดันที่เจียงเจี้ยหยวนต้องแบกรับ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะแบกไหว…หวังว่าเจียงเจี้ยหยวนจะไม่ทำตัวเย่อหยิ่งและอวดฉลาด”

พอหยวนเจี๋ยได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกไม่อยากอิจฉาขึ้นมาทันที ลองจินตนาการถึงวันที่เขาประสบความสำเร็จแล้วโดนคนเข้าหาเพราะอยาก ‘เล่นพรรคเล่นพวก’ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะรับมืออย่างไร แต่เขาไม่มีทางรับไหวแน่นอน !

“จริงสิขอรับ ! อาจารย์ปู่ไม่ได้บอกแล้วหรือว่ารอให้เจียงเจี้ยหยวนมาปักหลักที่เมืองหลวงเมื่อใด ก็ให้บอกท่านขอรับ ? เหตุใดท่านจึงไม่ทิ้งจดหมายไว้ให้เจียงเจี้ยหยวนเองเล่าขอรับ ? ” หยวนเจี๋ยรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

“อาจเป็นเพราะ…ไม่อยากทำให้ดูมีความเกี่ยวข้องกับเจียงเจี้ยหยวนมากกระมัง ? ” บัณฑิตหยวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนกดขี่เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของตน ตอนนั้นเขายังไม่ได้เข้ามาเป็นขุนนางในราชสำนักและคอยอยู่ดูแลอาจารย์ที่เจียงหนาน แต่ก็ยังโดนผลกระทบไปด้วย จะเห็นได้ว่าอดีตฮ่องเต้กลัวอาจารย์มากเพียงใด…

หยวนเจี๋ยเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ พูดขึ้นมาว่า “แต่ว่า…ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงมีพระปรีชา น่าจะไม่เหมือนราชวงศ์ก่อนที่ประสงค์ขุดรากถอนโคนหรอกขอรับ ? ”

“ตอนนี้อาจยังเป็นเช่นนั้นอยู่ แต่อีกสิบหรือยี่สิบปีผ่านไปล่ะ ? อาจารย์เสียดายพรสวรรค์ของเจียงเจี้ยหยวน ท่านก็เลยกันไว้ดีกว่าแก้ ! ” บัณฑิตหยวนสารภาพว่าคาดเดาความคิดฮ่องเต้ไม่เก่ง ที่ตนเข้ามาเป็นขุนนางก็เพียงเพราะอยากมีเงินและกำลังคนในการตามหาอาจารย์ให้มากกว่าเดิม ตอนนี้หาอาจารย์พบแล้ว หลังรอให้ตนสั่งสอนบุตรชายจนหมดห่วง ก็จะลาออกจากขุนนางแล้วมาอยู่ข้างกายท่านอาจารย์เหมือนสมัยก่อนอีกครั้ง…

หลินเว่ยเว่ยไม่ทราบเรื่องราวความโกลาหลที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเพราะตัวเองแต่อย่างใด ช่วงหลายวันมานี้ นางทุ่มเทกายใจคอยดูแลอยู่ข้างหมินหวางเฟย คอยรินน้ำชา ต้มโอสถ ไม่เคยให้คนอื่นทำแทน เพราะหมินหวางเฟยไม่ค่อยอยากเสวยอาหาร นางจึงตั้งใจทำชาผลไม้ที่ช่วยให้เจริญอาหารขึ้นมา รสชาติหวานและยังมีกลิ่นหอมของสตรอเบอร์รี่ หมินหวางเฟยชอบดื่มยิ่งนัก ปริมาณอาหารที่เสวยก็มากขึ้นทุกวัน สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน !

หมินหวางเฟยยังให้คนสร้างเตาอบไว้ที่เรือนหลัง มันใหญ่และได้มาตรฐานกว่าที่นางสร้างไว้ในฉือหลี่โกวเสียอีก ด้านการควบคุมอุณหภูมิถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ ตอนอบขนมนางใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่เพียงรสชาติออกมาอร่อย แต่ยังคัดเลือกส่วนผสมที่ดีต่อร่างกายหมินหวางเฟยด้วย

หมินหวางเฟยมีความรู้สึกตั้งตาคอยทุกวัน…วันนี้เว่ยเอ๋อร์จะทำขนมอะไร ? แน่นอนว่าอาหารบำรุงของนางก็ได้หลินเว่ยเว่ยปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ถึงแม้อาหารชนิดไหนจะไม่ได้ลงมือทำเอง ก็จะถ่ายทอดเคล็ดลับให้เหมยหยิงอย่างละเอียด