คลื่นเสียงที่ดังขึ้นมาดูแตกต่างจากวิชาคลื่นเสียงทั้งหมดที่ชู่เฉิงเคยพบในอดีตมันดังก้องและทรงพลัง บริสุทธิ์และว่องไว มันเป็นคลื่นเสียงที่ชู่เฉิงไม่อาจจะป้องกันตัวเองได้ทัน
ใบหน้าของชู่เฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อคลื่นเสียงกำลังจะกระทบกับตัวเขา
ตู๊ม!
ชู่เฉิงที่ถูกคลื่นเสียงถอยกลับไปตัวเขาเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ ทันทีที่ถูกคลื่นเสียงจู่โจม ชู่เฉิงก็เพิ่งสมาธิเพื่อทำให้ตัวเองไม่เสียหลัก มีหลายครั้งที่การปล่อยให้ตัวเองกระเด็นลอยไปเป็นการลดความเสียหายที่จากการโจมตีที่ดีกว่า ชู่เฉิงสามารถพลิกตัวเพื่อที่จะลดผลกระทบจากคลื่นเสียงได้ ถ้าหากทำแบบนั้นตัวเขาก็จะบาดเจ็บได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ชู่เฉิงเลือกจะยืนหยัดอดทน
ชู่เฉิงยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะจ้องมองไปยังด้านหลังกำแพงของห้องโถงใหญ่ด้วยความหวาดกลัว
หลิวเก้อจักรพรรดิหย่งโชวและกู่ยี่หรานต่างก็ตกตะลึง
ในทางกลับกันหมิงซี่หยินดูดีใจขึ้นมาตัวเขาได้ถอนพลังอวตารของตัวเองไปก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับทางไปยังห้องลับ “ท่านอาจารย์”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นความเร็วของฝีเท้าไม่ได้ฟังดูเร่งรีบหรือเชื่องช้า มันเป็นเสียงฝีเท้าที่ฟังดูมั่นคง มันเป็นเสียงที่ฟังดูเหมือนจะมาจากที่อันแสนไกล
เหล่าผู้มาเยือนรู้ได้ทันทีว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังจะปรากฏตัวสายตาของทุกคนจับจ้องไปยังทิศทางของต้นเสียง
ในที่สุดลู่โจวก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนตัวเขาเดินเข้ามายังห้องโถงใหญ่โดยที่เอามือไขว้หลังเอาไว้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ลู่โจวไม่ขยับไปไหนก็เพราะสภาวะแห่งการทำสมาธิ ลู่โจวไม่สามารถมีความรู้สึกและเข้าถึงจิตสำนึกของตัวเองได้ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังได้รับรู้เสี้ยวหนึ่งของการสนทนา บางครั้งก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน บางครั้งมันก็ไม่ปะติดปะต่อกัน เมื่อครู่ที่แล้วลู่โจวกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำสมาธิอย่างมีความสุข ตัวเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะตื่นขึ้นกับสภาวะแบบนั้นเลย ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ตื่นขึ้นมาเพราะความผิดหวัง ความโกลาหลครั้งใหญ่ในห้องโถงได้ปลุกลู่โจวให้ตื่นขึ้น แม้ว่าเสียงเพลงจากขลุ่ยของหอยสังข์จะช่วยทำให้สมาธิของตัวเขาเพิ่มสูงขึ้น แต่เสียงจากตัวอักษรที่ชนกันมันทำให้ลู่โจวต้องตื่นขึ้นมา
ทันทีที่ลู่โจวก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ตัวเขาก็กวาดตามองผู้มาเยือนทั้งสาม
ชู่เฉิงและกู่ยี่หรานตัวแข็งทื่อ
เมื่อดวงตาของลู่โจวจับจ้องไปที่จักรพรรดิหย่งโชวตัวเขาก็ได้เอ่ยปากออกมา “หลิวเก้ออย่างงั้นเหรอ”
หลิวเก้อรู้สึกตกใจตัวเขาค่อนข้างมั่นใจว่าจีเทียนเด๋าจะต้องผมขาวโพลน แก่เฒ่าจนสูญเสียความคล่องแคล่วไป สภาพของจีเทียนเด๋าไม่ควรจะดีไปกว่าซูยู่ชู ตัวเขาจะไม่แปลกใจได้ยังไงเมื่อได้เห็นลู่โจวทั้งสุขภาพดีและยังดูอ่อนกว่าวัย แผ่นหลังของจีเทียนเด๋ายังตั้งตรง สีหน้าท่าทางของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพลัง แม้ว่าจีเทียนเด๋าจะตำหนิชู่เฉิงด้วยคลื่นเสียงอันทรงพลัง แต่เขาก็ไม่ได้เหนื่อยอ่อนเลยแม้แต่น้อย จีเทียนเด๋าดูไม่ใกล้กับขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่เลยด้วยซ้ำ! แม้ว่าหลิวเก้อจะเป็นราชา แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของลู่โจวในตอนนี้ ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวและเริ่มเกิดความคิดฟุ้งซ่านขึ้น แต่เมื่อนึกถึงจีเทียนเด๋าที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน ในที่สุดหลิวเก้อก็ได้ทักทายขึ้น “ในที่สุด…พวกเราก็ได้พบกันแล้วนะพี่จี”
“เจ้ายังไม่ตาย”
ชู่เฉิงก้าวไปที่ด้านหน้าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ากล้าใช้คำว่า ‘ตาย’ พูดกับอดีตจักรพรรดิได้ยังไงกัน แต่น่าเสียดายที่ชู่เฉิงไม่ได้พูดอะไร ตัวเขาที่ก้าวออกมาต้องกระอักเลือดอย่างช่วยไม่ได้ ‘ช่างเป็นวิชาคลื่นเสียงที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้’ ชู่เฉิงไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเขาจะได้รับบาดเจ็บจากพลังคลื่นเสียงได้ แม้ว่าจะไม่ได้ประลองกันโดยตรง แต่อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปหลายส่วนจากพลังคลื่นเสียงของลู่โจวแล้ว พลังของปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่? ดูเหมือนว่าความลึกล้ำของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะแตกต่างจากพลังทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
ลู่โจวเปลี่ยนไปมองชู่เฉิงแทน“เจ้าเป็นพวกที่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าสินะ”
ชู่เฉิงดูสับสนตัวเขาพยายามสกัดกั้นความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนที่จะโค้งคำนับและตอบกลับไป “ผู้อาวุโสจี พวกเราก็แค่ประลองแลกเปลี่ยนความรู้กัน ถ้าหากข้าทำให้ท่านต้องขุ่นเคืองใจ ข้าก็ยินดีที่จะยอมรับการลงโทษแต่โดยดี”
“แค่ประลองอย่างงั้นเหรอ”
ในตอนนั้นเองเด็กสาวตัวเล็กก็ได้วิ่งเข้ามานางได้ถือขลุ่ยหยกหลานเทียนเข้ามาด้วย ในขณะที่เข้ามานางกำลังมองหาใครบางคนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เมื่อได้เห็นอาจารย์ของตัวเอง นางก็รีบคารวะให้ “ท่านอาจารย์”
ลู่โจวเหลือบมองหอยสังข์ก่อนที่จะจ้องมองชู่เฉิงอีกครั้ง
ชู่เฉิงมองเห็นสาวน้อยที่มาพร้อมกับขลุ่ยหยกหลานเทียนอย่างชัดเจนมือของเขาถึงกับต้องสั่นสะท้านก่อนที่จะอุทานออกมา “ผู้ใช้ขลุ่ยคนนั้นก็คือ…นางอย่างงั้นเหรอ”
หมิงซี่หยินตอบกลับอย่างไม่ไยดี“แล้วจะมีใครได้อีกล่ะ ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกำลังกลั่นแกล้งเด็กสาวที่เพิ่งจะฝึกฝนพลังวรยุทธถึงขึ้นสู่สัมผัสแห่งการควบคุมเท่านั้น ช่างเป็นผู้อาวุโสที่น่าชื่นชมซะจริง!”
ชู่เฉิงรู้สึกอึดอัดดวงตาของเขาเบิกกว้างก่อนจะส่ายหัว “ขั้นสัมผัสแห่งการควบคุม” ตัวเขามองดูเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่น่ารักและไร้เดียงสาอีกครั้ง นางอาจจะเป็นยอดฝีมือที่จงใจปกปิดพลังเอาไว้และแอบอ้างเป็นผู้มีพลังขั้นสัมผัสแห่งการควบคุมก็ได้? แต่เมื่อคิดดูให้ดีแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย นางยังเด็กจนเกินไป เด็กสาวคนนี้จะไปมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำได้ยังไงกัน?..
ชู่เฉิงรู้สึกได้ทันทีว่าแก้มของตนกำลังร้อนระอุตัวเขารู้สึกละอาย แค่คิดว่ากำลังต่อสู้กับเด็กสาวตัวเล็กที่เพิ่งจะฝึกฝนตัวเองถึงขั้นสัมผัสแห่งการควบคุมได้ชู่เฉิงก็รู้สึกผิดจนไม่อาจจะแก้ตัวได้อีก! การกระทำของเขาก่อนหน้านี้มันช่างน่าละอายและไร้คุณธรรม ชู่เฉิงมองดูลู่โจวอย่างงุ่มง่าม เมื่อสายตาของทั้งคู่จ้องมองกัน ชู่เฉิงก็สั่นไปทั้งตัว “ผู้…ผู้อาวุโสจี!”
คำพูดของลู่โจวอย่าง‘เจ้าเป็นพวกที่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าสินะ’ ยังคงดังก้องอยู่ภายในใจชู่เฉิง
ลู่โจวพูดออกมาอย่างใจเย็น“ในเมื่อเจ้าชอบประลอง ข้าจะเติมเต็มความปรารถนาให้กับเจ้าเอง”
“หะ”
“รับไปซะ!”ลู่โจวยกมือขึ้น แสงสีฟ้าจางๆ ได้ส่องสว่างจากระหว่างนิ้วของเขา
“พลังฝ่ามือสละปัญญาของชาวลัทธิจงจื๊อ!”
ชู่เฉิงและกู่ยี่หรานต่างก็เป็นยอดฝีมือชาวขงจื๊อแน่นอนว่าพวกเขารู้จักพลังฝ่ามือที่ได้เห็นดี
“พี่จีได้โปรดเมตตาด้วย!” หลิวเก้อขมวดคิ้วอย่างที่ไม่เคยเป็น
ลู่โจวตั้งใจโจมตีอย่างแน่วแน่แน่นอนว่ามันไม่อาจถูกยกเลิกได้อย่างง่ายดาย ตัวอักษรคำว่าสละปัญญาได้ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะถูกส่งออกมาพร้อมพลังฝ่ามือ…
ชู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นล่าถอยก่อนที่จะกางฝ่ามือขึ้นมาฝ่ามือทั้งสองข้างผสานกัน แม้ว่าเขาจะใช้ฝ่ามือสละปัญญาเช่นกัน ดูเหมือนว่าชู่เฉิงจะใช้ฝ่ามือสละปัญญาด้วยเช่นกัน ชู่เฉิงก็ถือเป็นยอดฝีมือเช่นกัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ตัวเขาจึงเลือกที่จะโจมตีสวนกลับแทนที่จะตั้งรับ ตัวอักษรสละปัญญาก็ได้ปรากฏขึ้นบนรอบนิ้วของชู่เฉิง น่าเศร้าที่พลังของชู่เฉิงดูเล็กเมื่อต้องเทียบกับพลังฝ่ามือสละปัญญาของลู่โจว ไม่ว่าจะยังไงตัวเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องโจมตีกลับ ชู่เฉิงโน้มตัวไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะปลดปล่อยพลังฝ่ามือที่ทรงพลังที่สุดที่จะทำได้ออกมา
พลังฝ่ามือสละปัญญาของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน
ตู๊ม!
เป็นไปตามที่คาดไว้ฝ่ามือของชู่เฉิงถูกทำลายไป ตัวเขารีบชักฝ่ามือกลับก่อนที่จะป้องกันตัวเองอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าจะพยายามแล้วแต่มันก็ไม่สำเร็จ แขนของชู่เฉิงถูกพลังฝ่ามืออันทรงพลังหัก
ฝ่ามือสละปัญญาของลู่โจวไม่ได้สลายหายไปมันยังคงพุ่งไปที่ด้านหน้า พลังฝ่ามือได้ชนเข้ากับหน้าอกของชู่เฉิง มันได้ผลักให้ชู่เฉิงกระเด็นออกจากห้องโถงใหญ่ ชู่เฉิงกระเด็นไปไกลจนชนเข้ากับลานทางด้านตะวันออก
ตู๊ม!
ชู่เฉิงตกลงสู่พื้น
พลังฝ่ามือของลู่โจวได้ลอยต่อไปมันลอยสูงขึ้นก่อนที่จะหายจางไปในอากาศ
…
อัจฉริยะแห่งลัทธิขงจื๊ออย่างซูยู่ชูสังเกตเห็นพลังฝ่ามือที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างชัดเจน“ใครปลดปล่อยพลังฝ่ามือสละปัญญาออกมากัน ชู่เฉิง? หรือว่ากู่ยี่หรานกัน?”
ผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็ขมวดคิ้ว
ซูยู่ชูส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ“ข้ารู้ถึงความสามารถพวกเขาดี เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะปลดปล่อยพลังฝ่ามือสละปัญญาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้”
“แล้วหลิวเก้อล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้เช่นกันหลิวเก้ออายุมากแล้ว เขาน่าจะใกล้ถึงขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่เต็มที”
ทั้งสี่ต่างก็มองหน้ากันและกันก่อนที่จะตระหนักถึงความเป็นไปได้มากที่สุด
…
ณห้องโถงใหญ่
หลังจากที่ลู่โจวใช้พลังฝ่ามือหลิวเก้อและกู่ยี่หรานต่างก็เหลือบมองไปที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ด้วยความตกใจ ลู่โจวและชู่เฉิงต่างก็ใช้พลังฝ่ามือเดียวกัน แต่ถึงแบบนั้นการโจมตีของลู่โจวก็สามารถบดขยี้พลังฝ่ามือสละปัญญาของชู่เฉิงได้อย่างง่ายดาย!
หลังจากที่เงียบไปนานหลิวเก้อที่รวบรวมสติคนแรกได้พูดขึ้นมาก่อน “พี่จี ได้โปรดใจเย็นก่อน พวกเขาต่างก็มาที่นี่พร้อมกับข้า ข้าจะรับผิดชอบความผิดของพวกเขาเอง”
“นี่ก็แค่การลงโทษเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ถ้าหากไม่ได้เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าก็คงจะทำให้เจ้านั่นต้องกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว”
“…”
“ทำไมท่านถึงต้องโกรธด้วย”หลิวเก้อถามออกมาด้วยความสงสัย
ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ“สาวกของข้าเพิ่งจะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังขั้นสัมผัสแห่งการควบคุมได้แท้ๆ เจ้าคิดว่าข้าควรจะยืนเฉยเมื่อเห็นสาวกของตัวเองถูกรังแกอย่างงั้นเหรอ”
“…”หัวใจของหลิวเก้อเต้นรั่ว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ตัวเขาไม่คาดคิดว่าจีเทียนเด๋าจะยังคงปกป้องคนของตัวเองอย่างเคร่งครัดได้ถึงขนาดนี้ ‘ดูเหมือนว่าเขาจะยังอารมณ์ร้อนเหมือนเคย’ แม้ว่าจะคิดแบบนั้นแต่สีหน้าของหลิวเก้อก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม “ชู่เฉิง ก้มหน้าขอขมาสาวน้อยคนนั้นซะ”