บทที่ 568 หนี

รถม้าหันกลับไปที่วังขององค์หญิงใหญ่ทันที ระหว่างทางพระพักตร์ของพระนางเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม นางถูแหวนหยกที่สวมอยู่อย่างใช้ความคิด เมื่อรถม้าจอดลง องค์หญิงใหญ่เสด็จพระราชดำเนินอย่างรวดเร็วตรงรี่ไปยังห้องพักของลิ่วเยว่ บ่าวรับใช้สัมผัสได้ถึงพระโทสะที่คุกรุ่นของพระนาง ต่างรีบหลีกทางให้อย่างหวั่นเกรง เมื่อพระนางมาถึงยังห้องพักของลิ่วเยว่ก็เห็นบ่าวรับใช้ของเขา

“ลิ่วเยว์อยู่ไหน?”

“ทูลองค์หญิงใหญ่ คุณชายอยู่ในห้องนอนหลังจากปิดประตูก็ไม่ออกมาอีกเลย น่าจะเข้านอนแล้ว จะให้บ่าวปลุกเขาหรือไม่พะย่ะค่ะ” บ่าวรับใช้พูดเสียงสั่น พระนางไม่สนใจเขาแต่สาวพระบาทไปที่ประตูห้องแล้วเปิดออกทันที ประตูถูกลงกลอนเอาไว้

“เปิดประตู!” องค์หญิงใหญ่รับสั่งเย็นชา

บ่าวรับใช้มาช่วยกันพังประตู เมื่อเปิดออกก็พบว่าในนั้นไม่มีใครอยู่เลย

“เป็นไปได้อย่างไร? กระหม่อมเฝ้าคุณชายตลอด เขาไม่ได้ออกมาจากห้องเลย…”

องค์หญิงใหญ่เดินไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว เมื่อผลักออกจึงพบว่าไม่ได้ถูกใส่กลอนเอาไว้ สีพระพักตร์ของพระนางบึ้งตึง พระขนงขมวดแน่น ยิ่งหวนคิดถึงท่าทีของลิ่วเยว่ในช่วงมื้อเย็นและสถานการณ์ในตอนนี้ สรุปได้ว่าเขากำลังจะหนีนางไป ความเศร้าจางๆ ปรากฏขึ้นมาบนพระพักตร์ขององค์หญิงใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังอย่างรวดเร็ว

นางยังเล่นไม่เบื่อเลย จะให้ปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร!

“มานี่!” องค์หญิงใหญ่ตรัส “เรียกคนมาค้นหาในเมือง ต้องตามลิ่วเยว่มาให้ข้าให้ได้ !”

….

ในตอนนั้นเสิ่นชิงหลิวและสวี่เจียวอยู่ในรถม้าพร้อมคนขับกำลังไปยังประตูเมือง ใบหน้าของสวี่เจียวเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ นางถูกสามีโอบกอดไว้ในอ้อมแขน

“อย่ากลัวเลย” เสิ่นชิงหลิวกระซิบ

สวี่เจียวเงยหน้าขึ้น

“ไม่…ข้าไม่กลัว” สวี่เจียวพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนกับพยายามปลอบโยนตัวเอง

“ก็แค่…ไม่มีโอกาสบอกลานางเลย” เสิ่นชิงหลิวรู้ว่านางที่สวี่เจียวพูดถึงนั้นเป็นใคร

พวกเขาสองคนกอดกันแน่นเพื่อปลอบโยนกัน สวี่เจียวพยายามคิดถึงด้านดีๆ หากพวกเขาหนีไปได้ พวกเขาทั้งสองคนจะไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ต่อให้ต้องอาศัยอยู่ในหุบเขาที่ซ่อนเร้นก็ตาม ตราบใดที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

ทว่าเมื่อเข้าใกล้กับประตูเมือง รถม้ากลับหยุดกะทันหันเมื่อเข้าใกล้กับประตูเมืองเสิ่นชิงหลิวยกม่านขึ้น เขามองออกไปข้างนอก สีหน้าแปรเปลี่ยนทันที

ที่หน้าประตูเมืองบรรดาเจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นคนอย่างเข้มงวด

“ปกติด่านออกนอกเมืองจะไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้ สามีเราจะทำอย่างไรกันดี”บราวนี่ออนไลน์

เสิ่นชิงหลิวไม่แสดงสีหน้าอะไร แต่ความคิดของเขาวิ่งแล่นอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่พวกนี้กำลังค้นหาอะไร?

หรือองค์หญิงใหญ่รู้แล้วว่าเขาหายไป หรือจะเป็นเพราะเรื่องอื่นกัน

เขาจะทำอย่างไรดี..

อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะได้ออกจากเมืองหลวง ถ้าออกไปได้ก็จะรอด แต่ถ้าหากคนเหล่านี้มาเพื่อค้นหาเขาจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาและเจียวเจียว…

นิ้วของเสิ่นชิงหลิวสั่นก่อนที่เขาจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

“กลับไป”

“สามี…” สวี่เจียวไม่เต็มใจ

รถม้าหันกลับไปตามคำสั่งของเสิ่นชิงหลิว เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดของเขา ทำให้ดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่ทันที

“รถม้าคันนั้นหยุดเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าจะไปไหน?”

คนขับรถม้าไม่สนใจเจ้าหน้าที่ เอาแต่วิ่งตะบึงกลับไป ที่ประตูเมืองไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางการเท่านั้น แต่ยังมีทหารองครักษ์ขององค์หญิงด้วย

เจ้าหน้าที่คิดว่ารถม้าคันนั้นมีพิรุธ จึงได้วิ่งตามกันมา

“นายท่าน!พวกเขาไล่ตามมาแล้ว” คนขับรถม้าร้องตะโกน

“รีบไป” เสิ่นชิงหลิวสั่ง เขาเห็นองค์รักษ์ขององค์หญิงใหญ่กำลังไล่ตาม เป็นที่แน่นอนแล้วว่านางล่วงรู้แผนการของเขาแล้ว รถม้ายังคงแล่นตะบึงหนีในขณะที่คนขององค์หญิงใหญ่ก็ไล่ตามมา พวกเขาก้าวช้าเกินไปจนถูกจับได้

สวรรค์จะไม่เข้าข้างพวกเขาเลยหรือ?

เสิ่นชิงหลิวกอดสวี่เจียวไว้แน่นราวกับว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่อาจแยกพวกเขาออกจากกันได้ นี่เป็นการกอดครั้งสุดท้ายของพวกเขา

สวี่เจียวสัมผัสได้ ทั้งๆ ที่ความจริงนางกลัวมากแต่จู่ๆ ความกลัวก็หายไป

“สามี…ที่จริงก็ดีนะ เราสามารถอยู่ด้วยกันได้หลังจากที่เราตายไปแล้ว?” สวี่เจียวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ชีวิตนี้ช่างยากลำบากเกินไป นางกับสามีไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือของคนชั่วได้ หากต้องต้องแยกจากกัน สู้ตายเสียดีกว่า ตายไปแล้วย่อมได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

จะไม่มีใครมาพรากพวกเขาออกจากกันได้

เสิ่นชิงหลิวลูบใบหน้าของภรรยาด้วยความอาลัยอาวรณ์และไม่เต็มใจ

เขากดจูบที่หน้าผากของนาง รถม้าเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว คนขับคนนี้คุ้นเคยกับเมืองหลวงอย่างดี พวกเขามุ่งหน้าไปตามตรอกซอกซอย ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นอยู่บนหลังม้า ต่อให้รถม้าวิ่งได้เร็วแค่ไหนก็ไม่อาจจะเร็วกว่าม้าไปได้

ในไม่ช้ารถม้าก็ถูกล้อมไว้ด้วยม้าสี่ห้าตัว องค์รักษ์เหล่านั้นลงจากหลังม้าเดินมาหยุดพวกเขาไว้ ผู้คุมลากคนขับรถม้าลงมาและเตะเขาไปที่สีข้าง เมื่อทหารอีกคนไปเปิดม่านรถม้าเขากวาดสายตามองเข้าไปยังด้านใน

“ไม่มีใครนี่..”

ภายในรถม้าว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

“ค้นหาให้ทั่วทั้งใต้ท้องรถและบนหลังคาอย่าปล่อยให้ใครหลบหนีซ่อนตัวได้”

ในไม่ช้ายามก็ค้นหาทั้งคันรถแต่ก็ไม่พบแม้แต่ผู้ใด ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาจ้องไปที่คนขับรถม้า

“เจ้าจะหนีทำไม!”

“พวกใต้เท้ามาไล่ข้าน้อยเช่นนั้น ข้าก็หวาดกลัวสิขอรับ” คนขับรถม้ากล่าว ทหารโกรธมากจึงตีเขาอีกครั้งจากนั้นจึงหันกลับไป เสียเวลา!

ภายในห้องที่ปิดทึบ เสิ่นชิงหลิวกอดกับสวี่เจียวด้วยความตกใจ ทั้งสองรออยู่ในห้องประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว จากนั้นจึงได้เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดคลุมเดินเข้ามา นางมีภาพลักษณ์ที่นุ่มนวล ใส่ชุดคลุมตัวใหญ่ ท้องของนางโป่งนูนออกมา ดวงตาของนางมั่นคงเด็ดเดี่ยว ทำให้บรรยากาศรอบๆพลอยสงบลงไปด้วย

หญิงสาวคนนั้นคือถังหลี่!

ดวงตาของสวี่เจียวเป็นประกาย

“ฮูหยิน ขอบคุณที่ช่วยพวกเราไว้เจ้าค่ะ ขอบคุณฮูหยิน” สวี่เจียวคุกเข่าลงต่อหน้าถังหลี่

เสิ่นชิงหลิวรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือใคร เขารีบคุกเข่าทันที

“ขอบคุณฮูหยินอู่ที่ช่วยชีวิตข้าไว้ขอรับ”

ในรถม้าคันนั้น เขาหยิบยาพิษออกมาหวังจะกลืนกินลงไปพร้อมกับเจียวเจียว เขาจะไม่ยอมให้เจียวเจียวตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์หญิงชั่วร้ายผู้นั้นอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคงมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายเป็นแน่

ในตอนที่พวกเขากำลังจะกินยาพิษลงไป จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งเข้ามาในรถม้า พาพวกเขาออกไป ถ้าไม่ได้คนผู้นั้นแล้ว เขากับเจียวเจียวคงจะ…

ใครเล่าจะอยากตาย ยกเว้นแต่ว่าเป็นเพราะหมดหนทาง

ถังหลี่มองสามีภรรยา

“ลุกขึ้นเถอะ”

เสิ่นชิงหลิวประคองสวี่เจียวลุกขึ้นยืน ถังหลี่เคยเจอกับคุณชายลิ่วเยว่สองครั้ง ทั้งสองครั้งทำให้นางรับรู้ว่าเขาเป็นคนที่เย็นชา ไม่แยแสและยึดติดกับสิ่งใด

แต่ในเวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว ความอ่อนโยนและความซาบซึ้งคละเคล้าปะปนกันไปทำให้ดูเป็นปุถุชนมากขึ้น