บทที่ 569 ทางเลือกของเสิ่นชิงหลิว

เมื่อเห็นถังหลี่มองที่เขา เสิ่นชิงหลิวคำนับถังหลี่อีกครั้ง

“ข้ามีนามว่าเสิ่นชิงหลิว ฮูหยินเรียกว่าชิงหลิวก็ได้ขอรับ”

ถังหลี่ให้ฉื่อซื่อคอยจับตาดูสวี่เจียวและอีกคนก็คอยหาทางช่วยนางเป็นเพราะความสงสารที่นางมีต่อหญิงสาวผู้นั้น

แต่หลังจากที่รู้ว่านางคือภรรยาของเสิ่นชิงหลิวแล้ว นางก็มีจุดประสงค์บางอย่าง เสิ่นชิงหลิวคือบุคคลที่สามารถเข้าใกล้องค์หญิงใหญ่และติดต่อกับนาง

เสิ่นชิงหลิวอาจจะช่วยเว่ยฉิงได้ นี่คือจุดประสงค์ที่ถังหลี่ให้คนไปตามอารักขาสวี่เจียว ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้ว่าทั้งสองจะหลบหนีในวันนี้ ทำให้ช่วยพวกเขาได้ในยามคับขัน

“องค์หญิงใหญ่กำลังตามหาเจ้าไปทั่วเมือง” ถังหลี่พูดกับเสิ่นชิงหลิว

“เจ้ามีแผนอะไรบ้างไหม?”

เสิ่นชิงหลิวกำมือแน่น ครุ่นคิด

“ที่นี่ปลอดภัยเจ้ากับสวี่เจียวสามารถซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ หลังจากนั้นค่อยหาเวลาที่เหมาะสมหนีออกไปจากเมืองหลวง” ถังหลี่แนะนำ

“หากเป็นองค์หญิงใหญ่ก็ไม่มีวันไหนที่จะปลอดภัยแม้แต่วันเดียว” เสิ่นชิงหลิวพึมพำ

เขากำลังคิดว่าจะค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว ดังนั้นเขาจึงจะหนีออกไปก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้วหลังจากที่หลบหนีองค์หญิงใหญ่ก็ส่งคนออกมาตามหาพวกเขาทันที เขารู้จักองค์หญิงใหญ่ดี นางจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

หลังจากหลบหนีไปแล้ว ทุกวันของเขาและเจียวเจียวจะเต็มไปด้วยอันตราย ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกพบเข้าสักวันหนึ่ง หลังจากนั้นชีวิตจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย เขาคิดหาทางอื่น

เขามองถังหลี่

“ฮูหยินอู่มีทางเลือกอื่นหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าอู่กำลังสืบสวนคดีอยู่ที่มณฑลวั่งเซี่ยน”

เสิ่นชิงหลิวเป็นคนฉลาดจริงๆ

“ใช่ อีกทางหนึ่งคือโค่นองค์หญิงใหญ่ลงทำให้นางหมดอำนาจ เจ้ากับสวี่เจียวจะปลอดภัย แต่ว่า…”

“มันยากมากใช่ไหม” เสิ่นชิงหลิวกล่าว

นั่นคือองค์หญิงใหญ่พี่สาวร่วมสายโลหิตของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไว้ใจนาง แม้แต่พระอำนาจของนางก็แทรกซึมขยายอิทธิพลไปทั่ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโค่นล้มนางลง

“ทั้งยากและอันตรายมาก” ถังหลี่กล่าว

เสิ่นชิงหลิวมีท่าทีหดหู่

หนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาและเจียวเจียวปลอดภัยคือการหมดอำนาจขององค์หญิงใหญ่

เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้มากเหลือเกิน เขากระหายที่จะได้เห็นเลือดของนาง เถือเนื้อของหญิงผู้นั้นออกเป็นชิ้นเล็กๆ นางเป็นคนทำลายชีวิตของเขา เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นชายบำเรอ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา ทำลายเขานับครั้งไม่ถ้วน เขาอยากเอามีดแทงให้นางตายไปเสีย!

สุดท้ายแล้ว เขาไม่มีสิ่งใดที่จะตอบแทนความเมตตาของฮูหยินอู่ได้เลย ขณะที่เขาครุ่นคิด แววตาเขาแน่วแน่

“ฮูหยินอู่ ข้าขอเลือกหนทางที่สอง ข้าจะกลับไปอยู่เคียงข้างนาง”

เสิ่นชิงหลิวกล่าว เขาต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อทำลายนาง

“เจ้าจะตกอยู่ในอันตรายหากกลับไป” ถังหลี่ค่อนข้างวุ่นวายใจ

“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าและเจียวเจียวคงจะตายไปแล้ว อีกอย่างข้าและภรรยาก็อยู่ในอันตรายตลอดเวลาการที่ท่านช่วยข้าท่านเองก็จะอันตรายไปด้วย” เสิ่นชิงหลิวกล่าว

“นี่ไม่ใช่แค่เพื่อข้าและเจียวเจียวเท่านั้น แต่ยังมีคนบริสุทธิ์อีกหลายคน คนเหล่านั้นเสียชีวิตในเงื้อมมือของนางไปเท่าไหร่แล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเหยื่อต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน” เสิ่นชิงหลิวมองไปที่ถังหลี่ด้วยแววตาแน่วแน่

“นี่เป็นทางเลือกที่ดี ขอบคุณฮูหยินอู่ที่เสนอทางเลือกนี้ขึ้นมา”

“ฮูหยินได้โปรดดูแลเจียวเจียวให้ข้าที ข้ามีบางอย่างจะบอกฮูหยิน” เสิ่นชิงหลิวเดินเข้าไปใกล้ถังหลี่ เขากระซิบว่า

“องค์หญิงใหญ่ซุ่มเลี้ยงกองกำลังส่วนพระองค์ที่มณฑลวั่งเซี่ยน”

เขาเคยติดตามนางไป แม้ว่านางจะจงใจเลี่ยงและพูดเรื่องอื่น แต่เขาติดตามนางมาเป็นเวลานานแล้ว มีบางอย่างที่เขารู้ การแสดงออกของถังหลี่เปลี่ยนไปทันที

หากเป็นเรื่องการเลี้ยงลูกสาวบุญธรรมไว้ผูกสัมพันธ์กับข้าราชบริพาร เลี้ยงคนของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นความทะเยอะทะยาน แต่ก็อาจเป็นแค่ความโลภของนางเท่านั้น ไม่ได้ต้องการบัลลังก์

ฮ่องเต้มีนิสัยที่หวาดระแวงมาก แต่ก็ทรงมั่นพระทัย เพราะทรงไว้วางใจพระนางมากก็ตาม แต่สำหรับซุ่มกองกำลังทหารนี้ กลับแตกจ่างออกไป ตามกฎหมายของต้าโจวแล้ว ผู้ที่มีบรรดาศักดิ์หรือมีที่ดินศักดินา ห้ามซุ่มเลี้ยงกองกำลังอย่างเด็ดขาด พระนางกำลังฝ่าฝืนกฎหมาย

นอกจากนี้วั่งเซี่ยนอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมาก สามารถที่จะนำกำลังเข้ามาถึงเมืองหลวงได้ภายในเวลาเพียงสามหรือสี่วันเท่านั้น ในเมืองหลวงมีทหารอยู่ไม่เกินหนึ่งหมื่นนายและการเคลื่อนกองทัพขนาดใหญ่ที่ใกล้ที่สุดเข้ามาได้ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนเลยทีเดียว

เสิ่นชิงหลิวกอดสวี่เจียวไว้ เขาหันไปคำนับถังหลี่

“ฮูหยินได้โปรดส่งข้าไปที่เสี่ยวหงโหลวที” เสิ่นชิงหลิวถูกพาตัวไปยังเสี่ยวหงโหลวเงียบๆ

เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเผยให้เห็นเสื้อที่ขาวด้านใน จากนั้นก็สวมเสื้อคลุมอีกครั้งปล่อยผมยาวสยาย แล้วเดินไปยังเสี่ยวหงโหลว มีทหารยามจำนวนมากเฝ้าอยู่ที่ด้านนอก พวกเขาประหลาดใจเมื่อเห็นเสิ่นชิงหลิว

อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นไม่ได้หยุดเขา ชายหนุ่มขึ้นไปยังด้านบน เมื่อเขาเปิดประตูออกก็เห็นองค์หญิงใหญ่อยู่ข้างในห้อง ที่พื้นเต็มไปด้วยเศษกระดาษกระจัดกระจายอยู่ ท่าทีของนางเต็มไปด้วยโทสะ เสิ่นชิงหลิวมองนางด้วยความประหลาดใจ

“องค์หญิงไม่ได้เสด็จไปวังหลวงหรือพะย่ะค่ะ เสด็จมาที่นี่ได้อย่างไร?”

องค์หญิงใหญ่จ้องเขา สายพระเนตรโกรธขึ้ง

“เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา!”

“วันนี้ดวงจันทร์สว่างไสว กระหม่อมจึงออกไปเดินชมจันทร์”

“ทำไมไม่ให้รถม้าพาไป” นางถามอย่างเย็นชา เสิ่นชิงหลิวก้มหน้าลงน้ำเสียงของเขาไม่แยแส

“เมื่อตอนเย็นองค์หญิงใหญ่กล่าวถึงชิงเหอ กระหม่อมมีความทรงจำมากมายอยากจะระลึกถึง จึงได้ถือโอกาสออกไปเดินเล่นด้วยตัวเอง”

องค์หญิงใหญ่บังคับให้เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองเขาจากนั้นจึงปล่อยเขาไปเมื่อไม่เห็นวี่แววของการโกหก

“อย่าทำเช่นนี้อีก”

….

หลังจากนั้นไม่กี่วัน

มณฑลวั่งเซี่ยน เมืองเล่อสุ่ย

เมื่อเว่ยฉิงมาถึง เขาเริ่มตรวจสอบการทุจริตและการติดสินบนของอดีตเจ้าเมือง

ไม่นานนักก็มีราษฎรพากันทยอยเดินมาพูดกับเขาว่า อดีตท่านเจ้าเมืองผู้นี้เป็นคนดี เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรับสินบน

เว่ยฉิงจึงให้คำมั่นว่าเขาจะต้องสืบหาความจริงของคดีนี้ให้ได้

หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาจึงพบหลักฐานว่าอดีตเจ้าเมืองถูกใส่ร้าย เว่ยฉิงได้สืบหาต้นตอผู้ที่ใส่ร้ายเขา ระหว่างนั้นเอง รองเจ้าเมืองผู้เป็นผู้ช่วยของเขาได้ฆ่าตัวตายและทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ที่บ้านพัก เขาสารภาพว่าเขาเป็นคนใส่ร้ายอดีตเจ้าเมืองเองเพราะมีความเห็นขัดแย้งกัน

“ท่านราชทูตฉลาดจริงๆ ในที่สุดความจริงก็ถูกค้นพบแล้ว ตอนนี้เขาสามารถอธิบายให้คนในเมืองเล่อสุ่ยรู้ถึงสาเหตุได้แล้ว!”

“ใช่แล้ว! ทั้งหมดเป็นเพราะรองเจ้าเมืองผู้นั้นหลอกลวงเรา เขาเป็นคนรับผิดชอบการเงินของเมืองจึงง่ายที่เขาจะป้ายสีใครก็ได้!”

เจ้าหน้าที่ของมณฑลวั่งเซี่ยนพูดต่อๆ กันไป เว่ยฉิงขมวดคิ้ว รู้สึกได้ว่าคนเหล่านี้กำลังผลักสวะให้ห่างจากตัว เขาอยากให้ใครบางคนได้รับการลงโทษแทนเพื่อที่ตัวเองจะได้รอดพ้นในการสืบสวน

แต่สิ่งที่เขาสืบค้นไม่ใช่แค่นี้ เขายังต้องไปที่เมืองซีอานเพื่อสืบหาหลักฐานการทรยศขององค์หญิงใหญ่ เขาต้องการหลักฐานเรื่องนี้ แต่ข้าราชการพวกนี้ทำให้การทำงานของเขาติดขัด

“ท่านทูต เหตุใดยังไม่เปิดเผยผลของคดีในครั้งนี้อีกเล่า? เหตุใดท่านจึงยังสืบสวนต่ออีก หรือมีเบื้องหลังแอบแฝง ท่านจงใจจับผิดองค์หญิงใหญ่หรือ?”