ตอนที่ 399 รูปหล่อ เจ้าเป็นผู้ใดกัน (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 399 รูปหล่อ เจ้าเป็นผู้ใดกัน? (1)

องค์เง็กเซียนนั่งลงในหอสมบัติหลิงเซียวและกลายเป็นเทพเซียน

ที่มาของบันทึกเสนอแนะของเทพแห่งท้องทะเลคือ ความเกลียดชังของเหล่าปีศาจร้ายแห่งสี่คาบสมุทร มันเป็นความผิดของสำนักบำเพ็ญที่อหังการเกินไปและยั่วยุเหล่าทวยเทพครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉางเกิงเสนอแผนการเพื่อรักษาความมั่นคง เขาต้องการใช้หมากที่ถูกทอดทิ้งไปเพื่อตอบแทนสวรรค์!

แม้จะเชี่ยวชาญในการใช้ร่างจำแลง แต่หลี่ฉางโซ่วก็ใช้ร่างจำแลงไปรับตำแหน่งไม่ได้จริงๆ

ที่สถานที่คัดแยกขนาดใหญ่ในหอสมบัติหลิงเซียว แม่ทัพสวรรค์ ฮวารี่เทียน ได้สวมชุดเกราะสีทอง เสื้อคลุมสีขาวราวหิมะและหมวกทองคำ เขาจับกระบี่ที่เอวด้วยมือซ้ายขณะก้าวไปพร้อมกับแม่ทัพตงมู่

ที่ด้านหน้าของแท่น หลี่ฉางโซ่วเห็นสีหน้าท่าทางของฮวารี่เทียนนั้นดูเคร่งขรึม

เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกล่าวว่า “แม่ทัพปลายแถว ขอน้อมพบฝ่าบาท!”

องค์เง็กเซียนนั่งอยู่บนแท่นสูง ขณะที่เสื้อคลุมสีขาวของเขาสาดแสงสีทอง เขาถือตราประทับจักรพรรดิแห่งสวรรค์และกล่าวว่า “ข้าขอมอบตำแหน่งแม่ทัพปราบปีศาจให้เจ้า จงไปพร้อมกับเทพแห่งท้องทะเล นำกองทัพทหารสวรรค์หนึ่งแสนนายไปสังหารและทำลายล้างปีศาจแห่งสี่คาบสมุทร!”

ฮวารี่เทียนกล่าวรับอย่างหนักแน่นว่า “แม่ทัพปลายแถวได้รับคำสั่งของฝ่าบาทแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับผงะงัน

โดยปกติแล้ว องค์เง็กเซียนน่าจะเล่นกับตัวเขาเองบ่อยๆ เพื่อให้มีอารมณ์และความรู้สึก บทสนทนาระหว่างร่างจำแลงและร่างหลักจึงได้เป็นเช่นนี้ ซึ่ง

มันเป็นกิจกรรมประจำวันเพื่อสร้างความบันเทิงยามเบื่อหน่ายขององค์จักรพรรดิแห่งสวรรค์

และก่อนที่องค์เง็กเซียนจะแต่งตั้งองค์เง็กเซียนให้เป็นแม่ทัพด้วยตัวเอง หลี่ฉางโซ่วก็ได้แอบเตือนแม่ทัพตงมู่อย่างลับๆ ให้เริ่มขอให้แต่งตั้งแม่ทัพตงมู่เป็นผู้ว่าการทหาร

ถึงองค์เง็กเซียนอาจจะมีใจกระตือรือร้นแต่เขาปล่อยให้ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนเข้าสู่การต่อสู้ไม่ได้ จริงๆ หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ศาลสวรรค์จะไม่ถูกเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายหัวเราะเยาะเอาหรอกหรือ?

แม่ทัพตงมู่เริ่มลังเลเล็กน้อย เขาไม่สนใจจะเป็นผู้ว่าการทหารเลย แต่เมื่อพิจารณาว่าเทพแห่งท้องทะเลไม่เคยหลอกเขาเลย แม่ทัพตงมู่จึงก้าวออกไปข้างหน้าแล้วขออนุญาตดูแลกองทัพ

องค์เง็กเซียนเห็นด้วยในทันใด และได้แต่งตั้งแม่ทัพตงมู่ให้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งศาลสวรรค์

จากนั้น ฮวารี่เทียน แม่ทัพตงมู่และหลี่ฉางโซ่วก็ได้รับพระราชราชโองการและกล่าวขอบ จากนั้น พวกเขาก็ออกจากหอสมบัติหลิงเซียว แล้วรีบไปที่หอทงหมิงเพื่อหารือเรื่องการรบ แม่ทัพตงมู่มองไปที่แผ่นหลังของฮวารี่เทียนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขากำลังจะแสดงพลังของเขาให้ฮวารี่เทียนเห็น

โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงเช้าไปในใจของแม่ทัพตงมู่

“ค่อยๆ คิดดูให้ถี่ถ้วนนะท่านแม่ทัพตงมู่”

แม่ทัพตงมู่ขมวดคิ้วและครุ่นคิด ไม่นาน เขาก็คิดถึงอะไรบางอย่างได้

หรือว่าพระองค์กำลังทดสอบข้าเพื่อดูว่าข้ามีความปรารถนาที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจหรือไม่?

แม่ทัพตงมู่ตื่นตัวทันทีและเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นออกมา จากนั้นก็รีบพุ่งไปข้างหน้าแล้วเตือนฮวารี่เทียนถึงเรื่องการเดินทัพอย่างละเอียด

ในขณะนั้น ในศาลสวรรค์ มีแม่ทัพสวรรค์ไม่มากนักที่จะนำทัพออกศึกได้จริงๆ อย่างน้อยที่สุด แม่ทัพตงมู่ก็ได้สั่งการการรบให้สนับสนุนวังมังกร

เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หัวเราะเบาๆ

ภาระหน้าที่ในชีวิตเซียนของแม่ทัพตงมู่นั้น แตกต่างจากเทพเฒ่าจันทราอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งได้พลังชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

เนื่องจากตำแหน่งเทพยังไม่สมบูรณ์ ศาลสวรรค์จึงออกประกาศพระราชโองการได้ช้ามาก ทว่าทรงประสิทธิภาพในการเคลื่อนกำลังพลมาก หลังจากนั้นสามวัน พวกเขาก็ระดมทหารสวรรค์ชั้นยอดได้ หนึ่งแสนนาย

หากเขาไม่ต้องฝึกฝนและฝึกซ้อมค่ายกลรบของทหารถั่วเซียน เขาก็อาจจะออกไปได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม

แม้หลี่ฉางโซ่วจะพยายามอู้งานอย่างเต็มที่… แค่กๆ แม้เขาจะพยายามสละผลงานอย่างเต็มที่ เขาก็ตระหนักว่ายังมีบทบาทหน้าที่หลายอย่างหลังจากที่กะการทุกอย่างแล้ว

เขาต้องจัดการงานด้านการขนส่ง การประสานงาน และจัดเตรียมยุทธวิธีการรบเล็กๆ เขายังต้องคอยปลอบโยนหัวใจที่เปราะบางและอ่อนไหวของเทพชรา

นอกจากนั้น หลี่ฉางโซ่วยังต้องเตรียมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกหนึ่งชุดและทหารถั่วเซียนหนึ่งแสนนายเพื่อเป็นกำลังเสริมในการกอบกู้สถานการณ์

พอมาคิดๆ ดูแล้ว เป็นแม่ทัพเสียเลยยังดีกว่า

ในหอทงหมิง เแม่ทัพตงมู่และฮวารี่เทียนได้เรียกประชุมแม่ทัพสวรรค์มากกว่าสิบคนเพื่อเริ่มหารือเรื่องการวางกำลังทหารเฉพาะ

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าจะไปติดต่อเผ่ามังกรก่อน เพื่อยืนยันวันเคลื่อนทัพ”

ในขณะนั้น ฮวารี่เทียนก็ยังวางท่าดุจแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ดั่งที่เป็น เขาประสานมือคารวะให้พลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ต้องขอบคุณเทพแห่งท้องทะเลที่ช่วยทำงานอย่างหนัก!”

“ควรเป็นหน้าที่ข้า เป็นหน้าที่ของข้าแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มรับ แล้วแอบจับจ้องร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน เห็นได้ชัดว่า ในวันนี้ องค์เง็กเซียนมีกำลังใจสูงยิ่ง ดวงตาของร่างจำแลงเปล่งประกายเจิดจ้า… ไม่รู้ว่าร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนจะคงอยู่ในศาลสวรรค์ได้นานเพียงใด

หลังจากควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้กลับไปยังที่พักของเทพแห่งท้องทะเลในศาลสวรรค์แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังไม่พักสักน้อย เขาไม่รอช้า รีบส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปที่วังมังกรทะเลบูรพาเพื่อหารือเรื่องการเคลื่อนทัพกับเผ่ามังกรในทันที แผนของหลี่ฉางโซ่วเป็นแบบต่างได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งศาลสวรรค์และเผ่ามังกร

สถานที่รวมตัวของปีศาจใต้ทะเลลึกนั้น อยู่ลึกลงไปในทะเลทักษิณและทะเลประจิม ส่วนใหญ่เป็นปีศาจที่มีกรรมร้าย

เผ่ามังกรยังมีหนี้แค้นเก่าสองสามเรื่องที่ต้องสะสางกับเหล่าปีศาจใต้ทะเลลึก

ก่อนหน้านี้เผ่ามังกรไม่มีเวลาเคลื่อนไหว เพราะฝ่ายกบฏแห่งสี่คาบสมุทรยังสร้างปัญหา

และอีกอย่าง หากจู่โจมอย่างวู่วาม มันย่อมจะทำให้ชะตากรรมที่อ่อนแออยู่แล้วของเผ่ามังกร ต้องเสียหาย เลวร้ายลงไปอีกได้โดยง่าย และยังกลับจะเป็นการก่อปัญหายุ่งยากมากขึ้น

ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้ว เผ่ามังกรจะไม่ยกทัพง่ายๆ เว้นเสียแต่จะจำเป็น ทว่าวันนี้ ศาลสวรรค์ได้เชิญเผ่ามังกรให้ส่งกองกำลังไปช่วยเหลือ เผ่ามังกรจึงไม่เพียงแต่ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ชะตากรรมของพวกเขาต้องเสียหายเท่านั้น แต่ยังใช้มันปรับปรุงโชคชะตาของพวกเขาได้อีกด้วย ดังนั้น หากมีเรื่องดีๆ เช่นนี้เกิดขึ้นร้อยครั้ง เผ่ามังกรย่อมจะรับร้อยครั้งอย่างแน่นอน!

หลังจากที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วมาถึงวังมังกร เผ่ามังกรก็ตื้นตันและซาบซึ้งใจอย่างท่วมท้น

โชคดีที่ตอนนี้เผ่ามังกรรู้แล้วว่า เทพแห่งท้องทะเลไม่ใช่คนรักสนุก และไม่มากราคะ นอกจากการรับสมบัติและวัสดุล้ำค่าสำหรับปูพื้นจากเผ่ามังกรแล้ว เขาก็ไร้ความปรารถนาสิ่งใด!

ดังนั้นเมื่อหลี่ฉางโซ่วและราชาวังมังกรทะเลบูรพากำลังหารือกันถึงเรื่องการจัดวางและเคลื่อนกำลังพลโดยเฉพาะ… อ๋าวอี่ที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างประตูถัดไป ก็ช่วยศิษย์พี่เจ้าสำนักของเขาเก็บหีบสมบัติทีละชุด

รอยยิ้มของมังกรน้อยช่างเจิดจ้าและเบิกบานใจยิ่งนัก

ความกระตือรือร้นของเผ่าพันธุ์มังกรทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย… ที่จะไม่ยอมรับมัน

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หลี่ฉางโซ่วและราชามังกรก็สรุปรายละเอียดได้

ทางด้านเผ่ามังกร อ๋าวอี่จะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพเผ่ามังกรโดยมีผู้อาวุโสเผ่ามังกรสองคนเป็นรองผู้บัญชาการ พวกเขาจะส่งยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มังกรไปสามร้อยคน กองทหารเซียนมังกรวารีสามหมื่นนาย และแม่ทัพ พลทหารเล็กๆ อีกหนึ่งแสนแปดหมื่นนาย ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและค้นหาศัตรูอีกด้วย

หลี่ฉางโซ่วและราชามังกรได้ตัดสินใจเรื่องจำนวนกองกำลังด้วยการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาทำอะไรมากเกินไปไม่ได้ และไม่อาจชิงความโดดเด่นหรือทำให้เผ่ามังกรรู้สึกว่าไม่จริงใจได้ หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและบอกนัยให้ราชามังกรว่า “แม่ทัพแห่งศาลสวรรค์ในคราวนี้ ยิ่งใหญ่ไม่น้อย จะไปปะทะหรือทำเป็นเล่นกับเขาไม่ได้ เหล่าทหารมังกรจะล่วงเกินคนผู้นี้ไม่ได้ ต้องปฏิบัติและเชื่อฟังตามบัญชาทั้งหมดของแม่ทัพแห่งศาลสวรรค์”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น” ราชามังกรลูบเคราพลางพยักหน้า แน่นอนว่า เขาย่อมเข้าใจว่าใครเป็นแม่ทัพผู้นี้

ราชามังกรบูรพายังจำร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน ฮวารี่เทียนที่มางานอภิเษกของอ๋าวอี่ในครั้งก่อนได้

ราชามังกรยิ้มพลางถามว่า “เขา… ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพียงนี้จริงๆ หรือ?”

“ข้ากล่าวไม่ได้ว่าเขาคิดว่ามันสำคัญเป็นพิเศษ เพราะอย่างไรเสีย ศาลสวรรค์ก็กำลังคิดเริ่มในเคลื่อนกำลังพลออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก ซึ่งแตกต่างจากที่ช่วยเผ่าพันธุ์มังกรเมื่อคราวก่อน”

หลี่ฉางโซ่วตอบด้วยรอยยิ้มและระงับความต้องการที่จะกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงว่างเกินไปจริงๆ” ที่อยู่ในใจของเขา

หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “ราชามังกร ท่านยังต้องให้ความสำคัญกับการโจมตีปีศาจใต้ทะเลในครั้งและระวังอย่าปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลไปได้”

“เทพแห่งท้องทะเล ท่านมีแผนการยอดเยี่ยมหรือไม่?”

“เราเตรียมการให้กลุ่มกบฏเผ่าทะเลหนีไปยังที่ตั้งของปีศาจใต้ทะเล มองผิวเผินภายนอกแล้ว เผ่ามังกรจะส่งกองกำลังไล่ตามพวกเขา และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็พลิกสถานการณ์แล้วทำลายปีศาจเผ่าทะเลได้”

“ได้” ราชามังกรแห่งมหาสมุทรตะวันออกยิ้มพลางพยักหน้าและกล่าวว่า “เราจะทำตามแผนของเทพแห่งท้องทะเล”

ช่างพูดง่ายอย่างน่าประหลาดใจ

………………………………………………………………..