บทที่ 513 เปิดฉากการแสดง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 513 เปิดฉากการแสดง

บทที่ 513 เปิดฉากการแสดง

เฉาเกาซวนเอ่ยอย่างจริงจังจนเกือบทำคนฟังสะเทือนใจ แม้แต่ตัวเองยังประทับใจกับสิ่งที่พูดไปชั่วขณะหนึ่งเลย

แต่ซื่อเลี่ยงไม่เป็นเช่นนั้น สีหน้าเขาย่ำแย่กว่าเดิมแต่ยังคงรักษาเหตุผลสุดท้ายเอาไว้

“อาจารย์เฉาครับ ผมเป็นนักเรียนของคุณ ทำไมคุณต้องทำลายชื่อเสียงของเขาต่อหน้าคนอื่นด้วย?”

“ชื่อเสียงต้องเป็นสิ่งที่หามาได้ด้วยเอง ถ้ามันมีจริง ๆ คนอื่นจะทำลายได้ยังไง? ในฐานะอาจารย์แล้ว เห็นเธอเลือกเดินเส้นนี้แล้วก็เสียใจ”

น้ำเสียงของเฉาเกาซวนดังชัดเจนผ่านไมโครโฟน ทำให้ผู้คนในพื้นที่คาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนที่เชื่อเฉาเกาซวนคิดว่า ซื่อเลี่ยงดูเป็นเด็กดีขนาดนี้ไม่น่าขโมยผลงานคนอื่นเลย

ส่วนในมุมที่ทุกคนไม่เห็นคือ ชายวัยกลางคนมองเด็กคนนั้นเหมือนคนโง่

ไอ้เด็กนี่คิดจะหาเหตุผลมาคุยด้วยอีกหรือ?

ไม่รู้หรือไงว่าบางเรื่องมันอธิบายให้ชัดเจนไม่ได้น่ะ

ใครยืนอยู่บนที่สูง ไม่ว่าจะพูดอะไรก็มีเหตุผลทั้งนั้น

“ซื่อเลี่ยง ถ้าเธอไม่อยากให้มันยุ่งเหยิงก็ฟังฉันซะ” เฉาเกาซวนลดไมค์ลงแล้วกระซิบ

แต่ชายหนุ่มยิ้มเยาะ “แล้วทำไมถึงบอกว่าผมไม่ได้วาดผลงานพวกนั้นเองล่ะครับ?”

พิธีการในวันนี้คือ พิธีมอบรางวัลและชื่นชมผลงาน

ซูซื่อเลี่ยงเชื่อว่าเฉาเกาซวนอาจยังไม่เคยเห็นผลงานของเขาก็ได้

จะต้องหน้าใหญ่แค่ไหนถึงพูดจาไร้สาระออกมาได้น่ะ?

“ภาพทั้งสองที่เธอส่งเข้าสมัครเห็นชัด ๆ ว่าเป็นผลงานเยว่ซานรุ่นพี่ของเธอ แล้วดูสิ เธอบอกว่าอยากจะเรียนรู้จากเขา แล้วทำไมถึงแอบมาส่งผลงานเข้าร่วมแทนล่ะ?”

เฉาเกาซวนขยิบตาให้

ความหมายชัดเจนคือให้ซื่อเลี่ยงไหล่ตามน้ำ แล้วเขาจะจัดการเรื่องนี้เองและทันทีที่เงียบลง ภายในพื้นที่ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น และเกิดความโกลาหลกว่าเดิม

ทุกคนไม่คิดเลยว่า จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในงานประกาศรางวัลแบบนี้เลย ตลกแล้ว!

คณะกรรมการถึงกับบอกว่าหนุ่มสาวในยุคนี้กล้าคิดกล้าทำเหลือเกิน

แววตาชายหนุ่มคลุมเครือและไม่ได้พูดอะไรสักนิด แต่ก่อนจะได้กล่าว เฉาเกาซวนเอ่ยต่ออีกครั้ง

“รุ่นพี่เยว่ซานเรียนวาดภาพจากฉันเมื่อสามปีก่อน เทียบกันแล้วมีเขามีพรสวรรค์กว่าเธอมาก ภาพวาดมีพลังเกินกว่าจะเทียบกับเธอได้ด้วยซ้ำ”

“แม้ฉันจะไม่ชอบคนเก่ง ๆ แบบเธอ แต่ฉันชอบความทุ่มเทและความขยันหมั่นเพียร เลยบอกให้รุ่นพี่เยว่ซานคอยดูแลเธอให้เยอะ ๆ ไงล่ะ”

“ก่อนการแข่งขัน รุ่นพี่เขายังบอกอยู่เลยว่าผลงานหายไปสองฉบับ แต่ฉันดันไม่ได้สนใจอะไร ซึ่งไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอที่เอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาต!”

เสี่ยวเถียนมองชายวัยกลางคนและคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะทำผิดอาชีพนะ ทักษะการแสดงแบบนี้ไม่น่าเรียกพวกจิตรกรรมเลย ไปเรียนการแสดงเถอะ แม้แต่รางวัลออสการ์ก็ยังยกให้เขาเป็นตุ๊กตาทองคำเลย

เธอได้แต่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจัด อยากจะขึ้นแท่นไปด่าสักชุด

“หน้าด้าน!” อวี่รุ่ยหยวนก็โกรธเคือง “ซื่อเลี่ยงโชคไม่ดีเลยที่เจอคนหน้าด้านแบบนี้!”

“รุ่ยหยวนใจเย็นก่อน ความจริงไม่มีทางกลายเป็นเรื่องโกหกได้หรอกนะ!” ตู้ถงเหอรีบกล่อมภรรยา เพราะกลัวว่าเธอจะเข้าไปสร้างปัญหา

หญิงชราได้ยินก็ใจเย็นลงเล็กน้อย ทว่าใบหน้ายังแดงก่ำด้วยความโกรธอยู่

รู้ทั้งรู้ว่าเฉาเกาซวนไม่มีจรรยาบรรณความเป็นครู แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหน้าด้านขนาดนี้

“ย่าไม่ต้องห่วงนะ หนูเชื่อว่าพี่รองหาทางได้!” เสี่ยวเถียนปลอบผู้เป็นย่าหลังจากสงบลง

ครั้งนี้เราคำนวณไว้แล้ว เฉาเกาซวนเองก็คงเดาไม่ได้ว่าภาพ “ดวงอาทิตย์อัสดง” โดนลอกเลียนแบบไป

“ถ้าซื่อเลี่ยงรับมือไม่ไหว ย่าจะขึ้นไปเอง!” หญิงชรากำหมัดแน่น รุ่ยหยวนกำหมัดแน่นแล้วพูด

เด็กคนนี้เป็นคนที่เธอตั้งใจเลี้ยงมาอย่างดี จะให้มาโดนรังแกแบบนี้ได้ยังไง?

และเฉาเกาซวนคิดจะเหยียบจนซื่อเลี่ยงลุกไม่ขึ้นอีกด้วย!

“อาจารย์เฉา รุ่นพี่เยว่ซานวาดไว้ตั้งแต่เมื่อไรหรือครับ มันหายไปตั้งแต่ตอนไหน แล้วเขาวาดอะไรครับ?” ซื่อเลี่ยงเอ่ยอย่างใจเย็น

มันยากมากที่จะรักษาหน้าเฉาเกาซวนโดยเรียกเยว่ซานว่ารุ่นพี่

แต่เฉาเกาซวนไม่ได้ตั้งใจที่จะให้หน้าซื่อเลี่ยงอยู่แล้ว

พอได้ยินคำถามเขาก็สับสนเล็กน้อย แต่ตอนนี้มีแต่ต้องเดินหน้าต่อและไม่หันหลังกลับเท่านั้น

“สองภาพนั้นวาดไว้ก่อนแข่ง ฉันดูรุ่นพี่ของเธอวาดกับตาตัวเองเลย แค่ไม่ได้เซ็นชื่อเท่านั้น ทีแรกก็คิดจะว่าเพื่อส่งแข่งอีกแต่ใครจะรู้เล่าว่ามันหายไปแล้วน่ะ”

ซื่อเลี่ยงมีหรือจะฟังไม่ออกว่าเฉาเกาซวนเมินคำถามทั้งหมด

แถมยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ซื่อเลี่ยง เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน เธอต้องไปขอโทษรุ่นพี่เยว่ซานซะ และเอารางวัลที่ควรเป็นของพี่เขาคืนไปด้วย ฉันจะให้เยว่ซานยกโทษให้!”

ว่าจบ ทุกคนก็เชื่อในคำพูดนั้นกันหมด

เพราะเด็กทั้งสองก็เป็นลูกศิษย์ของเฉาเกาซวน จึงคิดว่าอาจารย์คนนี้ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องลำเอียง

เพราะงั้นคำพูดของเขาจึงน่าเชื่อถือกว่าเดิม

แถมเจ้าตัวยังกล่าวย้ำ ๆ อีกว่า เด็กที่ได้รางวัลอย่างซูซื่อเลี่ยงมาจากชนบท

เขาไม่ควรได้เรียนการคัดลายมือและเรียนวาดภาพมาสิ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะคว้ารางวัลใหญ่ได้สองรางวัลรวด

แต่ถ้าเป็นเจียงเยว่ซานที่ได้รับการสอนมาอย่างดี มันก็ไม่แปลกที่ความสามารถของเธอจะสูงขึ้น

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทุกคนเชื่อคำพูดของเฉาเกาซวน

เสียงครึกโครมที่ได้ยิน พอเห็นเจียงเยว่ซานที่นั่งท่ามกลางเสียงเหล่านั้นยิ่งได้ยินชัดแจ๋ว

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

ไม่คิดว่าตาเฉาเกาซวนจะเหลี่ยมจัดขนาดนี้

ต่อให้ซูซื่อเลี่ยงมีความสามารถ แต่มันก็แค่เด็กบ้านนอกไม่มีรากเหง้าที่ไหน ถึงจะโดนรังแกก็ทำได้แค่อดทน

และแม้ว่าเฉาเกาซวนจะโลภมาก ตัณหาจัดและไร้ยางอาย แต่เขาก็ทำหน้าที่ได้ดี ไม่เสียเปล่าที่ยอมพลีกายมาให้ตั้งหลายปี

แววตาเจียงเยว่ซานเป็นประกายไปด้วยความโลภ

เธอเองก็ไม่คิดว่าซูซื่อเลี่ยงจะได้รางวัลชนะเลิศ

แต่มันถูกกำหนดไว้แล้วว่า จะกลายมาเป็นชื่อเสียงและเกียรติยศเธอเท่านั้น และตราบใดที่ยังถือเกียรติอันนี้เอาไว้ เธอยังจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?

เจียงเยว่ซานในเวลานั้นเหมือนเห็นเกียรติยศกำลังโบกมือเรียกอยู่

หญิงสาวผุดลุกขึ้นช้า ๆ เดินขึ้นไปบนแท่น

ถึงเวลาที่เธอต้องออกโรงแล้ว!