ตอนที่ 510 ปะลองฝีมือ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 510 ปะลองฝีมือ

ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ผู้ที่ได้รับหน้าที่คุ้มกันไป๋ชิงเหยียน นอกจากมือสังหารของซีเหลียงที่ผันตัวไปเป็นผู้นำฝึกทหารใหม่แล้ว ยังมียอดฝีมือของเสิ่นเยี่ยนฉงและจวนเจ้าเมืองอีกด้วย พวกเขาต้องคำนึงความปลอดภัยของไป๋ชิงเหยียนเป็นอันดับแรก

เมื่อวานเสิ่นเยี่ยนฉงได้รับรายงานว่าวันนี้ไป๋ชิงเหยียนจะไปปราบโจรบนภูเขา เขาจึงกลับไปที่จวนของตัวเอง ท่านพ่อของเขากำชับเขาหลายคราหากเขาคุ้มครององค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ปลอดภัยกลับมาได้ องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขา อีกทั้งยังมอบองครักษ์ที่เก่งที่สุดสิบคนให้เสิ่นเยี่ยนฉงอีกด้วย

ไป๋ชิงผิงมองออกว่าเสิ่นเยี่ยนฉงอยากแสดงความสามารถของตัวเองให้ไป๋ชิงเหยียนได้เห็นอย่างเต็มที่ หญิงสาวจะได้มองเขาใหม่ ไป๋ชิงผิงจึงไม่คิดแย่งเอาหน้า เสนอตัวอยู่ที่ค่ายฝึกเอง

เมื่อคืนมือสังหารของซีเหลียงปรึกษากันเรียบร้อยแล้วว่าหลังจากสังหารไป๋ชิงเหยียนเสร็จจะหลบหนีเอาตัวรอดอย่างไร ตอนนี้ได้รอเวลาที่ไป๋ชิงเหยียนจะมาถึง

ไม่นานมีคนขี่ม้าเร็วพุ่งเข้ามาในสนามฝึก กระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง ตะโกนเสียงดัง

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีรับสั่งให้เสิ่นเยี่ยนฉงนำทัพไปรวมตัวกับองค์หญิงที่ประตูทางทิศเหนือ จากนั้นขึ้นเขาไปปราบโจร!”

เสิ่นเยี่ยนฉงกำดาบที่เอวแน่น กระโดดลงมาจากเวทีสูง กำหมัดรับคำ

“เสิ่นเยี่ยนฉงรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”

กล่าวจบ เสิ่นเยี่ยนฉงหันไปคาราวะไป๋ชิงผิง “สหายชิงผิง ฝากสนามฝึกด้วย”

ไป๋ชิงผิงคาราวะกลับ “สหายเยี่ยนฉงวางใจเถิด! ระวังตัวด้วย คุ้มครององค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ดี”

ไป๋ชิงผิงพยักหน้า ก้าวขึ้นไปบนหลังม้า กวาดมองไปยังบรรดาทหารฝึกใหม่ที่ตื่นเต้นจนตัวเกร็ง ตะโกนเสียงดังลั่น “ออกเดินทาง”

ไม่มีทหารฝึกใหม่คนที่ใดที่ไม่รู้กลัวยามออกรบครั้งแรก บางคนขาสั่นตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเดินทาง กระทั่งเกิดความรู้สึกอยากยอมแพ้ ทว่า เมื่อคิดได้ว่าหากตัดศีรษะของโจรป่าได้จะได้เงินสิบตำลึงทอง พวกเขาจึงฝืนกดฟันเดินตามขบวนไปยังประตูทิศเหนือ

ไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นจื้อและองครักษ์ไป๋รออยู่ที่ประตูเมืองทิศเหนือก่อนแล้ว เห็นขบวนทหารฝึกใหม่ถือคบเพลิงมุ่งหน้ามาทางนี้แต่ไกล ม้าซึ่งไป๋จิ่นจื้อนั่งอยู่พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง ย่ำเท้าไปมาอยู่กับที่

ตามหลักแล้ว ทหารใหม่ออกรบครั้งแรก แม่ทัพต้องออกไปกล่าวปลุกขวัญกำลังใจของทหาร

ทว่า นั่นใช้สำหรับกองทัพทางการอย่างกองทัพไป๋หรือกองทัพจิ้น

สำหรับกองทัพที่เป็นทางการ ควรกล่าวปลุกขวัญกำลังใจของงพวกเขาให้มีแรงฮึกเหิมในการสู้รบ

ทว่า ทหารชาวบ้านที่เพิ่งฝึกซ้อมไปไม่กี่เดือนและส่วนใหญ่ทำเป็นเพื่อเงินเช่นนี้ การปราบโจรป่าคือหน้าที่ของพวกเขา ไม่จำเป็นต้องกล่าวปลุกใจ

ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงมารอที่หน้าประตูเมืองทิศเหนือ ให้พวกเขามีเวลาขจัดความกลัวของตัวเองออกไป

เสิ่นเยี่ยนฉงเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าแต่ไกล เขาหันกลับไปบอกกับคนข้างกาย จากนั้นตวัดแส้ม้าพุ่งไปหาไป๋ชิงเหยียน ก้าวลงจากม้าแล้วทำความเคารพ

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว เกาอี้เซี่ยนจู่!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “มีคนขอยกเลิกกลางคันหรือไม่”

เสิ่นเยี่ยนฉงกล่าวยิ้มๆ “มีลังเลอยู่บ้างขอรับ ทว่า สุดท้ายก็ตามมาด้วยขอรับ…”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า มองดูทหารใหม่ถือคบเพลิงรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเมืองทิศเหนือ ไป๋ชิงเหยียนควบม้าเข้าไปใกล้ กวาดสายตามองสีหน้าที่ประหม่าและหวาดกลัวของทหารใหม่ เอ่ยถาม “กลัวหรือไม่”

ทหารใหม่ตอบออกมาโดยพร้อมเพรียงสามครั้งอย่างไม่ลังเล

“ไม่กลัว!”

“ไม่กลัว!”

“ไม่กลัว!”

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนมีรอยยิ้มบางๆ กล่าวขึ้น “ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้าออกรบครั้งแรก ข้างกายของข้ามีกลุ่มองครักษ์หญิงคอยปกป้อง ทว่า ข้าก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี”

ในสายตาของทหารใหม่เหล่านี้ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเป็นเพียงสตรี ทว่า นางคือองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่รบชนะทั้งสงครามที่หนานเจียงและเป่ยเจียง หญิงสาวมีบารมีมากมาย พวกเขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนคือแม่ทัพประเภทที่ไม่กลัวความตาย ทว่า หญิงสาวกลับยอมรับว่าตอนออกรบครั้งแรก หญิงสาวก็รู้สึกกลัวเช่นกัน

“ความกลัวไม่ใช่สิ่งน่าอาย!” ไป๋ชิงเหยียนกระตุกบังเหียนม้า ยืนอยู่ด้านหน้าของทหารใหม่ซึ่งถือคบเพลิงอยู่ในมือ

“ทหารยอดฝีมือแถบชายแดน สงครามครั้งใดไม่ได้ใช้ชีวิตแลกด้วยชีวิตกัน ทหารที่มีชีวิตรอดคนใดไม่ได้รอดตายมาจากศพที่กองเป็นภูเขากัน พวกเขาไม่หวาดกลัวอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่! มนุษย์ทุกคนล้วนกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น ข้าก็เช่นกัน!”

“ทว่า พวกเราจะปล่อยให้โจรป่าเหล่านั้นทำเช่นนี้ต่อไปเพราะความหวาดกลัวไม่ได้ วันนี้พวกมันลักพาตัวลูกหลานบ้านอื่น หากปล่อยต่อไปเด็กที่ถูกลักพาตัวไปอาจกลายเป็นลูกหลานของพวกเราเองก็ได้!”

ไป๋ชิงเหยียนมีสีหน้าจริงจัง “สิ่งที่พวกเรากำลังจะเผชิญหน้าด้วยไม่ใช่ทหารยอดฝีมือของแคว้นศัตรู ทว่า เป็นโจรร้ายที่ทำลายชาวบ้านร่วมแคว้นเดียวกัน พวกเราฝึกซ้อมกันมาหลายเดือน พวกเจ้าคือกลุ่มคนที่แข็งแกร่งและโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด พวกเราจะสู้โจรป่าที่ไม่เคยได้รับการฝึกซ้อมทหารไม่ได้เลยหรือ!”

ท่ามกลางเปลวไฟสะบัดไปมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทหารฝึกใหม่ทั้งหมดที่กำลังจะได้ลงสนามรบจริงมีแววตาที่สงบนิ่งเช่นนี้

นั่นสินะ พวกเขาได้รับการคัดเลือกออกมา ปกติเวลาฝึกซ้อม พวกเขาล้วนเป็นผู้ชนะ

“ดังนั้นครั้งนี้ผู้ที่ควรหวาดกลัวคือโจรป่าเหล่านั้น! โจรป่าเหล่านั้นรู้ว่าพวกเรากำลังฝึกซ้อมเพื่อไปปราบปรามพวกเขา ทว่า พวกนั้นก็ยังกล้าบุกลงมาจับตัวเด็กๆ ไปอย่างซึ่งหน้า เช่นนั้นพวกเราก็จะทำให้พวกนั้นได้รู้ว่าพวกเราไม่ได้ฝึกซ้อมเล่นๆ ดาบที่แขวนอยู่ที่เอวของเราไม่ใช่มีดที่ใช้ตามบ้าน มันกรีดเลือดได้จริง!”

บัดนี้ทหารฝึกใหม่ทุกคนล้วนตื่นเต้นอยากรีบประลองฝีมือกับโจรป่าเหล่านั้นให้เต็มที่

เสิ่นเยี่ยนฉงละสายตาจากกระบอกธนูซึ่งอยู่บนหลังของไป๋จิ่นจื้อ รู้สึกแปลกใจเพราะไม่เห็นว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วและไป๋จิ่นจื้อจะพกธนูติดมาด้วย เหตุใดจึงแบกกระบอกธนูมาเช่นนี้

เมื่อวานองค์หญิงเจิ้นกั๋วบอกว่าธนูไม่มีประโยชน์บนภูเขาและป่าลึก นำมาเพียงดาบก็เพียงพอไม่ใช่หรือ

เสิ่นเยี่ยนฉงขี่ม้าไปด้านหน้า ตะโกนเสียงดังลั่น “ออกเดินทาง!”

เมื่อมือสังหารของซีเหลียงเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้นำธนูเซ่อรื้อมาด้วยจึงรู้สึกโล่งใจ พวกเขาได้ยินมาว่าฝีมือการยิงธนูของหญิงสาวไร้เทียมทาน หากไป๋ชิงเหยียนพกธนูมาด้วยพวกเขาคงหาทางลงมือยากกว่าเดิม

ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น ทหารฝึกใหม่ล้อมด้านล่างภูเขาไว้จนหมด

เสิ่นเยี่ยนฉงสั่งให้ทุกคนแบ่งเป็นกลุ่มย่อย ดับไฟที่คบเพลิง จากนั้นกระจายกันย่องขึ้นไปบนภูเขาจากทุกทิศทาง จับโจรป่าเหล่านั้นให้ได้เร็วที่สุดและสูญเสียน้อยที่สุด

ก่อนลงมือ เสิ่นเยี่ยนฉงให้กำลังใจคนเหล่านั้นอีกครั้ง เขาทำตามแผนของไป๋ชิงเหยียน เห็นโจรป่าเหล่านั้นเป็นเพียงลูกแตงโมในป่าทึบ กล่าวว่าหากผู้ใดบุกไปถึงรังโจรและตัดศีรษะของโจรป่าเหล่านั้นได้ก่อนจะได้เงินรางวัล

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อลงจากหลังม้า สั่งให้องครักษ์ไป๋รออยู่ด้านล่างภูเขา พวกนางทั้งสองคนจะไปกับทหารฝึกใหม่ด้วย เสิ่นเยี่ยนฉงจึงตะโกนบอกกับทหารทุกคนยิ้มๆ

“แม้องค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่จะบอกให้องครักษ์ไป๋รออยู่ด้านล่าง ทว่า พวกนางล้วนเป็นยอดฝีมือ พวกเจ้าอย่าปล่อยให้องค์หญิงและจวิ้นจู่ชิงตัดศีรษะโจรพวกนั้นได้ก่อนและแย่งชิงเงินรางวัลไปเสียล่ะ”

ทหารฝึกใหม่เห็นว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ไม่พาองครักษ์ขึ้นไปบนเขาด้วย แสดงว่าพวกนางไม่เห็นโจรป่าเหล่านั้นอยู่ในสายตา พวกเขาก็เริ่มมีกำลังใจมากกว่าเดิม ต่างวิ่งแข่งกันขึ้นไปบนภูเขา

เสิ่นเยี่ยนฉงคัดมือสังหารของซีเหลียงหกคนไปติดตามคุ้มครองไป๋ชิงเหยียน พวกเขากำดาบยาวในมือแน่น เมื่อเห็นเหล่าทหารฝึกใหม่ต่างวิ่งขึ้นไปจับโจรบนภูเขาหมดแล้ว พวกเขาจึงหันกลับไปบุกเข้าจู่โจมไป๋ชิงเหยียนทันที