ยู่เฉิงไห่ยังคงนิ่งเงียบ
สีวู่หยาที่ได้ให้คำแนะนำอย่างรีบร้อนก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกันตัวเขารู้ดีว่ายู่เฉิงไห่ปรารถนาที่จะพิชิตโลกมากแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วคำแนะนำของสีวู่หยาก็เป็นเหมือนกับการขอให้ยู่เฉิงไห่เพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่จะทำให้สำนักอเวจีได้เปรียบเพื่อช่วยศาลาปีศาจลอยฟ้า คงจะดีกว่าถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น ถ้าหากสำนักอเวจีเกิดติดขัดเจอปัญหาจริง ความพยายามทุกอย่างของสำนักอเวจีที่ทำมาถึงตอนนี้จะต้องสูญเปล่าไป ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักยู่เฉิงไห่ก็คงจะไม่มีหน้าที่จะไปพบกับเหล่าสาวกของสำนักอเวจีได้เลย เมื่อเห็นยู่เฉิงไห่ยังคงใช้ความคิด ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นเลือกที่จะถอยห่างจากห้องโถงใหญ่ “ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน”
ทุกๆคนต่างก็เข้าใจเจตนาของสีวู่หยา ทุกคนที่รู้แบบนั้นได้ออกจากห้องโถงไปเช่นกัน
ที่ห้องโถงใหญ่เงียบลง
ยู่เฉิงไห่หันหลังให้กับกำแพงไม่มีใครรู้ว่าตัวเขาคิดอะไรอยู่ ยู่เฉิงไห่ลูบกระบี่นิลโลหิตเบาๆ ขณะที่จะจ้องมองไปที่มัน ตัวเขาก็ยังคงใช้ความคิดอยู่เช่นเดิม
…
วันรุ่งขึ้นดวงอาทิตย์ก็ยังคงโผล่พ้นทางทิศตะวันออกเช่นเคย
หมิงซี่หยินกลับไปที่ห้องลับเมื่อตอนเช้าก่อนที่จะทักทายผู้เป็นอาจารย์เป็นอย่างแรกตามที่คาดไว้ ตัวเขาไม่ได้รับคำตอบอะไรจากผู้เป็นอาจารย์ หมิงซี่หยินได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะเดินลงจากภูเขาเช่นเดิม
ไม่นานนักหมิงซี่หยินก็เห็นรถม้ากำลังตรงมาท้ายที่สุดแล้วรถม้าคันนั้นก็จอดลงที่เชิงเขา
ชู่เฉิงมีสายตาที่เฉียบคมทันทีที่รถม้าร่อนลง ตัวเขาก็เห็นหมิงซี่หยินลอยอยู่ในอากาศ หมิงซี่หยินรอคอยพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
ชู่เฉิงลุกขึ้นก่อนที่จะโบกมือให้กับหมิงซี่หยินที่อยู่ด้านหลังม่านพลัง“ท่านสี่ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
“ว่าไง”หมิงซี่หยินทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแน่ใจว่าผู้อาวุโสจีจะต้องออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้วได้โปรดช่วยทำทางพวกเราด้วยพี่สี่” ชู่เฉิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หมิงซี่หยินพูดตอบกลับไป“ข้าต้องขอโทษจริงๆ แต่…ช่วยกลับมาพรุ่งนี้ได้ไหม”
“…”
“ข้าก็เป็นแค่ชายที่ไม่น่าไว้วางใจและเป็นชายใจแคบพวกเจ้าคงจะชินชาได้แล้ว” หมิงซี่หยินพูดออกมาด้วยตัวเอง แม้ว่ามันจะเป็นคำพูดจากปากของเขา แต่หมิงซี่หยินก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจที่จะต้องพูดแบบนี้ ทำไมตัวเขาจะต้องยอมจำนนให้กับแขกผู้ตามตื๊อแบบนี้ การพบกันครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหมิงซึ่หยินเลย
ชู่เฉิงยิ้มให้ก่อนที่จะตอบกลับ“พวกเราไม่คิดว่าจะต้องจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป ที่นี่กว้างขวาง พวกเราจะรออยู่บนหุบเขาก่อนที่ผู้อาวุโสจีจะออกมาเอง”..
หมิงซี่หยินหัวเราะก่อนที่จะตอบกลับ“เจ้าฉลาดจริงๆ แม่ทัพชู่ แต่เจ้าก็ควรจะฟังคำแนะนำของข้าบ้าง ถ้าไม่อย่างงั้นพวกเจ้าได้เสียใจภายหลังแน่”
“ข้าเกรงว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ท่านตัดสินใจมากกว่า”ในขณะที่พูดชู่เฉิงก็ได้หยิบเครื่องรางออกมา เครื่องรางทั้งหลายลอยอยู่ในอากาศ มันได้ส่องแสงสีทองก่อนที่จะลอยตรงไปยังม่านพลัง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามที่จะทำลายม่านพลังนั่นเอง
ชาวลัทธิขงจื๊อเป็นที่รู้จักกันดีพวกเขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของเขตแดนพลังและพลังแผ่สวรรค์
ณใจกลางของหุบเขา เครื่องรางจำนวนมากกำลังมารวมตัวกัน เครื่องรางแต่ละอันมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องรางในก่อนหน้านี้
ชู่เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“นี่คือวิธีที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าดูแลแขกอย่างงั้นเหรอ”
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ตัวอักษรน้อยใหญ่จากใจกลางหุบเขาได้สกัดกั้นพลังจากเครื่องรางของชู่เฉิงเอาไว้
ไม่นานหลังจากนั้นเสียงอันแหบแห้งก็ได้ดังมาจากเครื่องรางที่กลางหุบเขา“ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าใครกล้าหาญมากพอที่จะบุกศาลาปีศาจลอยฟ้าได้”
เมื่อชู่เฉิงได้ยินเช่นนั้นตัวเขาก็รีบโค้งคำนับเล็กน้อย “ผู้อาวุโสซู ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะบุกเข้าไปในภูเขาทอง…เป็นเพราะฝ่าบาทของข้ามีนัดพบกับท่านผู้อาวุโสจี พวกเรามาที่นี่ก็เพราะสัญญา”
“ข้ากำลังตัดสินใจแทนท่านปรมาจารย์ข้อตกลงนี้ถูกยกเลิก พวกเจ้าจงไสหัวไปจากภูเขาทองซะ” ซูยู่ชูพูดอย่างรุนแรง
หมิงซี่หยินตกใจเล็กน้อยตัวเขาไม่คิดมาก่อนว่าซูยู่ชูจะกล้าแสดงออกถึงเพียงนี้ ‘ต้องแบบนี้สิ!’
ในตอนนั้นเองหลิวเก้อก็ได้ตอบโต้กลับไป“ซูยู่ชู เจ้าเองก็จะห้ามข้าไม่ให้ขึ้นไปบนภูเขาอย่างงั้นเหรอ”
“หลิวเก้อ…ที่นี่คือศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ใช่ราชวัง ท่านอย่าคิดว่าจะขู่ข้าได้” ซูยู่ชูลอยขึ้นมาก่อนที่จะเหวี่ยงไม้เท้าของนาง ในตอนนั้นเองเครื่องรางจำนวนมากก็ได้หมุนรอบตัวนาง เครื่องรางทั้งหมดล้วนแต่มีอักษรคำว่า ‘มนุษย์’ ถูกเขียนไว้
ชู่เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย“นี่มันพลังสวรรค์ พลังอักษรเดียวดาย”
อักษรคำว่า‘มนุษย์’ บางครั้งจะถูกแทนที่ด้วยคำว่า ‘เมตตา’ มันเป็นเครื่องรางหลักที่ชาวลัทธิขงจื๊อใช้ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพัฒนาพลังอักษรให้สูงส่งได้ แน่นอนว่าซูยู่ชูเป็นหนึ่งในนั้น นี่คือพลังอักษรที่ทรงพลังที่สุดของพลังแผ่สวรรค์
“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่ได้ตาบอดไปแล้วหรอกนะ”ซูยู่ชูมองลงมาที่ชู่เฉิงจากบนท้องฟ้า
ชู่เฉิงตอบกลับมา“เมื่อลัทธิขงจื๊อเป็นที่แพร่หลายในเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นท่านควรจะที่จะเป็นนักบุญของพวกเราแท้ๆ ผู้อาวุโสซู น่าเสียดายที่ตำแหน่งนั้นมีไว้เพื่อชายหนุ่มเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นสาวกลัทธิขงจื๊อก็ยังคงให้เกียรติท่าน ไหนท่านถึงได้เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าได้”
“มันเป็นเรื่องที่ข้าจะต้องอธิบายให้เจ้าฟังอย่างงั้นเหรอ”ซูยู่ชูโต้กลับ
ชู่เฉิงพูดไม่ออก
กู่ยี่หรานพูดต่อ“แล้วทำไมท่านถึงต้องเอาแต่ใจเช่นนั้นล่ะผู้อาวุโสซู ท่านไม่สามารถที่จะแทนที่ผู้อาวุโสจีได้” หลังจากที่พูดจบตัวเขาก็ได้ยื่นฝ่ามือขึ้นมา กู่ยี่หรานเลือกที่จะใช้พลังฝ่ามือออกมา
ใบหน้าของซูยู่ชูขมวดคิ้วเล็กน้อยนางที่เห็นพลังฝ่ามือรีบสะบัดไม้เท้าของตน แสงสีทองได้พุ่งออกจากไม้เท้าในทันที ตัวอักษร ‘มนุษย์’ ได้ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะปะทะกับพลังฝ่ามือ
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม!
หลังจากนั้นได้ไม่นานพลังที่เข้าปะทะกันก็เริ่มที่จะสลายหายไป
“ผู้อาวุโสซู…ได้โปรดชี้แนะข้าด้วย”กู่ยี่หรานกระทืบเท้าของตัวเองก่อนที่จะพุ่งตัวไปบนฟ้า ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับซูยู่ชูแล้ว
หมิงซี่หยินตกตะลึงตัวเขาไม่ได้คาดหวังว่ากู่ยี่หรานผู้ที่เงียบมาโดยตลอดจะเป็นผู้อาสาเริ่มต่อสู้ก่อน แบบนี้แย่แน่
แม้ว่าซูยู่ชูจะตัดดอกบัวทองคำและกำลังฝึกฝนตัวเองใหม่แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่อาจทนต่อการกระทำที่หยาบคายของกู่ยี่หรานได้ ไม้เท้าของนางได้หมุนไปบนอากาศก่อนที่จะปล่อยพลังเครื่องรางและพลังอักษรจำนวนมากออกมา เครื่องรางทั้งหมดได้หมุนรอบตัวนางก่อนที่จะก่อตัวกันให้กลายเป็นโซ่เส้นยาว
กู่ยี่หรานที่เห็นแบบนั้นได้เรียกพลังอวตารออกมาโดยที่ไม่พูดอะไรอีก
ซู่วว!
พลังอวตารดอกบัวที่สูงกว่า100 ฟุตได้ส่องประกายแสงสีทอง
ตู๊ม!
พลังตัวอักษรและพลังเครื่องรางทั้งหลายได้จางหายไป
ซูยู่ชูไม่คาดคิดมาก่อนว่ากู่ยี่หรานจะโจมตีนางด้วยพลังอันมหาศาลในทันที
กู่ยี่หรานที่ลบล้างพลังทั้งหมดได้พูดออกมา“ผู้อาวุโสซู เหมือนกับที่ข้าคิดไว้จริงๆ ท่านไม่ได้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบสินะ…”
ในตอนนั้นเองซูยู่ชูก็ได้หมุนตัวกลับมานางได้เหวี่ยงไม้เท้าของตัวเองอีกครั้ง ไม้เท้าของนางที่ถูกเหวี่ยงได้สร้างลวดลายแสงสีทองออกมา มันเป็นพลังที่ออกมาจากปลายไม้เท้าที่นางถือ ไม่นานนักเครื่องรางที่ลึกลับก็ปรากฏขึ้น
ตู๊ม!
กู่ยี่หรานถอยกลับมาพร้อมกับพลังอวตารสีหน้าที่กู่ยี่หรานมีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “นี่มันไม้เท้ามังกรขด! ไม่น่าแปลกใจเลย ไม่น่าแปลกใจเลย ไม้เท้ามังกรขดอยู่ในมือท่านมาโดยตลอดสินะ ผู้อาวุโสซู!”
ในตอนนี้ไม้เท้ามังกรขดได้หมุนกลับไปที่มือของซูยู่ชูนางได้ถือไว้ข้างตัวก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนอากาศ ซูยู่ชูได้พูดโต้กลับมา “ถ้าหากเจ้าจะขึ้นภูเขามาได้ เจ้าจะต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน”
ทันใดนั้นเองซูยู่ชูก็เคาะไม้เท้าลงบนพื้นนางได้บินขึ้นไปบนอากาศด้วยความเร็วสูง ซูยู่ชูได้กลับไปยืนในระดับเดียวกันกับกู่ยี่หราน
แม่ทัพใหญ่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกำลังจ้องมองดูซูยู่ชูจากในระยะไกล
“ผู้อาวุโสซู…ทำไมท่านถึงต้องทำเช่นนี้”ชู่เฉิงเอามือไขว้หลัง ตัวเขาได้ก้าวต่อไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวของเขาได้ทำให้เกิดวงแหวนประกายแสงขึ้นมา เครื่องรางบนร่างกายของชู่เฉิงได้สร้างเขตแดนพลังอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา
เมื่อเขตแดนพลังที่ก่อตัวสัมผัสกับม่านพลังม่านพลังก็ถูกเปิด ชู่เฉิงสามารถก้าวเข้ามาในม่านพลังได้อย่างง่ายดาย!
หมิงซี่หยินรู้สึกตกใจ‘เจ้านั่นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เขตแดนพลัง!’ ในบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในการใช้เขตพลัง มันไม่ได้มีมากมายเหมือนกับผู้ฝึกยุทธทั่วๆ ไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เขตแดนพลังได้ สิ่งนี้ได้ทำให้ตัวเขานึกถึงฝานลี่เทียนและผู้เป็นศิษย์พี่รองของตัวเอง ทั้งสองคนสามารถข้ามผ่านม่านพลังได้โดยที่ไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไร
ซูยู่ชูคาดคิดเอาไว้แล้วนางได้โบกสะบัดไม้เท้ามังกรขดของนางอีกครั้ง พลังแผ่สวรรค์รูปร่างมังกรของนางได้พุ่งออกมา
ชู่เฉิงโบกมืออันใหญ่ยักษ์ฝ่ามือของเขาได้ส่องประกายสีทองออกมาเช่นกัน!
ตู๊ม!
ฝ่ามือของชู่เฉิงจับพลังแผ่สวรรค์รูปร่างมังกรได้!
“พลังระดับนี้คงจะเป็นพลังของผู้มีอวตารดอกบัวสี่กลีบผู้อาวุโสซู…ท่านควรจะรู้ดีนะว่าพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบมันหมายถึงอะไร” ชู่เฉิงกำฝ่ามือของตน ในตอนนั้นเองพลังแผ่สวรรค์รูปมังกรก็ถูกสลายไป
เมื่อเห็นแบบนั้นซูยู่ชูก็ขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น