ซูยู่ชูได้ตัดดอกบัวทองคำออกก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนใหม่เป็นธรรมดาที่นางจะไม่อาจรับมือกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ ซูยู่ชูในตอนนี้เป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวสี่กลีบเพียงเท่านั้น สำหรับนางที่รับการโจมตีจนมาถึงตอนนี้ได้มันก็มากพอแล้ว ถ้าหากชู่เฉิงโจมตีด้วยพลังเต็มที่จริง ตัวเขาก็คงจะจัดการกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวสี่กลีบได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
พลังอวตารของชู่เฉิงสูงกว่า100 ฟุต มันสูงตระหง่านอยู่เหนือทุกคน ดอกบัวแปดกลีบกำลังหมุนวนอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของพลังอวตารอันใหญ่ยักษ์ ชู่เฉิงเชื่อมั่นว่าพลังวรยุทธที่ซูยู่ชูมีไม่เหมือนกับในอดีต
ซูยู่ชูได้ถอยหลังกลับไปหลายก้าวก่อนที่จะโยนไม้เท้ามังกรม้วนขึ้นไปบนฟ้าสิ้นสุดการโยนที่ใต้เท้าของนางก็มีวงแหวนแห่งแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น พลังอักษรเริ่มจัดเรียงตัวกันก่อนที่จะส่องแสงประกายสีทองอันเจิดจรัสออกมา
ชู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นสับสน“นี่มันเขตแดนเสริมพลัง…แต่ผู้ใช้จะไม่ได้ผลจากเขตแดนนี้…แล้วทำไมกัน…”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของซูยู่ชู“เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าน่ะอวดดีเกินไป!”
ซู่วว!
น้ำเต้าขนาดใหญ่ได้ถูกเขตแดนพลังของซูยู่ชูเสริมพลังให้มันมีขนาดที่ใหญ่โตมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ฝานลี่เทียนเป็นผู้เปิดฉากการโจมตีก่อนตัวเขาได้ปล่อยพลังออกจากขวดน้ำเต้าสีทองใส่ฝ่ายตรงข้าม
ตู๊ม!
พลังผนึกจากน้ำเต้าสีทองได้ชนกับพลังอวตารที่สูงกว่า100 ฟุต และเพราะแบบนั้นจึงทำให้เกิดลมแรงไปทั่ว
ชู่เฉิงที่ถูกโจมตีมีสีหน้าที่ตื่นตกใจตัวเขากระเด็นถอยกลับมาเพราะได้รับแรงกระแทกอันรุนแรงจากการโจมตีในครั้งนี้
ตู๊ม!
เมื่อชู่เฉิงกระเด็นชนเข้ากับม่านพลังจากด้านในในตอนนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
ฝานลี่เทียนเป็นผู้ที่ปรากฏตัวออกมาตัวเขากำลังลอยอยู่บนอากาศพร้อมกับขวดน้ำเต้าสีทองที่กำลังหมุนรอบตัว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชู่เฉิง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าม่านพลังไม่อาจจะสกัดกั้นยอดฝีมือผู้ใช้พลังเขตแดนจากลัทธิขงจื๊อแบบเจ้าได้ เพราะแบบนั้นพวกเราจึงจงใจปล่อยให้เจ้าเข้ามา…นี่มันก็คือการปิดประตูตีสุนัขยังไงล่ะ!”
ชู่เฉิงต้องพบปัญหามากมายกว่าที่จะเข้ามาในม่านพลังได้แต่เมื่อตัวเขาได้เข้ามาแล้ว มันก็ไม่แน่เสมอไปว่าชู่เฉิงจะกลับไปได้ ใครจะไปรู้กันว่าชู่เฉิงต้องสูญเสียพลังลมปราณมากน้อยแค่ไหนในการผ่านม่านพลังเข้ามา
ชู่เฉิงได้โคจรพลังลมปราณไปที่ร่างอวตารของตัวเองเพื่อให้มันกลับมาแข็งแกร่งดังเดิมอีกครั้งตัวเขาจ้องมองไปที่ฝานลี่เทียน ในตอนนี้ตัวเขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดซูยู่ชูถึงต้องใช้เขตแดนพลัง ชู่เฉิงในฐานะแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองถูกทำให้อับอายเช่นนี้ ตัวเขารีบประสานฝ่ามือเข้าหากันก่อนที่จะกู่ร้องออกมา “ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็อย่าได้ถือสาข้าก็แล้วกัน”
พลังอวตาร100 ฟุตของชู่เฉิงพุ่งตัวมา
เมื่อเห็นแบบนั้นฝานลี่เทียนก็ถอยกลับ
ในตอนนั้นเองที่ด้านหลังของซูยู่ชูก็มีพลังอะไรบางอย่างกำลังก่อตัวมันเป็นพลังผนึกตราประทับทั้งหกนั่นเอง พลังผนึกตราประทับทั้งหกมีตัวอักษรกว่าห้าตัวกำลังล้อมรอบมันเอาไว้
ฮั๊ววู่เด๋าบินไปทางผู้อาวุโสทั้งสองก่อนที่จะบินลงมายังเขตแดนพลังของซูยู่ชูเมื่อบินมาถึงตัวอักษรที่ล้อมรอบพลังผนึกตราประทับทั้งหกก็เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเก้าตัว
ตู๊ม!
พลังอวตารสีทองของชู่เฉิงได้ชนเข้ากับพลังผนึกตราประทับทั้งหกของฮั๊ววู่เด๋า
เมื่อฮั๊ววู่เด๋าเปิดช่องว่างได้ฝานลี่เทียนก็เตรียมตัวที่จะปลดปล่อยพลังจากน้ำเต้าทองอีกครั้ง
“ข้ามองแผนนั่นออกหมดแล้ว…”ชู่เฉิงตะโกนขึ้น “พลังแผ่สวรรค์!”
สิ้นสุดเสียงของเขาพลังอันมหาศาลจากตัวของชู่เฉิงก็แผ่ออกมารอบตัว
ตู๊ม!
ฝานลี่เทียนได้เปิดฝาขวดน้ำเต้าออกมาตัวเขาจงใจที่จะปล่อยพลังจากน้ำเต้าไปที่ด้านบน
ในตอนนั้นเองก็มีเงาของใครบางคนผ่านมาในไม่ช้าบนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเงาดำ
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม!
เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นรอยรอยเท้านับไม่ถ้วนก็ได้ตกลงมากระทบกับพลังของน้ำเต้าด้วยวิธีการผลักแบบพิเศษนี้จึงทำให้พลังสีทองจากขวดน้ำเต้าสามารถเจาะผ่านอวตารของชู่เฉิงได้
ตู๊ม!
ชู่เฉิงกระเด็นตกลงไปพร้อมกับร่างอวตารของตัวเอง
เจ้าของร่างผู้ที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วไม่ใช่ใครอื่นเขาก็คือผู้อาวุโสแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า เล้งลั่วนั่นเอง
ในขณะนี้ผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังลอยอยู่บนอากาศอย่างพร้อมเพรียงกันแล้ว
เมื่อชู่เฉิงตั้งหลักได้ตัวเขาก็เหลือบมองผู้อาวุโสทั้งสี่ด้วยความตกใจ ชู่เฉิงได้เรียกอวตารกลับไปก่อนที่จะถอยกลับออกนอกม่านพลังอย่างรวดเร็ว
ฝานลี่เทียนกำมือของตัวเองตัวเขากำลังเรียกขวดน้ำเต้าสีทองให้กลับมาหาตัว
ชู่เฉิงจ้องมองผู้อาวุโสทั้งหมดด้วยสายตาสับสนตัวเขารู้สึกคับแค้นใจที่ต้องล่าถอยกลับมา “นี่มันผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าสินะ”
“เจ้าหนุ่มศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาทำอะไรตามใจชอบได้หรอกนะ”
ชู่เฉิงตอบกลับ“นี่เป็นเพียงการลองเชิงเท่านั้น ในตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าพวกท่านไม่ได้มีพลังวรยุทธอยู่ในจุดสูงสุดเหมือนเก่า ในก่อนหน้านี้ข้าก็แค่ประมาทไป ข้าจะไม่มีวันทำผิดซ้ำสองแน่ มาเริ่มสู้กันต่อเถอะ” เมื่อพูดจบชู่เฉิงก็เหลือบมองไปยังกล่องที่อยู่ด้านหลังหลิวเก้อ จักรพรรดิหย่งโชว
หลิวเก้อเป็นที่มาของความมั่นใจที่ชู่เฉิงมีชู่เฉิงหลับตาลง ในที่สุดลมรอบตัวที่กำลังปั่นป่วนตัวเขาก็สงบลง หลังจากที่หายใจเข้าลึกๆ ชู่เฉิงก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ซู่วว!
พลังอวตาร100 ฟุตปรากฏขึ้น ที่รอบพลังอวตารมีเครื่องรางอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายโซ่ปรากฏออกมาด้วย มันกำลังวนเวียนอยู่รอบพลังอวตาร
ฝานลี่เทียนที่เห็นแบบนั้นพูดขึ้น“ผู้อาวุโสทั้งหลาย พวกเจ้าจะเอายังไงดีล่ะ”
ซูยู่ชูเล้งลั่ว และฮั๊ววู่เด๋าพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
“แน่นอนพวกเราต้องสู้อยู่แล้ว!”
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นรู้สึกตื่นเต้น“เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ผู้อาวุโสของศาลาปีศาจลอยฟ้าจะต้องพึ่งพาได้แบบนี้อยู่แล้ว! ข้าอยากที่จะรู้จริงๆ ว่าเหล่าผู้อาวุโสจะเอาชนะผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ยังไง!”
“ตอนนี้แหละ!”
สิ้นสุดเสียงของฝานลี่เทียนนอกจากฮั๊ววู่เด๋าที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามก็หันหลังกลับก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
ฮั๊ววู่เด๋า“…”
หมิงซี่หยิน“…”
ท้ายที่สุดแล้วคนที่ซื่อตรงมากที่สุดก็เป็นผู้ถูกรังแก
‘นี่คือวิธีของพวกตาแก่ใจคดพวกนั้นใช้จัดการกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบจริงดิ’
ฮั๊ววู่เด๋าที่ถูกทิ้งรีบหนีไปเช่นกัน
ชู่เฉิงที่เห็นฝั่งตรงข้ามกำลังหนีไปรู้สึกสับสน‘ทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะหนี’
การรักษาพลังอวตารที่สูงกว่า100 ฟุตได้จะต้องจ่ายพลังเป็นค่าตอบแทนอย่างมหาศาล ดังนั้นทุกคนจึงตัดสินใจที่จะถอยกลับแทน ชู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นได้หันกลับมาพูดกับหลิวเก้อแทน “ฝ่าบาท ข้าต้องทำลายเขตแดนพลัง ได้โปรดประทานคำสั่งด้วย”
หลิวเก้อส่ายหัวก่อนจะพูดออกมา“พวกเราไม่ควรจะทำตัวหยาบคายแบบนั้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ม่านพลังก็เป็นเหมือนกับประตูสำหรับผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของเขตแดนพลัง ม่านพลังทั้งหลายไม่สามารถที่จะขัดขวางอะไรเหล่ายอดฝีมือแบบนั้นได้ ย้อนกลับไปในอดีต ในตอนที่ฝานลี่เทียนสูญเสียพลังวรยุทธไปแล้ว ตัวเขาได้เดินผ่านม่านพลังของภูเขาทองมาก็เพราะขวดน้ำเต้าทองของตัวเอง ถ้าหากผู้ที่เดินผ่านไม่เข้าใจเรื่องของเขตแดนพลัง คนคนนั้นก็จะทำได้เพียงใช้กำลังทำลายม่านพลังเหมือนกับที่สำนักใหญ่ทั้งสิบเคยทำ อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าการใช้สมองในการรับมือกับม่านพลังย่อมดีกว่าการใช้กล้ามเนื้อ
พรึ๊บ!
ลูกศรพลังงานได้พุ่งเข้าหาพวกของชู่เฉิง
ชู่เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยตัวเขายกฝ่ามือก่อนที่จะปัดป้องลูกศรพลังงานทั้งหมดไป ชู่เฉิงมองเห็นผู้ปลดปล่อยลูกศรพลังงานพวกนี้ ผู้ที่ปลดปล่อยมันออกมาก็คือฮั๊วยู่จิง ผู้ที่กำลังยืนอยู่บนศาลาทางใต้ ฮั๊วยู่จิงตัดสินใจที่จะใช้ลูกศรพลังงานที่ทรงพลังมากกว่าเดิม “ลอบโจมตีอย่างงั้นเหรอ ทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้าล้วนแต่เป็นแบบนี้หมดแล้วสินะ?”
ชู่เฉิงลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะปลดปล่อยพลังฝ่ามือกว่าหลายครั้งพลังเครื่องรางกว่าหลายอันถูกปลดปล่อยออกมา
สีหน้าของฮั๊วยู่จิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แม่นางยู่จิงถอยกลับไปก่อน!” หมิงซี่หยินพุ่งตัวไปในอากาศก่อนที่จะบินกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วยความเร็วสูง
ฮั๊วยู่จิงไม่ใช่ผู้ที่สามารถรับมือกับยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสี่เองก็ยังเลือกที่จะหลบหนีไป
“เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”พลังเครื่องรางของชู่เฉิงอยู่ห่างจากม่านพลังเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
ในตอนนั้นเองก็มีร่มสีดำพุ่งมาจากด้านข้าง..
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม!
เมื่อร่มสีดำถูกกางออกมามันก็ได้สกัดกั้นพลังจากเครื่องรางทั้งหมดเอาไว้
“หืม”ชู่เฉิงมองไปรอบตัว
มีผู้ฝึกยุทธชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาวคนคนนั้นได้บินมาหาทุกคนด้วยความเร็วสูง ชายชราคนั้นได้ใช้สุดยอดวิชากว่าหลายครั้งก่อนที่จะมาถึงร่มในที่สุด
“หวางซื่อเจียอย่างงั้นเหรอ”ชู่เฉิงจดจำชายชราคนนี้ได้ เขาไม่ใช่ใครอื่น หวางซื่อเจียเจ้าเกาะเผิงไหลนั่นเอง
หวางซื่อเจียที่มาถึงได้ตอบกลับมา“ในเมื่อที่นี่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแบบนี้ มันจะไปขาดข้าได้อย่างไงกัน”
กู่ยี่หรานมองขึ้นไปตัวเขาได้พุ่งไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วก่อนที่เคลื่อนไหวฝ่ามือเพื่อพุ่งโจมตีไปที่หวางซื่อเจีย “หวางซื่อเจีย คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า!”
หวางซื่อเจียมองไปที่กู่ยี่หราน‘ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอีกคน’ ตัวเขารีบยกมือขึ้น พลังฝ่ามือขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตู๊ม!
“ฝ่ามือสละปัญญา!”
พลังฝ่ามือของหวางซื่อเจียได้เข้าปะทะกับพลังฝ่ามือสละปัญญาพลังจากการปะทะได้ทำให้เกิดลมกระโชกแรง
ทั้งสองคนลอยถอยห่างไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
หวางซื่อเจียชักฝ่ามือกลับมาก่อนที่จะยกฝ่ามือข้างซ้ายขึ้น
ทั้งสองคนต่างก็เหลือบมองกันจากในระยะไกล
กู่ยี่หรานที่ตั้งหลักได้พูดออกมา“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เกาะเผิงไหลเป็นมิตรกับศาลาปีศาจลอยฟ้า”
“ข้าเป็นสหายเก่ากับพี่จีปัญหาของเขาก็คือปัญหาของข้าเช่นกัน”
“หวางซื่อเจียเจ้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ” กู่ยี่หรานถามออกมา
“ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่…จะไม่มีใครแตะต้องศาลาปีศาจลอยฟ้าได้!”หวางซื่อเจียมองไปที่ชู่เฉิงที่อยู่ไม่ไกลมากนักก่อนที่จะมองไปยังด้านในของม่านพลัง ตัวเขาตัดสินใจที่พลิกฝ่ามือก่อนจะเรียกร่มสีดำให้บินกลับมา ด้วยการใช้พลังลมปราณเพิ่มความเร็วของร่ม ทำให้เกิดภาพร่มติดตาจำนวนมากเกิดขึ้นอยู่บนอากาศ ภาพของร่มที่เห็นได้ยิงพลังงานจำนวนมากออกมา
กู่ยี่หรานที่ถูกโจมตีรีบเอาจริง“พลังอวตารร้อยวิถี!”
ชู่เฉิงเองก็เรียกพลังอวตารออกมาอีกครั้งเช่นกัน
พลังอวตารของทั้งคู่ได้พุ่งผ่านพลังงานบนท้องฟ้าไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
หลิวเก้อที่เตรียมจะเข้าไปในด้านในม่านพลังจ้องมองการต่อสู้อย่างสนใจ
บัดนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาของยอดฝีมือทั้งสาม
การต่อสู้ในครั้งนี้มันเป็นการต่อสู้ที่มีระดับสูงกว่าการต่อสู้ในก่อนหน้านี้ซะอีก
“หวางซื่อเจียกำลังช่วยศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นเหรอ”หลิวเก้อเอามือไขว้หลังขณะที่จ้องมองการต่อสู้
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหา“ฝ่าบาท พวกเราจะเข้าไปเลยไหมครับ”
“ไม่ต้องรีบร้อน”หลิวเก้อยังดูการต่อสู้ต่อไป
หวางซื่อเจียชู่เฉิง และกู่ยี่หรานต่างก็ต่อสู้กันกว่าหลายสิบกระบวนท่า แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะ
หลิวเก้อมองไปที่แสงอาทิตย์ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น“เปิดกล่องได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ผู้คุ้มกันจักรพรรดิสองคนได้เปิดกล่องใบแรกขึ้น
แกร๊ก!
ดาบที่มีลวดลายสีแดงถูกเปิดเผยให้เห็น
เหล่าผู้คุ้มกันที่มองเห็นดาบต่างก็ดวงตาเบิกกว้าง
หลิวเก้อสะบัดมือก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะบินไปหามือเขา“ดาบเล่มนี้มีชื่อว่าดาบแห่งความว่างเปล่า มันคืออาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด…”
หลิวเก้อไม่ได้อธิบายสรรพคุณของดาบเล่มนั้นอีกต่อไปคำว่า ‘อาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด’ มันก็มากเกินพอแล้วที่จะแสดงความพิเศษที่ดาบเล่มนี้มี
เหล่าผู้คุ้มกันต่างก็สั่นไปทั้งตัวพวกเขาต่างก็โค้งคำนับให้กับผู้เป็นอดีตจักรพรรดิ “ฝ่าบาททรงปรีชาสามารถ!”
หลิวเก้อมองไปที่การต่อสู้ของทั้งสามคนตัวเขาได้ถือดาบแห่งความว่างเปล่าเอาไว้ในมือก่อนที่จะเริ่มลอยขึ้นไปบนฟ้า…