ในที่สุดหลิวเก้อก็เริ่มออกเคลื่อนไหวตัวเขาที่เคลื่อนไหวไม่ต่างอะไรจากสายฟ้าที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ในอากาศ ดาบของหลิวเก้อไม่ได้ดูเปี่ยมไปด้วยพลังแต่อย่างใด ในขณะที่เขาเคลื่อนที่มันไม่ได้ส่องแสงสีแดงอย่างโดดเด่นออกมาเท่าไหร่
เนื่องจากทั้งสามคนจะต้องต่อสู้กันในระยะประชิดเพราะความวุ่นวายจึงไม่มีใครสังเกตเห็นดาบที่หลิวเก้อถือมาด้วย
หลิวเก้อพุ่งผ่านกู่ยี่หรานและชู่เฉิงไปราวกับดาวตกตัวเขากำลังพุ่งไปหาหวางซื่อเจียอย่างรวดเร็ว
แคล๊ง!
ดาบแห่งความว่างเปล่าได้เข้าปะทะกับร่มสีดำ
ในตอนนั้นเองเกิดระเบิดพลังอันมหาศาลขึ้น
ทั้งสามคนต่างก็ถูกพลังอันแปลกประหลาดกระแทกจนถอยกลับมา
ที่ร่มสีดำเริ่มได้รับความเสียหายหวางซื่อเจียที่เห็นร่มสีดำถูกเจาะทะลุหนาวไปถึงกระดูก การโจมตีในครั้งนี้สามารถเจาะผ่านพลังการป้องกันอย่างเต็มรูปแบบของเขาได้
ตู๊ม!
หวางซื่อเจียกระเด็นกลับมา
ร่มสีดำกระเด็นกลับมา
“เก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ”หวางซื่อเจียมองไปที่ร่มสีดำที่กระเด็นกลับมาอย่างตื่นตระหนก ไม่นานนักตัวเขาก็ได้กระอักเลือดออกมา การโจมตีที่ทำให้หวางซื่อเจียสามารถบาดเจ็บได้ภายในครั้งเดียวทำให้ตัวเขาอดคิดไม่ได้ว่าศัตรูจะเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ
ชู่เฉิงและกู่ยี่หรานต่างก็ยืนนิ่งพวกเขากำลังทักทายให้กับหลิวเก้อ “ฝ่าบาท”
เมื่อทั้งสองคนเห็นดาบแห่งความว่างเปล่าในมือของหลิวเก้อในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่ากล่องใบนั้นบรรจุดาบเอาไว้
“ข้าหวังว่าเจ้าจะต้านทานการโจมตีจากดาบข้าได้นะ”หลิวเก้อได้โคจรพลังลมปราณไปที่ดาบแห่งความว่างเปล่า ดาบเล่มนั้นกำลังสั่นสะเทือนด้วยตัวเอง
เมื่อหวางซื่อเจียมองเห็นดาบในมือของหลิวเก้อหัวใจของเขาก็เริ่มสิ้นหวัง หวางซื่อเจียสัมผัสได้ถึงลางร้ายที่กำลังเพิ่มมากขึ้น
หมิงซี่หยินที่เห็นการต่อสู้ดูจะเป็นกังวลเช่นกันท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็เป็นคนที่เรียกหวางซื่อเจียมาก ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับหวางซื่อเจียจริง ตัวเขาจะไปอธิบายเรื่องนี้ให้กับผู้เป็นอาจารย์ฟังได้ยังไงกัน
ตู๊ม!
เกิดเสียงระเบิดดังมาจากทิศที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตั้งอยู่
ทุกๆคนต่างก็จ้องมองไปทางนั้น
มันเป็นเสียงที่มาจากห้องลับลู่โจวที่ถูกแสงสีฟ้าจางๆ ปกคลุมร่างกายได้พุ่งชนเพดานของห้องลับก่อนที่จะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ตัวเขาที่ลอยขึ้นมายังคงนั่งปิดตาทำสมาธิอยู่
“ท่านอาจารย์”
“ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้ว”
สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เงยหน้าขึ้นมอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน”
ไม่มีใครเข้าใจเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดได้เลย
หลิวเก้อหยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะก่อนที่จะมองไปทางลู่โจว
ชู่เฉิงและกู่ยี่หรานเองก็มองไปทางลู่โจวเช่นกัน
เมื่อลู่โจวปรากฏตัวผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็ปรากฏตัวออกมาจากศาลาก่อนที่จะเหลือบมองขึ้นมา
สาวกคนอื่นๆเองก็บินขึ้นมาจากศาลาทางใต้ก่อนที่จะเฝ้ามองจากในระยะไกล
หลิวเก้อเก็บดาบแห่งความว่างเปล่าเอาไว้ที่ด้านหลังก่อนที่จะคารวะให้กับลู่โจว“พี่จี พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
“ผู้อาวุโสจี”ชู่เฉิงและกู่ยี่หรานต่างก็โค้งคำนับเช่นกัน
ทว่าดวงตาของลู่โจวยังคงปิดอยู่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินอะไรในที่ทั้งสามคนพูดเลย
หลิวเก้ออยู่ลอยอยู่ในระดับเดียวกับลู่โจวตัวเขายังคงเหลือบมองไปที่ลู่โจว
ลู่โจวไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
หลิวเก้อได้พูดซ้ำสอง“พี่จี พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
ลู่โจวยังคงนิ่งเงียบ
ชู่เฉิงได้พูดออกมาเบาๆ“ฝ่าบาท ได้โปรดระวังตัวด้วย”
ทันใดนั้นเองกู่ยี่หรานก็ได้ยกฝ่ามือก่อนที่จะปล่อยพลังฝ่ามือไป
พลังฝ่ามือพุ่งเข้าหาลู่โจวในทันที
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือที่โจมตีไปกระจัดกระจายก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หืม”
เกิดอะไรขึ้นกัน
กู่ยี่หรานงุนงงตัวเขามองกลับไปหาหลิวเก้อก่อนจะพูดออกมา “ฝ่าบาท ข้าก็แค่พยายามไต่ถามผู้อาวุโสจีเท่านั้น ได้โปรดประทานอภัยให้ข้าด้วย”
“ไต่ถาม”หลิวเก้อมองไปที่กู่ยี่หราน “ถ้าหากเจ้ายังคงทำอะไรเห็นแก่ตัวอีก ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าอีก”
หลังจากที่กู่ยี่หรานได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ “ข้าน้อยไม่กล้า!”
นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับศึกภายใน
หลิวเก้อมองไปที่ลู่โจวที่กำลังนั่งอยู่บนกลางอากาศที่ร่างกายของเขายังคงถูกแสงสีฟ้าจางๆ ปกคลุม
“ขอแสดงความยินดีด้วยที่พี่จีออกจากการเก็บตัวฝึกฝน”คำพูดของหลิวเก้อครั้งนี้เจือไปด้วยพลังลมปราณ คลื่นเสียงในทุกๆ คำของหลิวเก้อได้กระทบเข้ากับแสงสีฟ้าจางๆ
พลังคลื่นเสียงของหลิวเก้อถูกหักล้างไปในทันที!มันไม่มีผลอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
…
“ท่านอาจารย์ใช้วิชาอะไรกัน”ดวงตาของซู่ฮ่องกงเบิกกว้าง ในตอนนี้ตัวเขากำลังเฝ้ามองลู่โจวอยู่ที่ศาลาทางใต้
“น่ามันเป็นวิชาการป้องกันตัวที่คล้ายกับพลังพุทธองค์กายาทองคำแต่ข้าไม่เคยเห็นวิธีการแบบนี้มาก่อน”
…
ลู่โจวยังคงไม่ได้สติ
เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังพลังที่จะทำให้ได้ยินทุกสรรพสิ่ง พลังที่ทำให้ได้ยินเสียงจากทุกดินแดน
นี่คือพลังแรกของคัมภีร์โลกาพลังหูสวรรค์กระจ่าง
พลังที่สามารถใช้กรองเสียงทุกอย่างได้เสียงของโลกภายนอกจะถูกสกัดกั้นโดยสมบูรณ์ แน่นอนว่ามันรวมถึงวิชาคลื่นเสียงด้วย
สีหน้าของหลิวเก้อดูจริงจังมากกว่าเดิม“อย่างที่คิดไว้ พี่จีมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ”
ลู่โจวเคยใช้พลังของเขาเพื่อเปิดการใช้งานชุดเกราะในก่อนหน้านี้มาก่อนเห็นได้ชัดว่าพลังวิเศษของเขามันอยู่เหนือพลังของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ไม่น่าแปลกเลยที่หลิวเก้อเองจะเห็นตรงกัน
หลิวเก้อพูดต่อ“ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ท่านต้องยกโทษให้ข้าด้วยพี่จี เพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขของโลกใบนี้ ข้ายินดีที่จะต้องถูกสาปแช่งก็เพราะต้องทรยศต่อพี่!”
หวืออ!หวืออ! หวืออ!
ดาบแห่งความเงียบสั่นอยู่ในมือหลิวเก้อ
ชู่เฉิงและกู่ยี่หรานต่างก็จ้องมองหลิวเก้อย่างมีความหวังเป็นธรรมดาที่ทุกคนจะอยากรู้ว่าหลิวเก้อจะโจมตีผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบด้วยวิธีการแบบไหน..
หลิวเก้อพลิกมือข้างขวาก่อนที่จะใช้ดาบแห่งความเงียบชี้เข้าหาลู่โจวในตอนนั้นเองพลังจากดาบก็พวยพุ่งออกมา
พรึ๊บ!
สีหน้าของหลิวเก้อยังคงดูเคร่งขรึมในตอนที่คลื่นพลังจากดาบพุ่งไปที่หน้าอกของลู่โจว หลิวเก้อยังคงเฝ้ามองการโจมตีอย่างเยือกเย็น
สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าผู้อาวุโส ผู้ฝึกยุทธหญิง รวมไปถึงหวางซื่อเจียต่างก็เบิกตากว้าง ทุกคนต่างก็กู่ร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านอาจารย์!”
“ท่านปรมาจารย์!”
“พี่จี!”
คลื่นพลังดาบดูเหมือนจะสามารถฟาดฟันได้แม้แต่กาลเวลามันได้แล่นผ่านไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วราวกับสายฟ้าก่อนที่จะเข้ามาใกล้ลู่โจว
ตู๊ม!
คลื่นพลังดาบได้มาบรรจบกับแสงสีฟ้า
หลิวเก้อกระเด็นกลับไปซะเองตัวเขากระเด็นกลับไปก่อนที่จะตั้งหลักได้อีกครั้ง หลิวเก้อที่ตั้งหลักได้ยืนขึ้นก่อนที่จะเรียกดาบแห่งความเงียบกลับมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างก่อนที่จะเหลือบมองไปยังลู่โจว “พี่จีปัดป้องดาบแห่งความเงียบได้”
เมื่อหลิวเก้อยังครองบัลลังก์ในตอนนั้นตัวเขาได้ทดสอบพลังของดาบแห่งความเงียบอย่างลับๆ ตัวเขามั่นใจมากว่าดาบแห่งความเงียบสามารถทำลายอาวุธระดับสรวงสวรรค์ได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหลิวเก้อก็เก็บความลับของดาบแห่งความเงียบมาโดยตลอด ดาบก็คือไพ่ตายของตัวเขา สุดยอดฝีมือลึกลับเคยว่าเอาไว้ ในโลกใบนี้ไม่ควรจะมีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เมื่อผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบปรากฏขึ้น หลิวเก้อก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะใช้ดาบเล่มนี้เข้าหยุดยั้ง สุดยอดฝีมือผู้ลึกลับได้ทิ้งมนต์สะกดที่จะสามารถกระตุ้นเขตแดนพลังสีแดงบนดาบแห่งความเงียบเอาไว้ให้
หลิวเก้อมองไปที่ลวดลายสีแดงบนดาบตัวเขาไม่คิดลังเลอีกต่อไป
เพื่อชาวเมืองทุกคนเพื่อดินแดนหยาน เพื่อราชสำนัก หลิวเก้อไม่สามารถปล่อยให้ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมีชีวิตอยู่ต่อได้!
หลิวเก้อโจมตีอีกครั้งครั้งนี้ตัวเขาใช้ดาบผ่าไปที่กลางอากาศ
เมื่อคลื่นดาบเข้ามาใกล้ลู่โจวพลังงานสีฟ้าก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง มันก่อตัวเป็นม่านพลังรอบตัวของลู่โจว
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม!
หลิวเก้อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตัวเขาไปทางซ้ายและขวาก่อนที่จะทิ้งภาพติดตาเอาไว้ การเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วจนเกือบจะมองตามไม่ทัน ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวหลิวเก้อจะปลดปล่อยคลื่นดาบพลังงานใส่พลังสีฟ้า
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม!
คลื่นดาบพลังงานถาโถมเข้าใส่ลู่โจวราวกับพายุเฮอริเคน!ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว หลิวเก้อก็รวดเร็วขึ้น
ภาพที่ได้เห็นทำให้ทุกคนนึกถึงดาบปีศาจยู่ฉางตง
“ฝ่าบาท…”ชู่เฉิงกลืนน้ำลาย
กู่ยี่หรานที่ดูการต่อสู้อยู่พูดออกมา“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฝ่าบาทจะกล้ามาถึงที่นี่…”
ในตอนนั้นเองหลิวเก้อก็หยุดเคลื่อนไหวก่อนที่จะโฉบลงต่อหน้าลู่โจวตัวเขาที่โฉบลงมามาพร้อมกับดาบแห่งความเงียบ ที่ปากของหลิวเก้อกำลังท่องมนต์อะไรบางอย่าง
ลวดลายสีแดงบนดาบส่องสว่างมากขึ้น
หลิวเก้อรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากตัวเขาจับจ้องไปที่ลู่โจวที่กำลังนั่งทำสมาธิอยู่บนกลางอากาศ หลิวเก้อที่เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วได้กู่ร้องออกมาด้วยเสียงอันลึกล้ำ “ตายซะ!”
ดาบแห่งความเงียบที่มีอยู่ในมือขยายใหญ่พลังงานที่ขยายใหญ่ได้ฟาดฟันลงบนพลังสีฟ้า!
ตู๊ม!
ระลอกคลื่นจากการปะทะได้กระเพื่อมออกมาสู่ด้านข้าง
ตู๊ม!ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ในชั่วพริบตาหลิวเก้อชู่เฉิง และกู่ยี่หรานต่างก็ถูกคลื่นกระแทก ทั้งสามคนกระเด็นกลับมา
เนื่องจากหลิวเก้อเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุดเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงถูกผลกระทบจากคลื่นกระแทกเข้าอย่างจัง หลิวเก้อกระอักเลือดออกมาในขณะที่กระเด็นกลับ
ทั่วทั้งภูเขาทองกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
ดาบพลังงานขนาดใหญ่ได้หายไปเช่นกัน
ดาบแห่งความเงียบกระเด็นกลับมาอย่างช้าๆท้ายที่สุดแล้วมันก็กระทบเข้ากับม่านพลัง
ลวดลายสีแดงของมันเริ่มจางลง
เมื่อเห็นแบบนั้นหลิวเก้อก็รู้สึกสับสนตัวเขาทั้งสับสนและหวาดกลัว ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นจนจบ ลู่โจวไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยซ้ำ ตัวเขาไม่แม้แต่จะป้องกันตัวเอง บางทีลู่โจวอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป ไม่มีใครสามารถทำให้ลู่โจวขยับได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความคิดของหวางซื่อเจียเต็มไปด้วยความสับสนตัวเขาได้แต่ยืนมองการต่อสู้จากในระยะไกล “ถ้าหากพี่จีจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น แล้วข้าจะมาทำไมกัน” ตัวเขาตัดสินใจที่จะเฝ้ามองต่อ
ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็อ้าปากค้างพวกเขาอ้าปากค้างจนรู้สึกว่าปากของตัวเองกำลังเหือดแห้ง
“…ท่านปรมาจารย์ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยไม่ใช่เหรอ”
“ตาของเขายังคงปิดอยู่ด้วยซ้ำ”
“หรือว่าเขาจะหลับอยู่กัน”
“ข้าไม่เคยยอมใครมาก่อนในชีวิตท่านปรมาจารย์เท่านั้นที่ข้าจะยอมจำนนให้”