บทที่ 555 การตกใจตื่นจากฝันของฮ่องเต้รุ่นแรก3

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 555 การตกใจตื่นจากฝันของฮ่องเต้รุ่นแรก3

ตอบแบบนี้อีกแล้ว ฮ่องเต้ได้ยินจนชินไปนานแล้ว แต่ในใจก็ยังมีความผิดหวังเล็กน้อย

แต่ว่า!

“คุณชายอย่างข้าจะไม่ยอมแพ้”

“……”

ยังจะคุณชาย?

คือเป็นคุณชายของครอบครัวขุนนางจนคุ้นชินแล้ว

สุดท้าย หลานเยาเยาจนปัญญาจริงๆ กล่าวว่า “ตามใจท่าน” ต่อจากนั้นล้มหัวแล้วนอน ยังไงซะนางก็รู้สึกว่าฮ่องเต้คิดไม่ซื่อ

เพื่อเปิดโปงคำโกหกของเขาโดยเร็ว

หลานเยาเยาแอบทดสอบ จนกระทั่งแอบทำอะไรบางอย่างในน้ำชาอาหารของเขา ในเวลาที่เขาไม่ได้ติดตามตัวเอง นางก็สามารถหาเบาะแสของเขาได้อย่างง่ายดาย

เป็นดังคาด ผ่านไปไม่กี่วัน

ในค่ำคืนที่มืดมิดลมแรงคืนหนึ่ง ฮ่องเต้ที่อยู่ข้างห้องของนาง แอบออกย่องออกไป หลังจากที่นางได้ยินความเคลื่อนไหว จึงได้แอบติดตามไป

คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะหยุดลงที่ป่าเมเปิลผืนหนึ่ง ทั้งร่างแผ่อายเย็นยะเยือกอย่างกะทันหัน โดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นอายหนาวเหน็บ พลังกลิ่นอายที่ผู้มีชีวิตห้ามเข้าใกล้พุ่งเข้ามา

กับความสูงส่งนั้น ภาพลักษณ์ของฮ่องเต้ที่มองกลอุบายแผนการร้ายทั้งหมดของโลกด้วยแววตาเย็นชาผสานเข้าด้วยกัน

หลานเยาเยาหรี่ตาลงเล็กน้อย

นี่คือท่าทางที่เดิมทีเขาควรจะมี ช่วงเวลานี้แสร้งทำท่าทางเป็นสุภาพอ่อนโยนต่อหน้านางมาโดยตลอด จะต้องลำบากพอดูแน่ๆ!

นางหลบอยู่หลังต้นเมเปิลใหญ่ กำลังต้องการจะเดินออกไป กลางอากาศเคลื่อนไหวอย่างประหลาดเป็นระยะอย่างฉับพลัน นางหยุดฝีเท้าลง

เวลาเพียงชั่วพริบตา มีผู้สวมชุดประหลาดสิบกว่าคน คนที่ทาทั้งใบหน้าด้วยสีดำล้อมเขาไว้ แววตาโหดเหี้ยม สีหน้าเต็มไปด้วยแรงสังหารดุเดือด

ฮ่องเต้เปล่งเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง กล่าวอย่างดูถูก :

“อี๋หมานชนกลุ่มน้อย ยังจะยืนหยัดไม่ลดละจริงๆ”

การเดินทางลึกลับขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่ายังถูกพบได้เร็วขนาดนี้ อีกทั้งยังรู้ถึงความคงอยู่ของฮองเฮาอีก

ดูเหมือนว่า……ถึงเวลาต้องไปแล้ว

แต่ก่อนไป จำเป็นต้องจัดการคนเหล่านี้ทิ้งซะก่อน

เวลานี้ชายที่ใส่ชุดต่างชาติทั้งตัวผู้หนึ่ง บนหัวเสียบขนนกที่ไม่ทราบชนิดไว้เต็มหัว บนใบหน้าทาสีแบบเดียวกัน เพียงแต่บนหน้าของเขาเป็นสีดำเข้ม พลังแห่งความเกลียดชัง แผ่ออกมาจากภายใน

คนผู้นี้เป็นประมุขเผ่าที่อายุน้องที่สุดของอี๋หมาน

ก่อนหน้าที่ฮ่องเต้ยังไม่ได้เป็นกษัตริย์ ตระกูลเย่กับเผ่าอี๋หมานของพวกเขาก็เป็นศัตรูกันตั้งแต่เกิด

ตอนนั้นขณะที่ตระกูลใหญ่ทั้งสองตระกูลแย่งกันครอบครองแผ่นดิน ทั้งสองตระกูลบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน สุดท้ายตระกูลเย่ชนะใจราษฎร ได้ครองแผ่นดิน ก่อตั้งราชวงศ์หยิ่งเย่ ค่อยๆรวบรวมแผ่นดินใหญ่นี้เป็นหนึ่งเดียว

อี๋หมานผู้แพ้ก็เท่ากับผิดกฎหมายแทบจะถูกฆ่าตายทั้งหมด เพื่อหลบเลี่ยงการโดนไล่ฆ่า พวกเขาถอยออกจากที่อยู่อาศัยที่โหดร้าย จากนั้นก็เงียบหายไร้ร่องรอย

แต่สองตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจเหมือนน้ำกับไฟนี้ เพียงแค่คนเผ่าของฝ่ายหนึ่งตายไม่หมด ก็จะมีการล้างแค้นกันในที่สุดแน่นอน

ด้วยเหตุนี้!

หลังจากที่เผ่าอี๋หมานหายไปอย่างไร้ร่องรอยจะสถานที่โหดร้ายแล้ว แต่การลอบสังหารก็ไม่เคยหยุด

อีกทั้ง ไม่กี่ปีมานี้ยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งกำเริบเสิบสานจนแปลกประหลาด

ตอนนี้แม้แต่ประมุขเผ่าของเผ่าอี๋หมานที่ได้ตำแหน่งใหม่ไม่นานก็ออกเคลื่อนไหวเองแล้ว ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เขามักจะรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นเสมอ

ประมุขเผ่าของเผ่าอี๋หมาน : “วันนี้มีเจ้าอยู่ผู้เดียว สังหารเจ้าง่ายดายนัก เย่ซางหลิง รับความตายซะเถอะ!”

ทั้งสองฝ่ายพูดไม่เข้าหูก็เปิดฉากต่อสู้

แต่ศักยภาพก็แตกต่างกันกันมาก เมื่อปะทะกัน เผ่าอี๋หมานก็ตกใจจนเบิกตาโพลง ฮ่องเต้ที่พวกผู้อาวุโสพวกเขากล่าวกับฮ่องเต้ที่พวกเขาได้สัมผัสแตกต่างกันมาก

นี่เป็นไปไม่ได้

หรือว่าพวกผู้อาวุโสตั้งใจหลอกเขา?

ตอนนี้คิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ขณะนี้คนมากมายขนาดนี้ก็ล้วนไม่ใช่คู่ต่อกรของเย่ซางหลิง เขาไม่ใช่คนที่หัวรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เขายืดหยุ่นได้ จำเป็นต้องหาโอกาสพาคนที่เหลือจากไป

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

คนของเผ่าอี๋หมานที่เหลือเพียงสองสามคน แต่ละคนบาดเจ็บสาหัส แม้แต่ประมุขเผ่าของเผ่าอี๋หมานก็เช่นเดียวกัน ที่โชคดีเพียงอย่างเดียวคือ พวกเขาหนีรอดแล้ว

แต่ ที่ประมุขเผ่าของเผ่าอี๋หมานไม่รู้ก็คือ…….

คนจะแข็งแกร่งเพียงใด หนึ่งคนก็สู้สองคนได้ยาก ฮ่องเต้เย่ซางหลิงได้สังหารพวกเขาหมด แต่ร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บ

เพียงแค่มือซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ มีรอยแผลที่หนึ่ง แต่ละรอยเลือดไหลวนลงมาตามแขน สุดท้ายก็พุ่งออกจากแขนเสื้อ ไหลลงบนพื้นดิน กระเซ็นเป็นดอกไม้เลือด

เขาไม่ได้ยืนนาน เพียงรอให้คนของเผ่าอี๋หมานจากไปไกล จึงได้รีบเหาะไปทางที่พำนักทันที

มองเงาร่างของฮ่องเต้แฉลบออกไป หลานเยาเยาค่อยๆเดินไปตำแหน่งที่เขายืนก่อนหน้านี้ มองดูคราบเลือดบนพื้น เงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้หมุนตัวจากไป

รอนางกลับมาในบ้าน ห้องข้างๆที่ฮ่องเต้อยู่เป็นความดำมืด ในใจกลัดกลุ้มเล็กน้อย คิดว่าฮ่องเต้ไปที่ห้องของนางอีกแล้ว เมื่อเพ่งมอง ประหลาดใจเล็กน้อย

ห้องของนางก็มืดสนิท

เขาบาดเจ็บแล้ว จะสามารถวิ่งไปไหนได้? ไม่รู้ว่าวิชาการรักษาของตัวเองสูงส่งหรือไง?

เข้าไปในห้องแล้วจุดเทียน ทันใดนั้นแสงเทียนก็เติมเต็มทั้งห้อง ในใจมีปัญหา

เพราะฉะนั้นไม่มีความอยากนอน

แต่ระหว่างที่หมุนตัว พบว่าบนเตียงมีเงาร่างที่หลับสนิทอยู่ร่างหนึ่ง

รองเท้าบูตยาวไม่ได้ถอด เท้าทั้งสองยังคงเหยียบอยู่บนพื้น เพียงแต่ลำตัวครึ่งท่อนบนนอนขวางไปที่เตียงของนาง ยังใช้เครื่องนอนคลุมที่ช่วงท้องอีก

ตาทั้งสองข้างปิดสนิท สีหน้าปกติ

มองดูอย่างละเอียด พบว่าริมฝีปากบางๆของเขาเริ่มซีดขาวเล็กน้อย

ในใจของหลานเยาเยาสับสนขึ้นมาฉับพลัน

รีบเดินไปด้านหน้า อยากถีบเขาให้ฟื้น ขณะที่นางเตะออกไปตกลงที่ต้นขาของเขา เห็นได้ชัดว่าเบาแรงลงแล้วกล่าวว่า

“นี่ ตื่นสิ จะนอนก็ไปนอนในห้องของท่าน”

“อย่ามาแกล้งตายกับข้า ข้ารู้ว่าท่านจงใจ ยังไม่ลุกขึ้นมาอีกข้าจะถีบจริงๆแล้ว”

“เจ้าบ้า ยังจะแกล้ง ดูข้าจะถีบให้ท่านตาย”

พูดจบ หลานเยาเยาถีบจริงไปสองสามที ฮ่องเต้ที่นอนอยู่บนเตียงยังคงนิ่งเฉย

มองดูสีหน้าฮ่องเต้ที่นิ่งเฉย แล้วมองดูร่างกายที่โดนนางถีบไปสองสามรอบยังคงไร้การตอบสนอง ในที่สุดหลานเยาเยาก็ถอนหายใจ

“ก็ได้! นับว่าท่านร้ายกาจ รู้จักแต่จะรักแกความใจอ่อนของข้า”

พูดจบ!

หลานเยาเยาถลกแขนเสื้อขึ้น เอาสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาออกมาทันที พันแผลให้ฮ่องเต้อย่างอดทน ขณะป้อนยา ยังจงใจราดไปที่หน้าเขา

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ จึงได้สะบัดแขนเสื้อจากไป

รอจนปิดประตู เสียงฝีเท้าค่อยๆไกลออกไป คนที่นอนอยู่บนเตียงจึงค่อยๆลืมตาขึ้น

เย่ซางหลิงลุกขึ้น นั่งบนเตียง ใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำบนหน้าออกโดยตรง จากนั้นมุมปากกระตุกนวดขาอ่อนที่โดนหลานเยาเยาถีบจนเจ็บ

เป็นดังคาด ต้องการจัดการซู่เอ๋อ ยังต้องหน้าด้านหน้าทน

เพียงแค่……นางยังถีบอย่างรุนแรงได้ลงคอจริงๆ เจ็บมากนะ

ห้องมีเพียงสองห้อง ห้องของตัวเองโดนฮ่องเต้ยึดแล้ว หลานเยาเยาทำได้เพียงไปที่ห้องของฮ่องเต้

เดิมทีคิดว่าตัวเองเป็นคนรักความสะอาดสุดๆแล้ว คิดไม่ถึงว่าระดับการรักษาความสะอาดของฮ่องเต้ยังเกินความรู้ของนางไปอีก

ในห้องที่ไม่ได้หรูหรามากนัก ถูกเขาเก็บกวาดจนแทบไม่เปื้อนฝุ่น

เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ทำน้ำให้หน้าเขา หลานเยาเยายืดคอยาวโดยไม่รู้ตัว กลืนน้ำลาย

จะโดนไล่ฆ่าหรือไม่?

แต่ทว่า วันที่สอง นางโดนไล่ฆ่าจริงๆแล้ว

เมื่อตื่นมา ในห้องก็มีเสียงอาวุธปะทะกันเสียงเสียดหู ตาสองข้างที่เลือนรางเห็นเงาร่างไหวติงโยกย้ายไม่หยุด

ทันใดนั้น มีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาทางนาง เอามีดที่มีแสงเย็นวาบทิ่มแทงมาทางนาง

หลานเยาเยาค่อนข้างงงงัน

นาทีนั้นที่มีดแหลมคมกำลังทิ่มแทงมา สายตาชัดเจนแล้ว มีดใหญ่ด้ามหนึ่งที่แสงประกาย

“อึก” เสียงหนึ่ง

สัญชาตญาณทำให้หลานเยาเยาได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตัวเอง ร่างกายถอยร่นไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ กลับชนเข้ากับกำแพงเนื้อ

ระหว่างที่คับขัน แขนข้างหนึ่งที่แผ่กระจายกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ท่าทางโอบนางจากทางด้านหลังขวางมาด้านหน้าของนาง ทำให้มีดใหญ่ที่แทงเข้ามาไม่สามารถที่จะเข้าไปด้านหน้าไปแม้ครึ่งก้าว

ต่อจากนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากอีกข้างหนึ่ง ดีดมีดใหญ่ออกไป จากนั้นก็กอดนางเบาๆ ฮ่องเต้เข้าใกล้นางอย่างทันที ริมฝีปากบางๆเย็นๆกล่าวพึมพำขึ้นข้างหูของนาง :

“ซู่เอ๋อ พวกเขาทำเสียงรบกวนให้เจ้าตื่น?”