บทที่ 523 ตัดสินใจ

บทที่ 523 ตัดสินใจ

ฮูหยินไป๋คาดไม่ถึงว่าเหยาซูจะกลับมา ก่อนหน้านั้นนางเตรียมใจว่าต้องรอนานกว่านี้ แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่เหยาซูจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้วจะกลับมารวดเร็วเช่นนี้

“ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของเด็กสองคน ข้าคงไม่รอบคอบไม่ได้”

เหยาซูไม่ได้กล่าวอ้อมค้อมกับฮูหยินไป๋ “ถ้าข้าพูดล่วงเกินสิ่งใด ได้โปรดอย่าถือสา”

ครั้นฮูหยินไป๋เห็นเหยาซูมีท่าทีระแวดระวัง จึงอดยืดตัวขึ้นไม่ได้ จากนั้นจึงข่มรอยยิ้มบนสีหน้าเอาไว้ “พี่หลินถามมาได้เลยไม่ต้องคิดมาก”

“นายท่านไป๋จะตอบรับเรื่องเหลวไหลเหล่านั้นอย่างไร”

นี่เป็นเรื่องที่เหยาซูคิดไม่ตก แต่หลังจากที่เหยาซูครุ่นคิดอย่างละเอียด นอกจากจะต้องรับโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตรเพื่อให้ใต้เท้าไป๋พ้นความผิดแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่สามารถทำได้จริง ๆ

นายท่านไป๋สร้างปัญหาโดยที่ภรรยาจับไม่ได้มาหลายปีแล้วอย่างนั้นหรือ?

เรื่องนี้เหยาซูไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ

“พูดตามตรง ข้าไม่รู้เรื่องนี้เลย ก่อนหน้านั้นข้าคิดว่านั่นคือผู้เฒ่าหัวคร่ำครึเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรที่วุ่นวายเพียงนั้น”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ฮูหยินไป๋รู้สึกสับสนอย่างมาก

นางระแวดระวังตลอด กฎระเบียบในจวนก็ค่อนข้างเข้มงวด

ก่อนหน้านั้น เรื่องนี้ทำให้นางโกรธมาก ตลอดจนคาดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะกลายเป็นเช่นนี้ และที่นางเงียบสงบเพราะกำลังครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้อยู่ แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ต้นสายปลายเหตุแต่อย่างใด

เหยาซูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ความจริงแล้วฮูหยินไป๋น่าจะรู้ดี เรื่องของลูก ๆ เป็นเรื่องที่ข้าไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้อยู่แล้ว ถ้าพวกเขาสองคนมีความคิดเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง”

เรื่องนี้จะพูดว่ายุ่งยากก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแต่การเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในขณะที่ปรึกษาหารือกับวงศาคณาญาติจำนวนมากก็ดูมีเค้าลางว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี

แม้เหยาซูจะไม่เชื่อเรื่องนี้นัก แต่ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

ครั้นฮูหยินไป๋ได้ยินคำตอบของเหยาซู นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาคือผู้ที่คุ้นเคยกับการรับมือปัญหาของผู้คน กล่าวได้ว่าเรื่องเหล่านี้จะมีหนทางของมันเอง แต่ไม่ว่าใครก็ย่อมรู้ว่ามีบางส่วนที่ไม่ถูกต้อง

ครั้นเห็นเหยาซูโล่งใจ มันก็บ่งบอกได้ว่านางไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้มากนัก

“เป็นแม่คนกันหมดแล้ว ช่วยเจ้าได้ก็ช่วย”

เหยาซูทอดถอนใจ “แต่อย่างไรเรื่องนี้ต้องมีกฎระเบียบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

สำหรับเรื่องนี้แล้วต้องมีเรื่องเทียบเชิญมาข้องเกี่ยว

เหยาซูพูดเช่นนี้นับว่าเป็นการเตือน นางมองออกว่าสาเหตุที่ฮูหยินไป๋มาหาตนถึงจวนนั้นเพราะหวังว่าไป๋หรูปิงจะดีขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดี

ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ลูกคือความกังวลใจของพ่อแม่’ บางทีสำหรับเหยาซูเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วการเลือกเยอะไม่สู้เลือกน้อยหรือไม่สนใจเลยดั่งเช่นเรื่องนี้ นางมองออกทะลุปรุโปร่งว่าที่ฮูหยินไป๋มาหานางก็เพื่อหวังให้ไป๋หรูปิงมีชีวิตดีขึ้น แต่ยามนี้เหยาซูกลายเป็นแม่คนแล้ว การเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ทำให้นางใจอ่อนโดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่ฮูหยินไป๋ได้ยินก็พยักหน้า แล้วก็หยิบของบางอย่างออกมาใต้แขนเสื้อ “นี่คือใบบันทึกปีเกิดของหรูปิง”

เมื่อหลายปีก่อนนางเตรียมไว้เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูล แต่ตอนนี้นางนำออกมาเพื่อลูกสาวเพียงคนเดียว

ใบบันทึกปีเกิดเรียกอีกอย่างว่าใบเทียบเชิญงานแต่ง ซึ่งบนเอกสารนั้นจะระบุชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด บ้านเกิด บรรพบุรุษสามชั่วอายุคน ถ้าทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนใบปีเกิด นั่นหมายความว่าพิธีแต่งงานเป็นอันเสร็จสิ้น จากนั้นก็ดำเนินการหกพิธีการ สาเหตุที่เรียกว่าหกพิธีการเพราะตามบันทึกของพิธีกรรมจะแบ่งเป็น หาพ่อสื่อแม่สื่อ ถามชื่อและวันเดือนปีเกิดของฝ่ายหญิง ผูกดวง สู่ขอเป็นทางการ เลือกวันมงคล แต่งฝ่ายหญิงเข้าบ้าน

เมื่อจบสิ้นหกพิธีการนั้นหมายความว่าเป็นอันเสร็จพิธี

ในตอนที่ฮูหยินไป๋มาเยี่ยมเยือน เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้มีการเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าทั้งสองฝ่ายหมั้นหมายกัน ต่อให้นายท่านไป๋ชดเชยให้มากเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์

เหยาซูไม่รับใบปีเกิดในทันที “ข้าขอถามความคิดเห็นของเด็กทั้งสองคนก่อน”

ฮูหยินไป๋มองเหยาซู แล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ “ช่างเถอะ วันนี้ข้าได้ยินมาว่าหรูปิงบอกว่าจะมาเล่นกับหลินซือ คาดว่าน่าจะถึงจวนแล้ว”

แต่เหยาซูกลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก “ต้องหาแม่สื่อมาทาบทามเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคนนอกจะคิดว่าเราไม่มีหัวใจ ไม่ให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้”

โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งตระกูลใหญ่ กฎระเบียบในการแต่งงานก็ยิ่งมากขึ้น นี่คือพิธีกรรมที่สืบทอดมาช้านาน

โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งดำเนินพิธีการใหญ่โตเพียงใดก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่มีต่อครอบครัวฝ่ายหญิง ยิ่งให้ความสำคัญต่อฝ่ายหญิงมากขึ้น

ถ้าวันนี้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ นั่นก็เห็นได้ชัดว่ากำลังทำให้ผู้อื่นดูแคลนไป๋หรูปิง

ในเมื่อเหยาซูยอมรับไป๋หรูปิงแล้วย่อมไม่มีทางทำให้ไป๋หรูปิงลำบากใจโดยเด็ดขาด ดังนั้นยามนี้จะขาดแม่สื่อดูตัวได้อย่างไร

แม้ว่าแม่สื่อจะยุ่งมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แต่อำนาจของตระกูลหลินก็มีมากพอที่จะทำให้คนเหล่านี้กระตือรือร้นได้

เหยาซูตามหาแม่สื่อมาจัดการเรื่องเหล่านี้ พลางให้สาวใช้ไปตามหลินซือ “ไปบอกคุณหนูใหญ่ว่า วันนี้ข้าจะให้คุณชายใหญ่มาดูตัวที่เรือน”

ขณะพูดนางหันกลับมาให้ความสนใจฮูหยินไป๋ที่อยู่ข้างกาย “อีกประเดี๋ยว พี่หญิงไปแอบมองอยู่หลังฉากกั้นนะ”

….

กลับมากล่าวถึงตอนนี้

เรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นเช่นนั้น ดังนั้นจึงมีภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮูหยินไป๋ได้เจอหลินจื้อ เมื่อเจอกันครานี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยิ่งเห็นก็ยิ่งคุ้นตา

หลินจื้อไม่คาดคิดว่ามารดาของตัวเองจะกลับมาออกหน้าให้เช่นนี้ ตอนนี้จึงได้แต่ตะลึงงัน

เขาเคยเจอกับฮูหยินไป๋แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่เคยกังวลเฉกเช่นตอนนี้

“ข้าน้อย…ทำความเคารพฮูหยินขอรับ”

หลินจื้อพูดตะกุกตะกักเพราะความกังวล เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้

ฮูหยินไป๋มองหลินจื้อด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา “เด็กดี มานี่มา!”

เหยาซูเห็นลูกชายคนโตผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนี้แล้วอดขุ่นเคืองไม่ได้ ต่อไปเรื่องของไป๋หรูปิงคงต้องให้เด็กคนนี้จัดการเองแล้วกระมัง

นางครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ในใจ

หลินจื้อมองมาทางนี้ด้วยความตื่นเต้น เหยาซูเองก็จนปัญญา “เจ้าอย่าเพิ่งลำพองใจไป คุณหนูไป๋มีความคิดเห็นอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้”

“ข้ายินยอมเจ้าค่ะ”

ตอนนี้เองไป๋หรูปิงที่เงียบมาตั้งแต่ต้นจวบจนตอนนี้ ก็วิ่งออกมาอย่างอดไม่ได้

ฮูหยินไป๋ไม่ได้บอกไป๋หรูปิงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สำหรับเด็กสาวนั้น คนที่รู้เรื่องนี้ยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี

ฮูหยินไป๋มองลูกสาว พลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “กฎระเบียบโดยทั่วไปไม่เคยเข้าหัวเลยหรือไร? เด็กคนนี้ไม่รู้จักถามคนอื่นเอาเสียเลย?”

ไป๋หรูปิงแลบลิ้น จากนั้นก็ทำความเคารพต่อหน้าเหยาซู “ฮู…หยินหลิน”

เหยาซูยิ้ม จากนั้นก็ปลดสร้อยข้อมือออกจากข้อมือของตัวเองแล้วมอบให้กับไป๋หรูปิง

เมื่อครู่ไป๋หรูปิงวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้น เสี้ยววินาทีที่ถูกผู้เป็นมารดาของตนสั่งสอนก็เข้าใจทันทีว่าตัวเองต้องทำอย่างไร จึงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

ต่อหน้าของผู้เป็นแม่ นางเป็นลูกสาวที่รู้จักกาลเทศะ

“เด็ก ๆ ไปหยิบใบปีเกิดของคุณชายเสีย”

เหยาซูให้สาวใช้ไปจัดการเรื่องใบปีเกิดของหลินจื้อ จากนั้นก็แลกเปลี่ยนใบปีเกิดของฮูหยินไป๋ “พิธีการในวันนี้ไม่เรียบร้อยนักคงสร้างความขบขันให้พี่หญิงไม่น้อย พรุงนี้ข้าจะพาแม่สื่อมาจัดการงานหมั้นขนาดเล็กนี้”

หลังจากจัดการงานหมั้นเล็ก ๆ เรียบร้อยแล้วก็ต้องจัดการในลำดับต่อไป

สีหน้าของไป๋หรูปิงแดงระเรื่อด้วยความเอียงอาย หูของหลินจื้อถูกย้อมไปด้วยสีแดงหนึ่งชั้น แต่กลับเป็นหลินซือที่ยังมองสองคนด้วยความสนใจ “เช่นนั้นเด็กอย่างข้าจะได้แต่งหน้าเมื่อใด?”

“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าตบปากเจ้าได้!”

ไป๋หรูปิงไม่สนใจจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวอีกแต่อย่างใด ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความขวยเขิน จากนั้นก็วิ่งตามหลินซือ

ครั้นเหยาซูและฮูหยินไป๋เห็นหญิงสาวที่วิ่งไล่ตามกันติด ๆ ทั้งสองคนต่างส่งยิ้มให้กัน

แน่นอนว่า ฮูหยินไป๋ตื่นตกใจอย่างมาก!

นางไม่ค่อยเห็นบุตรสาวตนเองมีพลังเหลือล้นเช่นนี้นัก!

………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เกือบไปแล้วไหมละหลินจื้อ โดนแม่แกงหม้อใหญ่ ๆ เลย

ไหหม่า(海馬)