บทที่ 524 คาดเดา

บทที่ 524 คาดเดา

บทที่ 524 คาดเดา

“ท่านแม่ ท่านทำข้าตกใจแทบแย่เชียวเจ้าค่ะ ทีแรกข้าไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

หลังจากส่งสองแม่ลูกฮูหยินไป๋และไป๋หรูปิงแล้ว ภายในห้องเหลือเพียงสามแม่ลูก หลินซือจึงคว้ามือของเหยาซูไว้ พลางบ่นอุบอิบ

ครั้นเหยาซูเห็นท่าทางผ่อนคลายของลูกสาวตน จึงเอ่ยอย่างจนปัญญา “เจ้าต้องรอไปก่อน เรื่องนี้ยังวุ่นวายอยู่ใหญ่หลวงนัก”

หลินซือและหลินจื้อสองพี่น้องมีสีหน้าประหลาดใจ เหยาซูจึงได้บอกเรื่องนี้แก่เด็กทั้งสอง

“เมื่อต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าต้องถึงกับคุกเข่าคงไม่ค่อยดีนัก” เหยาซูมองเด็กทั้งสองคนตรงหน้า ถอนใจยกใหญ่ “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายเจ้าชอบ ส่วนหรูปิงเด็กคนนั้นก็เป็นเด็กน่ารัก ข้าเองก็ไม่อยากก้าวลงไปในน้ำโคลนเช่นนี้”

หลินซือได้ยินคำพูดของเหยาซูก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมรับวิธีการของฮูหยินไป๋ “เสียดายที่เราใจกว้างเกินไป ถ้าเจอคนที่หยิ่งทะนงในตัวเองเทือกนั้น มิรู้เลยว่าจะทำอย่างไร”

หลินจื้อเงียบมาโดยตลอด ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากันแน่นขณะดึงสติออกจากความตื่นเต้นในการหมั้นหมายเมื่อครู่

เขาไม่ใช่คนโง่ เรื่องที่เหยาซูคิดเขาพอจะเข้าใจได้ เรื่องนี้อย่าว่าแต่เหยาซูจะไม่พอใจเลย หลังจากหลินจื้อได้ฟังก็พลันรู้สึกไม่ดี

“ไม่รู้ว่าใต้เท้าไป๋จะรู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด?”

เวลานี้หลินจื้อเงียบสงบโดยสมบูรณ์ ตามหลักเหตุผลแล้วนายท่านไป๋ก็คืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับเขา

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หลินจื้อไม่มีทางตั้งข้อสงสัยในตัวเขาแน่นอน แต่ถ้าถึงขั้นขึ้นโรงศาลที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนนี้เขาก็ไม่อยากคิดเลย

หลังจากได้ยินประโยคนี้ หลินซือก็ขมวดคิ้วแน่นทันที “ความหมายของท่านแม่คือนายท่านไป๋เกี่ยวพันกับเรื่องเหล่านี้ด้วยหรือเจ้าคะ?”

โดยทั่วไปแล้วเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นหน้าที่ฮูหยินออกโรง น้อยมากที่จะมีบุรุษเข้ามาเกี่ยวข้อง แรกเริ่มหลินซือไม่เคยนึกถึงนายท่านไป๋เลยเพราะกรอบความคิดของเขา

“เรื่องแบบนี้ ใครเล่าจะรู้ได้?”

มุมปากของเหยาซูเหยียดยิ้มเยาะเย้ยบาง ๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบการจัดการของตระกูลไป๋ในครานี้ “อาจจะเป็นแผนของสองสามีภรรยาคู่นี้ก็ได้ แค่ต้องการวางกรอบให้เรา”

ถ้านายท่านไป๋เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริง ๆ เรื่องนี้จำเป็นต้องคิดพิจารณาใหม่อีกครั้ง

หลินจื้อครุ่นคิด สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นลำบากใจมากขึ้น

การกระทำของตระกูลไป๋ในบางมุมมองนับว่าเป็นการแต่งงานแบบหลอกลวงชัด ๆ

ครั้นเหยาซูเห็นสีหน้าของหลินจื้อ ในใจก็ค่อย ๆ เข้าใจว่าหลินจื้อกำลังคิดสิ่งใด “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ครอบครัวเราแก้ไขไม่ได้ หากเรื่องบานปลายจริง ๆ พวกเราก็มิต้องเกี่ยวดองกับครอบครัวนี้”

ตระกูลหลินมีอำนาจเหลือล้น หลายปีที่ผ่านมาค่อย ๆ ขยายอำนาจออกไป มิต้องพูดถึงอำนาจในราชสำนักเลย หลินจื้อไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับตระกูลฝ่ายหญิงที่เรืองอำนาจก็ได้ ต่อให้ตระกูลไป๋จะเป็นตระกูลผู้สูงศักดิ์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลมั่งคั่งในเมืองหลวงถือว่ายังไม่โดดเด่นพอ

หลินจื้อเม้มปากแน่น “ทำให้ท่านแม่เป็นกังวลจนได้”

เหยาซูให้ฮูหยินไป๋รอฟังคำตอบ นับว่าเป็นคำตอบของตระกูล ลูกชายของตระกูลหลินก็ชื่นชอบไป๋หรูปิงคนนี้ อีกด้านหนึ่งตระกูลหลินไม่มีทางประณามตระกูลไป๋เพราะเรื่องการสู่ขอนี้แน่นอน

เรื่องนี้จะว่าไปมันก็ง่ายแสนง่าย แต่ถ้าทั้งสองตระกูลเกิดรอยร้าว การจะเชื่อมประสานไม่ใช่เรื่องง่าย

หลินซือเองก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หรูปิงและนางเป็นไปในทางที่ดีมาก ทั้งสองคนไปมาหาสู่กันไม่น้อย แต่กลับไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ผ่านปากของไป๋หรูปิงเลยแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริงการทำแบบนี้ในตอนนี้นับว่าเป็นการนำไป๋หรูปิงและหายนะที่จะตามมาวางบนปลายทั้งสองด้านของตาชั่ง จากนั้นก็เลือกส่วนดีและส่วนเสียในตอนสุดท้ายของเรื่อง

แต่ไป๋หรูปิงจะเลือกอย่างไร?

ยามที่หลินซือนึกถึงคำถามนี้ก็นิ่งงัน นางจึงคัดไป๋หรูปิงออกแล้วเลือกพ่อแม่ของตัวเองเพราะเรื่องนี้

ตอนที่ไป๋หรูปิงประสบกับเรื่องเหล่านี้จะเลือกแบบเดียวกันหรือไม่?

ทั้งสามคนนิ่งเงียบสักพัก หลังจากผ่านไปเนิ่นนานเหยาซูก็ได้ยืดตัวขึ้น “เราสามคนพูดเรื่องนี้ต่อก็ไม่มีประโยชน์ ให้บิดาของเจ้ากลับมาก่อนแล้วค่อยบอกกล่าวเขา เรื่องราวหลังจากนั้นค่อยเป็นค่อยไปก็ได้”

ในตอนที่เหยาซูพูดประโยคนี้ หลินซือและหลินจื้อก็ตื่นจากภวังค์ ก่อนจะทยอยกันแสดงความเคารพ และออกจากเรือนหลักไป

ระหว่างทางหลินซือและหลินจื้อสองพี่น้องเดินอย่างไร้จุดหมาย ผ่านไปครู่หนึ่ง หลินซือก็ได้เอ่ยปาก “มิสู้ท่านพี่ไปนั่งคุยกับข้าตรงนั้นดีกว่า?”

หลินจื้อพยักหน้า แล้วเดินตามหลินซือเข้ามาในห้อง

หลินซือให้สาวใช้รินน้ำชาให้หลินจื้อหนึ่งจอก จากนั้นก็หันไปมองพี่ชาย “เรื่องนี้ ท่านพี่คิดว่าอย่างไรเจ้าคะ?”

เพราะการเปิดประเด็นของหลินซือ คำตอบของหลินจื้อจึงต้องตรงไปตรงมา เขาเหยียดยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้จะให้ทำอย่างไรได้เล่า? เจ้าว่าความรักสำคัญกว่าหรือว่าชีวิตที่สำคัญกว่า?”

หลินซือได้ยินประโยคนี้ก็เข้าใจความหมายของเขาทันที แต่เมื่อเห็นท่าทางขมขื่นของหลินจื้อ จึงอดกล่าวปลอบไม่ได้ “เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร ข้ายังไม่แน่ใจ จะพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ก็คงจะเร็วเกินไป”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่หลินซือก็รู้ดี การปฏิบัติตัวระหว่างผู้เป็นแม่และเด็กทั้งสองคนเชื่อได้เลยว่าได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว

“ไม่รู้ว่าคำพูดของฮูหยินไป๋จะเชื่อได้มากน้อยเพียงใด”

หลินซือเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จากนั้นก็เคาะโต๊ะเหมือนจะมีแต่ก็ไม่มีอะไร

หลินจื้อคลี่ยิ้ม “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”

แม้ว่านัยน์ตาของเขาที่สะท้อนออกมาจะแฝงด้วยความเคร่งเครียด แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับยังดูผ่อนคลายมากทีเดียว

หลินซือพูดไม่ออก เรื่องนี้สำหรับตระกูลหลินแล้วกลับไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แม้ว่าตระกูลไป๋จะมีการคำนวณเรื่องนี้ออกมาบ้างแล้ว แต่ก็จนปัญญาต่อตระกูลหลิน

อำนาจอันยิ่งใหญ่ก็มีข้อดีอยู่ ความจริงแล้วเรื่องแบบนี้สำหรับตระกูลหลินไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับตระกูลไป๋ไม่ว่าจะเลือกอย่างไร ก็ล้วนแต่สร้างบาดแผลลึกลงถึงกระดูกทั้งนั้น

เหยาซูไม่พอใจในเรื่องนี้ พูดได้ว่าไม่พอใจกับการคำนวณในเรื่องนี้

“ปากข้าไม่ดีเอง แต่ถึงกระนั้น….ก็น่าเสียดายพี่ไป๋นะ”

หลินซือและไป๋หรูปิงมีความรู้สึกผูกพันกันมานาน ย่อมอยากเห็นไป๋หรูปิงมีชีวิตที่ดี แต่ถ้าไป๋หรูปิงมีชีวิตที่ดีแลกกับการเหยียบย่ำตระกูลหลิน เช่นนั้นหลินซือก็ไม่อยากเห็น

“ความจริงแล้วเรื่องนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย พรุ่งนี้ดูสิว่าตระกูลไป๋จะกลับมาขอถอนหมั้นหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ย่อมเข้าใจเหตุผลได้”

ขณะที่หลินซือคิดเช่นนี้ สภาพจิตใจได้ฟื้นกลับมาดีเกินครึ่งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมตัวนางถึงยังไม่มีเรี่ยวแรง…

…………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เป็นการหมั้นที่มีความสุขไม่สุดจริงๆ เพราะมีเรื่องของชื่อเสียงตระกูลมาเกี่ยวข้อง มาดูกันต่อไปค่ะว่างานหมั้นระหว่างอาจื้อกับน้องไป๋จะล่มหรือไม่

ไหหม่า(海馬)