บทที่ 557 ชาติก่อนชาตินี้ กลับมา
ชายชุดคลุมสีอ่อนมายืนอยู่ข้างกายนาง สังเกตนางรอบหนึ่งอย่างละเอียด จึงพยักหน้าอย่างพอใจมาก
“อยู่บนตัวของท่าน สมบูรณ์แบบมาก”
เห็นหลานเยาเยามองเขา ค่อยๆขมวดคิ้ว ส้งเย่นกุยรีบดึงสติความคิดอ่านทันที
“อ๋อ อีกร่างหนึ่งหรอ! ถูกฝังแล้ว ท่านจ้องข้าทำไมขอรับ? ไม่ใช่ข้าฝัง เรื่องนี้ท่านควรไปหาเย่หลีเฉิน เป็นเขาที่แอบฝังท่าน
เขาสาบานว่า ต้องการสร้างหลุมศพที่สวยงามโอ่อ่าให้ท่าน ท่านดูสิขอรับนี่ก็หนึ่งปีแล้ว ทั้งผืนทะเลทรายนี้นอกจากข้าและท่าน แม้แต่เงาของผีก็ไม่มี”
พูดจบ!
ส้งเย่นกุยทำท่าทางที่น่าเบื่อเอาเท้าเขี่ยทราย บนใบหน้าซ่อนความปีติไว้ไม่ได้
“หนึ่งปีแล้ว เฝ้ารอหนึ่งปีเต็มๆแล้ว ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”
แต่ทว่า หลานเยาเยากลับจับใจความสำคัญในคำพูดของเขา ในแววตาแฝงความสงสัย
“หนึ่งปี?”
การปลุกความทรงจำ รู้สึกเป็นเพียงเวลาชั่วพริบตา คิดไม่ถึงว่าเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว มิน่าล่ะทั้งตัวของนางเต็มไปด้วยกลิ่นยาฉุนๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และนึกถึงความทรงจำเหล่านั้น หลานเยาเยาก็เศร้าหมองในทันที อารมณ์จิตใจค่อนข้างเจ็บปวด
นางยังมีหน้าอะไรไปเผชิญหน้ากับเย่แจ๋หยิ่งอีก?
นางคิดมาตลอดว่าตัวเองจิตใจแน่วแน่มั่นคง เป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความสัมพันธ์
แต่ตอนนี้ ข้ามเวลามาสองครั้งเกิดความรักทั้งสองครั้ง แม้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีความทรงจำ นั่นก็ไม่ควร
แม้ว่าพวกเขาจะเหมือนคนเดียวกัน แต่นิสัยไม่เหมือนกัน ห่างกันเป็นพันปี
เฮ้อ……
“เขาล่ะ?”
“ใครขอรับ?” ส้งเย่นกุยสงสัย แต่ในใจก็แอบเดาได้ว่าที่นางถามคือใคร
“เย่แจ๋หยิ่ง!”
ส้งเย่นกุยส่ายศีรษะ : “ไม่ทราบขอรับ ข้าอยู่กับท่านที่ทะเลทรายมาตลอด เดิมทีก็ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอก แต่เวลานั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยังบาดเจ็บสาหัสเป็นที่สุด บวกกับบาดเจ็บทางจิตใจ คาดว่าคงไม่หายดีในสามปีห้าปีขอรับ”
อ๋องเย่ไม่กี่พันปีหลังนั้นเหมือนฮ่องเต้เมื่อไม่กี่พันปีก่อนเป็นที่สุด พบครั้งแรก เขาได้รับความตกใจไม่น้อย
อย่างไรเสียฮ่องเต้เป็นคนขี้หึง
เกลียดการเห็นเขาตามติดหลานเยาเยาทั้งวันทั้งคืนเป็นที่สุด แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ หลังจากที่พบว่าเขากลัวอุกกาบาตโดยบังเอิญ ก็แอบหลอกถามหลานเยาเยา จากนั้นก็รวบรวมอุกกาบาตมากมาย ซ่อนอุกกาบาตไว้ในพระราชวังตรงสถานที่พบปะกับหลานเยาเยา ทำให้เขาเข้าใกล้ไม่ได้
ยังจะมาสู้ตัวต่อตัวกับเขาแบบเปิดเผยและแบบลับๆ ตีเขายับเยินจนพ่อแม่จำไม่ได้แล้ว
พลังที่โหดร้ายนั้น ราวกับว่าต้องการจะกลืนเขาทั้งเป็นเช่นนั้น แต่อยู่ต่อหน้าหลานเยาเยา เขาก็นุ่มนวลราวกับลูกสุนัขตัวหนึ่ง บริสุทธิ์ไร้พิษสง แรงสังหารสักหน่อยก็ไม่มี
ทำให้วิธีการกลอุบายไม่กี่พันอุบายของเขาเจ้าระบบที่แอบซ่อนอยู่ในระบบก็สู้เขาไม่ได้
หลังจากถูกสั่งสอนอย่างทารุณสองสามครั้ง
เขาก็ยอมแพ้ด้วยใจจริง และโดนปราบปรามราบคาบแล้ว
นอกจากจะพูดว่าเอาชนะได้ ก็บอกว่ายอมรับชะตาดีกว่า อย่างไรเสียฮ่องเต้ก็รักหลานเยาเยาลึกซึ้ง รักเอ็นดูนางขึ้นหิ้ง ทำไมเขาจะไม่สนับสนุนเรื่องดีๆล่ะ?
ต่อมาหลังจากนั้น เรื่องที่ฮ่องเต้ทำเพื่อหลานเยาเยา เขาสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้เขาเข้าใจโลกมนุษย์ยังมีความสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่สามารถทุ่มเททุกอย่างที่มีแต่คงไว้ซึ่งปณิธานแรกได้ แม้ว่าจะทุ่มเทเพื่อสิ่งนี้ทั้งหมด จนกระทั่งชีวิตก็ไม่เสียดาย
ดังนั้นในจิตใต้สำนึก เขาทั้งเกรงกลัวและเคารพต่อฮ่องเต้
หลังจากนั้นไม่กี่พันปี ครั้งแรกที่พบอ๋องเย่ เขาตกใจจนระบบแปรปรวน
“ตอนนั้นทำไมเจ้าไม่ลงมือ?” เสียงของหลานเยาเยาแผ่วเบา
ในน้ำเสียงไม่ได้แฝงการตำหนิ ไม่ได้โกรธเคือง กระทั่งไม่มีพูดคำหนักๆออกมาสักคำ
นางรู้ แม้ว่าเขาจะกลัวเย่แจ๋หยิ่ง ก็จะไม่ละทิ้งไม่สนใจนาง เขาไม่ลงมือก็มีเหตุผลที่เขาไม่ลงมือ
“ปรากฏการณ์วันนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่ปรากฏขึ้นก่อนที่ท่านจะข้ามเวลามาจากยุคปัจจุบันในครั้งแรกพอดี ท่านบอกว่า เวลานี้กาลเวลาแตกแยกออก
หลังจากนั้นท่านเพื่อช่วยฮ่องเต้ ใช้ความสามารถทุกอย่างที่มีปรุงยาฉางตานออกมา ก่อนจากไปเคยบอกข้าว่า หากท่านตายไป เพียงแค่จิตวิญญาณไม่ดับมอด ข้าก็จะไม่สูญหายไป รอจนได้พบกาลเวลาที่แตกแยกออกจากกัน ข้าก็จะกลับมาแล้ว
แต่ว่า!
รอคอยวันแล้ววันเล่า ประสบกับกาลเวลาเปลี่ยนแปลง ข้าก็ลืมตัวเองแล้ว หลงอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ในร่างกายของส้งเย่นกุย
จากเวลาที่ยาวนาน ระบบเริ่มปิดตัวเอง ข้าก็เกรงกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียความสามารถในความทรงจำ ดังนั้นใช้ยาหลอนประสาททุกวัน เกิดภาพหลอนของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตไม่หยุด จากนั้นก็ปิดตัวเองขึ้น
จนท่านปรากฏตัวที่หมู่บ้านฝันฮั๋วอีกครั้ง ข้าจึงเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน ค่อยๆตื่นจากความฝันที่เลือนราง
แต่ว่าท่านไม่ได้เป็นท่านอีก ไม่มีร่างกาย มีเพียงจิตวิญญาณ อีกทั้งสามารถผสานเข้ากับร่างกายของท่านได้ภายใต้สถานการณ์ที่ท่านไม่รู้ตัว ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เวลานั้นข้าจึงรู้ ท่านจำเป็นต้องรีบกลับไปพระราชวังเดิมของฮ่องเต้ นั่นเป็นสถานที่พันกว่าปีก่อนของท่าน
กาลเวลาแตกแยกออกที่นั่น บางทีกาลเวลาอาจจะถูกแยกออกอีกครั้ง ร่างกายที่ท่านทิ้งไว้ในยุคปัจจุบันจะข้ามเวลามา ถึงเวลาแม้ว่าร่างกายกาฝากจะแก่ชราแล้วตาย ท่านก็ยังสามารถมีชีวิตต่อได้
แต่ว่า……
พบเวลาที่กาลเวลาแยกออกถึงได้เข้าใจ ที่แท้ข้าก็ไม่มีประโยชน์เลย กาลเวลาแยกออกเพราะว่าสนามแม่เหล็กของที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลง มีผลกระทบกับข้ามากกว่าอุกกาบาต
พลังที่มีอยู่นิดหน่อย ทำให้ข้าคิดไปช่วยพวกท่านหลายครั้ง แต่ข้ากลับไม่สามารถทำได้ เพราะหากว่าร่างกายของท่านกลับมาแล้ว ก็จะไม่มีคนที่สามารถเฝ้ารักษาท่านได้แล้ว”
โชคดีก็คือ ร่างกายของเจ้านายมาแล้วจริงๆ
และเขาก็รอจนนางฟื้นขึ้นมาแล้ว
“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่มีใครผิดใครถูก พวกเราไปกันเถอะ!”
“ไปไหนขอรับ?”
“ระบบได้เลื่อนขั้นหมดแล้ว กาลเวลาแยกออกหนึ่งพันปีพบได้ครั้งหนึ่ง ข้าเกรงว่าจะกลับไปไม่ได้แล้ว กลับไปไม่ได้ก็ดี สามารถเฝ้ารักษาคนที่ข้าอยากเฝ้ารักษาได้พอดี” แม้ว่าจะไม่มีคุณสมบัติที่จะครองรักนิรันดร์กับเย่แจ๋หยิ่งแล้ว แต่นางอยู่ข้างกายเงียบๆคุ้มครองเขา คุ้มครองให้เขาปลอดภัยทั้งชีวิตก็ได้
“ท่านต้องการไปหาอ๋องเย่? เช่นนั้นท่านวางฮ่องเต้ลงแล้วหรือขอรับ? แม้ว่าพวกเขาจะหน้าตาเหมือนกัน แต่ในใจของท่านกระจ่างแจ้งพวกเขาไม่ใช่คนเดียวกัน” เช่นนั้นความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ เกรงว่าหมุนวนกลับมาอีกร้อยชาติก็ลืมไม่ได้หรอก!
“ข้าเพียงอยากไปดูเขาเท่านั้น”
“เพียงเท่านี้จริงหรือขอรับ?” ส้งเย่นกุยสีหน้าไม่เชื่อ ในใจแอบด่า : คนหลายใจ
ใครจะรู้ สีหน้าหลานเยาเยาเปลี่ยนทันที กัดฟันจ้องมองส้งเย่นกุย : “เจ้าอย่าลืม พวกเราเป็นร่างเดียวกัน เจ้าคิดอะไรอยู่คิดว่าข้าไม่รู้?”
ส้งเย่นกุยรีบปิดปากไว้ทันที สีหน้าตกใจกลัว
ทำไมเขาถึงลืมจุดนี้ได้?
ดูเหมือนว่าจะอยู่ด้วยตัวเองนานเกินไป เกือบลืมตัวแล้ว ไม่ได้ การพูดจาหลังจากนี้……อ่อไม่ หลังจากนี้แม้แต่จะคิดก็ต้องทบทวนตรึกตรองอย่างลึกซึ้ง
“แบบนั้นยังพอว่า”
ฟังถึงตรงนี้ ดวงตาของส้งเย่นกุยก็เปิดกว้างอีกมาก โอ้โห ได้ยินอีกแล้ว
ชั่งไม่ยุติธรรมนัก
แม้ว่าข้ากับเจ้านายจะมีจิตใจส่งถึงกัน ก็ไม่สามารถที่จะรู้ความคิดทั้งหมดของนางได้ ก่อนหน้านี้ขณะที่ร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้านายยังไม่ผสานเข้าด้วยกัน แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจกันได้อย่างดี แต่เจ้านายไม่รู้ความคิดในใจของเขา
ตอนนี้น่าเศร้านัก
หลังจากนี้หากว่ามีเรื่องขัดใจ อยากหาเจ้านายเพื่อระบายอารมณ์มากๆจะทำอย่างไร?
“เพี๊ย!”
โดนคนเขกหัวอย่างแรงทีหนึ่ง เงยหน้าก็เห็นหลานเยาเยายืนขึ้นแล้ว และเก็บมือกลับไปแล้ว เขามองนางอย่างงุนงง จากนั้นก็ตาเหลือก ล้มลงไป
“…..